ตาก- ยอดการค้าไทย-พม่าผ่านด่านฯแม่สอด - เมียวดี เดือนแรกปี 55 พุ่งทะลุกว่า 3 พันล้านบาทแล้ว เชื่อไตรมาสแรกปีนี้ ยอดโตกว่าปีกลายไม่น้อยกว่า 30-40% แน่ หลังพม่ามีข่าวดีเกิดขึ้นไม่หยุด ขณะที่แผนพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทยก็คืบหน้าต่อเนื่อง
นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ นายด่านศุลกากรแม่สอด ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า ในเดือนม.ค.เดือนแรกของปี 55 มูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มสูงขึ้นเป็นกว่า 3,000 ล้านบาทแล้ว และคาดว่าหลังกรมทางหลวง มีการซ่อมแซมตอม่อฐานรากของสะพานมิตรภาพไทย-พม่า และรถบรรทุกสามารถขนส่งสินค้าได้เต็มรูปแบบ จะทำให้มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นอีก
“ไตรมาสแรกของปี 2555 ยอดการค้าจะสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 30-40 % เพราะพม่าเปิดพรมแดนแม่สอด-เมียวดี และมีนโยบายต่าง ๆ ที่มีผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจแม่สอดเช่นโครงการการก่อสร้างถนนเส้นทางแม่สอด-เมียวดี-กอกาเรก -การดำเนินนโยบายต่างๆของรัฐบาลที่มุ่งเน้นในการพัฒนานครแม่สอดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมไปถึงการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องนี้ที่สร้างความมั่นใจให้นักธุรกิจ ในการหันมาลงทุนหรือส่งออกสินค้าด่านแม่สอดมากขึ้น”
นายพงศ์เทพ บอกว่า ขณะนี้ การส่งออก-นำเข้าสินค้าชายแดน ด่านแม่สอด-เมียวดี มีการค้าทั้งที่สะพานมิตรภาพฯและตามท่าเรือขนส่งสินค้าริมแม่น้ำเมย จากนั้นสินค้าจะถูกส่งไปยังพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดี ก่อนกระจายต่อไปยังจังหวัดชั้นในของพม่า รวมทั้งกรุงย่างกุ้ง ซึ่งชาวพม่านิยมซื้อสินค้าไทยเพื่ออุปโภคและบริโภคมากกว่าประเทศอื่นๆ
นายวีระชัย ระกำทอง ผู้อำนวยการแขวงการทางตากที่ 2 แม่สอด จังหวัดตากกล่าวถึงข่าวฐานตอม่อสะพานมิตรภาพไทย-พม่า เชื่อมนครแม่สอดกับจังหวัดเมียวดีทรุดตัวและบิดเคลื่อนรูปทรงเปลี่ยนไป จนทำให้ประชาชนในพื้นที่ตื่นตกใจ ว่า สะพานมิตรภาพฯยังสามารถใช้การได้ดีตามปกติ และศูนย์ก่อสร้างสะพานที่ 1 มีการมาตรวจสอบทุก 2 สัปดาห์ และการขนส่งสินค้าข้ามแดนสามารถดำเนินการได้ตามปกติ โดยได้ควบคุมน้ำหนักรถบรรทุกที่กำหนดไว้ คือ รถบรรทุก 10 ล้อบรรทุกได้ไม่เกิน 25 ตัน และรถบรรทุก 6 ล้อ ไม่เกิน 16 ตัน โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไทย-พม่า ได้มีการประสานงานกันตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม โครงการความร่วมมือในการก่อสร้างถนนเส้นทางแม่สอด-จ.เมียวดีไปจนถึง จ.กอกาเรก งบประมาณ 1,114 ล้านบาทนั้น ไทย-พม่าได้มีการหารือเรื่องการซ่อมแซมสะพานมิตรภาพฯ ด้วย โดยคาดว่าในช่วงกลางเดือนก.พ.นี้ อาจจะมีการปิดสะพานชั่วคราว 3-4 วัน เพื่อทำการซ่อมแซมฐานรากตอม่อ เพื่อให้ใช้การได้ดีและสร้างความมั่นใจให้นักธุรกิจ-พ่อค้าประชาชน ที่จะใช้ในการเดินทางสัญจรไป-มา
นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ นายด่านศุลกากรแม่สอด ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า ในเดือนม.ค.เดือนแรกของปี 55 มูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มสูงขึ้นเป็นกว่า 3,000 ล้านบาทแล้ว และคาดว่าหลังกรมทางหลวง มีการซ่อมแซมตอม่อฐานรากของสะพานมิตรภาพไทย-พม่า และรถบรรทุกสามารถขนส่งสินค้าได้เต็มรูปแบบ จะทำให้มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นอีก
“ไตรมาสแรกของปี 2555 ยอดการค้าจะสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 30-40 % เพราะพม่าเปิดพรมแดนแม่สอด-เมียวดี และมีนโยบายต่าง ๆ ที่มีผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจแม่สอดเช่นโครงการการก่อสร้างถนนเส้นทางแม่สอด-เมียวดี-กอกาเรก -การดำเนินนโยบายต่างๆของรัฐบาลที่มุ่งเน้นในการพัฒนานครแม่สอดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมไปถึงการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องนี้ที่สร้างความมั่นใจให้นักธุรกิจ ในการหันมาลงทุนหรือส่งออกสินค้าด่านแม่สอดมากขึ้น”
นายพงศ์เทพ บอกว่า ขณะนี้ การส่งออก-นำเข้าสินค้าชายแดน ด่านแม่สอด-เมียวดี มีการค้าทั้งที่สะพานมิตรภาพฯและตามท่าเรือขนส่งสินค้าริมแม่น้ำเมย จากนั้นสินค้าจะถูกส่งไปยังพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดี ก่อนกระจายต่อไปยังจังหวัดชั้นในของพม่า รวมทั้งกรุงย่างกุ้ง ซึ่งชาวพม่านิยมซื้อสินค้าไทยเพื่ออุปโภคและบริโภคมากกว่าประเทศอื่นๆ
นายวีระชัย ระกำทอง ผู้อำนวยการแขวงการทางตากที่ 2 แม่สอด จังหวัดตากกล่าวถึงข่าวฐานตอม่อสะพานมิตรภาพไทย-พม่า เชื่อมนครแม่สอดกับจังหวัดเมียวดีทรุดตัวและบิดเคลื่อนรูปทรงเปลี่ยนไป จนทำให้ประชาชนในพื้นที่ตื่นตกใจ ว่า สะพานมิตรภาพฯยังสามารถใช้การได้ดีตามปกติ และศูนย์ก่อสร้างสะพานที่ 1 มีการมาตรวจสอบทุก 2 สัปดาห์ และการขนส่งสินค้าข้ามแดนสามารถดำเนินการได้ตามปกติ โดยได้ควบคุมน้ำหนักรถบรรทุกที่กำหนดไว้ คือ รถบรรทุก 10 ล้อบรรทุกได้ไม่เกิน 25 ตัน และรถบรรทุก 6 ล้อ ไม่เกิน 16 ตัน โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไทย-พม่า ได้มีการประสานงานกันตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม โครงการความร่วมมือในการก่อสร้างถนนเส้นทางแม่สอด-จ.เมียวดีไปจนถึง จ.กอกาเรก งบประมาณ 1,114 ล้านบาทนั้น ไทย-พม่าได้มีการหารือเรื่องการซ่อมแซมสะพานมิตรภาพฯ ด้วย โดยคาดว่าในช่วงกลางเดือนก.พ.นี้ อาจจะมีการปิดสะพานชั่วคราว 3-4 วัน เพื่อทำการซ่อมแซมฐานรากตอม่อ เพื่อให้ใช้การได้ดีและสร้างความมั่นใจให้นักธุรกิจ-พ่อค้าประชาชน ที่จะใช้ในการเดินทางสัญจรไป-มา
