ตาก - ภัยแล้ง 55 มาเยือนทำน้ำเมยแห้งขอด กระทบการขนส่งสินค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี ผ่าน 19 ท่าข้ามที่เคยเป็นท่อสินค้าชั้นดี ระหว่างไทย-พม่า ทั้งระบบ ล่าสุด ต้องใช้วิธีแล่นเรือหาร่องน้ำที่ลึกพอ หรือใช้คนลากเรือข้ามแล้ว คาด อีกไม่เกิน 1-2 เดือนจากนี้ต้องใช้แรงคนขนแทน
รายงานข่าวจากชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งว่า ขณะนี้แม่น้ำเมย ที่กั้นพรมแดนแม่สอด-เมียวดี ประเทศพม่า เริ่มมีระดับน้ำที่ลดต่ำลง จากสภาวะภัยแล้งส่งผลกระทบต่อการลำเลียงสินค้าข้ามจากแม่สอด เข้าเมียวดีผ่านท่าข้ามต่างๆ ที่มีอยู่ 19 แห่งอย่างรุนแรง เพราะท้องเรือจะติดกับโขดหิน-สันดอนทราย ที่โผล่ขึ้นมากลางลำน้ำ จนสามารถเดินข้ามไป-มาได้
โดยเฉพาะบริเวณท่าเรือท่าพุทธราและท่าห้วยม่วง เนื่องจากบริเวณนั้นแม่น้ำกว้าง ทำให้น้ำกระจายไปตามร่องน้ำต่างๆ ทำให้ระดับน้ำไม่พอต่อการแล่นเรือ การขนส่งสินค้าต้องเริ่มใช้แรงงานขนข้ามแม่น้ำ ซึ่งก็เป็นการเพิ่มต้นทุนและเสียเวลาในการขนสินค้ามากขึ้น
นายสุวิชัย เฮิงโม สมาชิกสภาเทศบาลตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด ในฐานะผู้ประกอบการท่าเรือขนส่งสินค้าริมแม่น้ำเมย คลังสินค้า ที่ 11 หมู่ 3 บ้านท่าอาจ ต.ท่าสายลวด กล่าวว่า ขณะนี้แม่น้ำเมยเริ่มตื้นเขิน ระดับน้ำลดลงเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้การขนส่งสินค้าทางเรือหางยาวเริ่มมีปัญหาได้รับผลกระทบจากน้ำที่ตื้นเขิน ท้องเรือเริ่มติดโขดหินกลางแม่น้ำ ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนหาร่องน้ำที่ลึกกว่าเดิม ใช้วิธีแล่นเรืออ้อมเส้นทางบางจุด เพื่อให้เรือข้ามไปส่งและรับสินค้าจากฝั่งพม่าได้ แต่ต้องเสียเวลาและเพิ่มค่าน้ำมัน และบางครั้งต้องใช้วิธีลากเรือแทน
“ผมคิดว่าอีก 1-2 เดือนข้างหน้า (เดือนมีนาคม-เมษายน) จะมีปัญหาน้ำเมยตื้นเขินแห้งขอด และเรือไม่สามารถวิ่งรับ-ส่งสินค้าข้ามแดนได้ ซึ่งต้องใช้วิธีใช้แรงงานคนแบกขนสินค้าข้ามแม่น้ำเมย เสียเวลาและต้นทุนเพิ่มไปอีกเท่าตัวแน่นอน”
ทั้งนี้ พ่อค้าผู้ประกอบการ ท่าเรือสินค้า เคยคิดที่จะหาวิธีการสร้างสะพานชั่วคราวในช่วงฤดูแล้ง น้ำเมยแห้ง เพื่อใช้รถหรือวิธีการอื่นๆ ข้ามไปส่ง-รับสินค้า แต่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากติดขัดปัญหากฎหมายระหว่างประเทศ ที่ไม่สามารถสร้างสะพานเชื่อมต่อใดๆ ได้ โดยสะพานที่จะใช้ได้มีแห่งเดียวในขณะนี้คือสะพานมิตรภาพไทย-พม่า
ดังนั้น ในฤดูแล้งแม่น้ำเมยแห้งขอด การขนส่งสินค้าเมื่อไม่สามารถใช้เรือได้ ก็ต้องใช้แรงงานคนอย่างเดียวในการแบกขนสินค้าข้ามแดน