ASTVผู้จัดการรายวัน-“ปิยสวัสดิ์”ยันปี 55 มีกำไรแน่ จัดซื้อน้ำมันล่วงหน้า รับมือราคาตลาดโลกเดินหน้า หั่นโอทีตั้งเป้าลดค่าใช้จ่าย 1,000ล้านบาท เผยเช่าโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ 8 ลำ รับมอบตั้งแต่ปี 57 ช่วยลดต้นทนบริษัทได้อีก 8%
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2555 บริษัทฯมีแผนบริหารจัดการเรื่องต้นทุนน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนหลัก ในสัดส่วนถึง 40% ของต้นทุนรวมบริษัท โดยได้มีการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (hedging) ไว้ตลอดทั้งปีในระดับราคาที่เหมาะสม โดยหากราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้นอีก 3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล บริษัทจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียง 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งจะส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทในปี 2555 ที่มั่นใจว่าจะกลับมามีกำไรอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ บริษัท ยังมีแผนการลดค่าใช้จ่ายรวมโดยตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรในส่วนของค่าล่วงเวลา (โอที) ซึ่งบริษัทได้ตกลงและทำความเข้าใจกับพนักงานแล้วว่าจะลดค่าโอทีลง 17% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 414 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายด้านโอทีเดิม 2,000ล้านบาท
โดยวานนี้ (9 พ.ย.) บริษัท โบอิ้ง นำเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ เดินทางจากเมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 10.05 น. โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 ชั่วโมง ซึ่งเครื่องบินโบอิ้ง 787 เป็นเครื่องบินที่ลดการใช้เชื้อเพลิงได้มีประสิทธิภาพส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะลดการใช้เชื้อเพลิงเมื่อเทียบกับเครื่องบินขนาดกลางรุ่นอื่น ๆได้ถึงร้อยละ 20 สามารถบรรทุกผู้โดยสาร 210-250 คน และบินได้ไกลถึง 14,200-15,200 กิโลเมตร
ขณะนี้มีลูกค้า 57 รายจากทั่วโลกสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นนี้รวมกัน 821 ลำ คิดเป็นมูลค่ารวม 167,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการบินไทยนั้น จะเช่าเครื่องบินโบอิ้ง 787 จำนวน 8 ลำ กำหนดรับมอบในช่วงปี 2557-2560 โดยในปี 2557 รับมอบจำนวน 4 ลำ ปี 2558 รับมอบ 2 ลำ และในปี 2560 รับมอบอีก 2 ลำ โดยใช้วิธีการเช่าบริการเป็นเวลา 12
ปี
นายปิยสวัสดิ์กล่าวว่า หลังรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลนเนอร์ เข้าในฝูงบินแล้วจะช่วยลดต้นทุนให้บริษัทได้ 8% เพราะเครื่องบินรุ่นนี้ประหยัดเชื้อเพลิงถึง 20%
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2555 บริษัทฯมีแผนบริหารจัดการเรื่องต้นทุนน้ำมันซึ่งเป็นต้นทุนหลัก ในสัดส่วนถึง 40% ของต้นทุนรวมบริษัท โดยได้มีการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (hedging) ไว้ตลอดทั้งปีในระดับราคาที่เหมาะสม โดยหากราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้นอีก 3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล บริษัทจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียง 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งจะส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทในปี 2555 ที่มั่นใจว่าจะกลับมามีกำไรอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ บริษัท ยังมีแผนการลดค่าใช้จ่ายรวมโดยตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรในส่วนของค่าล่วงเวลา (โอที) ซึ่งบริษัทได้ตกลงและทำความเข้าใจกับพนักงานแล้วว่าจะลดค่าโอทีลง 17% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 414 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายด้านโอทีเดิม 2,000ล้านบาท
โดยวานนี้ (9 พ.ย.) บริษัท โบอิ้ง นำเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลเนอร์ เดินทางจากเมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 10.05 น. โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 ชั่วโมง ซึ่งเครื่องบินโบอิ้ง 787 เป็นเครื่องบินที่ลดการใช้เชื้อเพลิงได้มีประสิทธิภาพส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะลดการใช้เชื้อเพลิงเมื่อเทียบกับเครื่องบินขนาดกลางรุ่นอื่น ๆได้ถึงร้อยละ 20 สามารถบรรทุกผู้โดยสาร 210-250 คน และบินได้ไกลถึง 14,200-15,200 กิโลเมตร
ขณะนี้มีลูกค้า 57 รายจากทั่วโลกสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นนี้รวมกัน 821 ลำ คิดเป็นมูลค่ารวม 167,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการบินไทยนั้น จะเช่าเครื่องบินโบอิ้ง 787 จำนวน 8 ลำ กำหนดรับมอบในช่วงปี 2557-2560 โดยในปี 2557 รับมอบจำนวน 4 ลำ ปี 2558 รับมอบ 2 ลำ และในปี 2560 รับมอบอีก 2 ลำ โดยใช้วิธีการเช่าบริการเป็นเวลา 12
ปี
นายปิยสวัสดิ์กล่าวว่า หลังรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 787 ดรีมไลนเนอร์ เข้าในฝูงบินแล้วจะช่วยลดต้นทุนให้บริษัทได้ 8% เพราะเครื่องบินรุ่นนี้ประหยัดเชื้อเพลิงถึง 20%