คำกล่าวที่ว่า “กรุงเทพฯ ไม่ใช่ประเทศไทย” เราได้ยินและก็ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้นมานาน แต่ในทางปฏิบัติกรุงเทพฯ ยังถูกทำให้เป็นศูนย์กลางอำนาจในแทบจะทุกเรื่องก็ว่าได้
ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง โดยเฉพาะการแย่งชิงทรัพยากร นอกจากกรุงเทพฯ จะดำรงความเป็นศูนย์กลางแล้ว ยังดูดดึงเอาจากทุกภูมิภาคที่ล้วนเป็นฐานทรัพยากรใหญ่สุดของประเทศไปอย่างไม่ยุติธรรม
หลายปีมานี้เราได้เห็นคนชายขอบอำนาจศูนย์กลางลุกขึ้นรวมตัวถามหาความยุติธรรมในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องปากท้อง การทำมาหากิน วิถีชีวิต การถูกเอารัดเอาเปรียบ บางครั้งถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่นั่นก็คือการแสดงอำนาจที่พวกเขาพอจะมีอยู่บ้างมิใช่หรือ
และก็หลายปีมาแล้วเช่นกันที่คนจากชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอหรือจังหวัดต่างๆ ซึ่งหาญกล้าลุกขึ้นมาเรียกร้องทวงถามความเป็นธรรม แต่สิ่งที่ได้รับการสนองตอบจากผู้มีอำนาจในศูนย์กลางแทบจะกล่าวได้ว่า ล้วนเป็นเพียงยาหอมที่ถูกหว่านโปรยลงมาให้เท่านั้น
ในด้านสื่อมวลชนก็เช่นกัน จะด้วยผลประโยชน์รู้ตัวหรือไม่ก็ตาม สายตาของสื่อจำนวนมากดูเหมือนถูกสวมบังเหียนจากผู้มีอำนาจในศูนย์กลางมาตลอดบรรดารัฐมนตรี กลุ่มก๊วนนักการเมือง ข้าราชการ คนมีสี เทคโนแครต นายทุนใหญ่ เนติบริการ นักวิชาการขี้ข้า เหล่านี้ล้วนคือแหล่งข่าวสำคัญ ขณะที่ตาสียายสาที่คร่ำเคร่งทำมาหากินอยู่ต่างจังหวัด แม้จะขลุกอยู่กับเรื่องราวที่กำลังเป็นข่าวใหญ่โต แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ปรากฏตัวตนอยู่บนสื่อ
ผมไม่กระดากใจเลยที่จะกล่าวว่า สื่อเครือ “ASTVผู้จัดการ” นี่แหละที่นอกจากจะเข้าใจปรากฏการณ์นี้แล้ว ยังได้นำไปสู่ภาคปฏิบัติก่อนใคร และเป็นไปในรูปแบบของ “มืออาชีพ” อย่างแท้จริง
เป็นที่รับรู้กันว่าคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของวาทกรรมฮิต “ตายเป็นตาย..เจ๊งเป็นเจ๊ง” ที่ผ่านมาไม่ใช่แค่นำพาองค์กรสื่อเครือ ASTVผู้จัดการ ทำให้สังคมประจักษ์ว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่ประเทศไทยเท่านั้น ในระดับนานาชาติเป็นที่ยอมรับกันว่าคือ โมกุลสื่อ (Media Mogul) หรือไทคูนสื่อ (Media Tycoon) ของเอเชีย ก็ได้ทำให้สื่อไทยเป็นที่คุ้นหูคนทั่วโลกด้วยข้อความว่า “สูงส่งด้วยภูมิปัญญาตะวันออก” มาแล้ว
ความเป็นนักเลงกล้าได้กล้าเสียของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล นอกจากจะนำพาสื่อไทยไปเทียบชั้นกับสากลได้แล้ว ยังสร้างปรากฏการณ์อันถือเป็นมิติใหม่ๆ ให้กับวงการสื่อบ้านเราอย่างเป็นที่ยอมรับมาตลอด
สมัยที่ยังเป็นเครือผู้จัดการเมื่อกว่า 20 ปีก่อน ช่วงกำลังแตกไลน์สื่อ หลังจากรายเดือนและรายสัปดาห์สู่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ได้ขยายงานข่าวภูมิภาคด้วยการปักหมุดลงไปทุกหัวระแหง จนเป็นที่ฮือฮาของวงการและเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์สื่อที่สำคัญยิ่ง
รู้ทั้งรู้ว่าค่าใช้จ่ายขององค์กรจะโป่งพองมหาศาล แต่ก็ยอมที่จะควักทุ่มลงไป เพราะเชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงนำไปสู่โอกาส ทั้งในส่วนขององค์กรและสังคมในพื้นที่ มีการส่งบุคลากรจากส่วนกลางลงไปตั้งศูนย์ข่าวครอบคลุมทุกภาค แล้วเฟ้นหานิสิต นักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยในท้องถิ่นเข้าประกอบเป็นกำลังหลัก ไม่เพียงเท่านั้นยังให้กำเนิดหนังสือพิมพ์รายวันในระดับภูมิภาคต่างๆ ด้วย
ผมได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของทีมบุกเบิกข่าวภูมิภาคในมิติใหม่ให้กับเครือผู้จัดการตอนนั้นด้วย มาดคนสื่อรุ่นใหม่ที่ออกไปสร้างศูนย์ข่าวในต่างจังหวัด ซึ่งมีอาวุธสำคัญประจำกาย คือ เป้สะพายหลัง พก “โฟนลิงก์” ไว้ที่เอว แล้วมือและแขนก็ต้องเกร็งกับ “โอลิมเปีย” แบบกระเป๋าหิ้ว
อพาร์ตเมนต์ราคาย่อมเยาว์คือที่หลับนอน ร้านน้ำชากาแฟคือที่ทำงาน ระบบการสื่อสารคือตู้โทรศัพท์สาธารณะ เวลารายงานข่าวต้องวิ่งหาแหล่งส่งแฟกซ์จ้าละหวั่น
จากวันนั้นถึงวันนี้เครือ ASTVผู้จัดการ มีศูนย์ข่าวอยู่ทุกภูมิภาคของไทยแล้ว ภาคกลางเป็นหน้าที่ของกอง บก.ภูมิภาคที่กรุงเทพฯ ภาคเหนือมีศูนย์หลักอยู่ที่เชียงใหม่ และมีศูนย์ย่อยอยู่ที่พิษณุโลก ภาคอีสานศูนย์หลักอยู่ที่ขอนแก่น และศูนย์ย่อยอยู่ที่นครราชสีมา ภาคตะวันออกศูนย์หลักอยู่ที่ศรีราชา และภาคใต้มี 2 ศูนย์หลักที่หาดใหญ่ และภูเก็ต แล้วแต่ละศูนย์ก็มีผู้สื่อข่าวพิเศษกระจายกันไปดูแลแบบครอบคลุมทุกตารางนิ้วของประเทศไทย
กว่า 2 ทศวรรษแห่งการรุกก้าวเพิ่มมูลค่างานข่าวภูมิภาค มีพัฒนาการให้เห็นเป็นที่ประจักษ์มาต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรางวัลต่างๆ หรือการก่อผลสะเทือนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในสังคม ขณะที่ภายในเองก็มีห้วงเวลาที่อ่อนล้าบ้าง แต่ถึงวันนี้ทุกศูนย์ข่าวยังมุ่งมั่นป้อนข้อมูลข่าวสารให้กับทุกสื่อในเครือดั่งสายน้ำที่ไม่เคยขาดตอน
เวลานี้เครือ ASTVผู้จัดการ กำลังจะสร้างปรากฏการณ์อันถือเป็นมิติใหม่ของวงการสื่อขึ้นในภาคใต้อีกครั้ง ซึ่งก็เป็นไปตามแนวความคิดของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล อีกเช่นเคย
ด้วยการเปิด “หน้าเว็บไซต์ภาคใต้” (www.manager.co.th/south/) ซึ่งแม้จะเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์หลัก (www.manager.co.th/home/) แต่ต้องถือเป็นส่วนประกอบที่ถูกให้นัยสำคัญสำหรับผู้สนใจข้อมูลข่าวสารใน 14 จังหวัดภาคใต้
ต่อไปหน้าเว็บไซต์ภาคใต้ที่ 2 ศูนย์ข่าวภาคใต้ร่วมกันจัดทำและดูแลจะช่วยเติมเต็มข้อมูลข่าวสารของแผ่นดินด้ามขวานให้เกิดความน่าสนใจ และโดดเด่นขึ้นอย่างเป็นพิเศษ โดยจะทำหน้าที่หน่วยเจาะเกราะทะลุทะลวงแล้วกระจายไปให้กับทุกสื่อในเครือ ซึ่งในวันนี้ถือว่าเป็นค่าย ASTVผู้จัดการ คือสื่อที่ครบวงจรหรือเป็นมัลติมีเดีย (Multi Media) ที่สุดของเมืองไทยก็ว่าได้
การเปิดหน้าเว็บภาคใต้ถือเป็นโครงการนำร่องให้กับศูนย์ข่าวภูมิภาคอื่นๆ ที่จะดำเนินการในลักษณะเดียวกันตามมาในอีกไม่ช้านาน
เวลานี้สามารถเข้าไปติดตามข่าวสารที่หน้าเว็บภาคใต้ของผู้จัดการออนไลน์ได้แล้ว และคณะผู้จัดทำกำลังรอคำชี้แนะและการติชมอยู่ด้วยใจระทึก โดยกำหนดจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 ที่จะถึงนี้
นี่ถือเป็นอีก “ปรากฏการณ์สนธิ” เล็กๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในภาคใต้