นายพิเชษฐ์ วิริยะจิตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียนไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด ( มหาชน ) หรือ APCO เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทขายตรงในประเทศมาเลเซีย โดยจะทำการจัดตั้งบริษัท VIP APCO ร่วมกับ บริษัท VIP INTER ภายในปี 55
ทั้งนี้ การร่วมทุนดังกล่าวเพื่อจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์เข้าสู่ อินเดีย อินโดนิเชีย บรูไน ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย โดยจะเริ่มทำตลาดผลิตภัณฑ์ด้านความงามเป็นอันดับแรก จากนั้นจะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ เพราะในช่วงก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าไปทำการสำรวจตลาดและได้มีการให้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น APCO ได้เริ่มนำผลิตภัณฑ์เข้าไปวางจำหน่ายในร้านค้าโมเดิร์นเทรด ซึ่งต่อไปจะเริ่มมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อโฆษณาประเภทต่าง ๆ มากขึ้น รวมทั้งการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายออกสู่สาขาต่างๆ โดยขณะนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังจังหวัดชลบุรีเพื่อเปิดตลาดในภาคตะวันออก ซึ่งมีทั้งชาวไทยและต่างประเทศอาศัยอยู่จำนวนมาก
ด้านผลประกอบการ ปี 54 บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาอาจมีการชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม แต่ความต้องการผลิตภัณฑ์ไม่ได้ลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาบริษัทมียอดสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆเข้ามาจำนวนมากและยอดขายได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
" สำหรับเป้าหมายในปี 55 ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่า 20 % คาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 380 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายในตลาดต่างประเทศ 60 ล้านบาท โมเดิร์นเทรด 15 ล้านบาท ตัวแทนเครือข่าย 280 ล้านบาท รายการทีวีช๊อปปิ้งและอื่นๆ 25 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิของบริษัทมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปัจจุบันที่อยู่ที่ 17 % " นายพิเชษฐ์กล่าว
ทั้งนี้ การร่วมทุนดังกล่าวเพื่อจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์เข้าสู่ อินเดีย อินโดนิเชีย บรูไน ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย โดยจะเริ่มทำตลาดผลิตภัณฑ์ด้านความงามเป็นอันดับแรก จากนั้นจะขยายไปสู่ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ เพราะในช่วงก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าไปทำการสำรวจตลาดและได้มีการให้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ขณะที่ตลาดในประเทศนั้น APCO ได้เริ่มนำผลิตภัณฑ์เข้าไปวางจำหน่ายในร้านค้าโมเดิร์นเทรด ซึ่งต่อไปจะเริ่มมีการแนะนำผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อโฆษณาประเภทต่าง ๆ มากขึ้น รวมทั้งการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายออกสู่สาขาต่างๆ โดยขณะนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังจังหวัดชลบุรีเพื่อเปิดตลาดในภาคตะวันออก ซึ่งมีทั้งชาวไทยและต่างประเทศอาศัยอยู่จำนวนมาก
ด้านผลประกอบการ ปี 54 บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาอาจมีการชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม แต่ความต้องการผลิตภัณฑ์ไม่ได้ลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาบริษัทมียอดสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆเข้ามาจำนวนมากและยอดขายได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
" สำหรับเป้าหมายในปี 55 ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ไม่ต่ำกว่า 20 % คาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 380 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายในตลาดต่างประเทศ 60 ล้านบาท โมเดิร์นเทรด 15 ล้านบาท ตัวแทนเครือข่าย 280 ล้านบาท รายการทีวีช๊อปปิ้งและอื่นๆ 25 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิของบริษัทมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าปัจจุบันที่อยู่ที่ 17 % " นายพิเชษฐ์กล่าว