เมื่อเร็วๆนี้ หลายท่านอาจได้เห็น “ข่าวประชาสัมพันธ์” ในสื่อสิ่งพิมพ์จำนวนหลายฉบับซึ่งผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาที่ดินประเภท “อาคารชุด” หรือ “คอนโดมิเนียม” ในพื้นที่ชะอำ-หัวหิน อาศัยกลยุทธ์การตลาดนำเสนอผู้บริโภค จ่ายค่าส่วนกลางครั้งเดียวเมื่อซื้อคอนโดมิเนียมจากผู้ประกอบการโครงการรายดังกล่าว ทำเอาผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยซึ่งต้องการหาซื้อ “อาคารชุด” เป็นบ้านหลังแรกหรือหลังที่สองต่างล้วนแปลกใจ สงสัยว่าข้อเสนอดังกล่าวจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
ข้อมูลของบริษัทผู้ประกอบการโครงการอาคารชุดถูกเปิดเผยขึ้นบนสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับ ได้แก่ บริษัท บ้านราชประสงค์ จำกัด ภายใต้ชื่อโครงการ “ ดิ เอ็นเนอร์จิ้ หัวหิน” ด้วยสโลแกน “บ้านที่เติมเต็มพลังชีวิต” พัฒนาที่ดินบนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ประกอบด้วยอาคารชุดพักอาศัย จำนวนกว่า 30 อาคาร ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมทั้งจัดให้มีพื้นที่โรงแรม พลาซ่ารองรับเฉพาะลูกค้าของโครงการเท่านั้น ส่วนพื้นที่ขายกรรมสิทธิ์ห้องชุดรวมทั้งหมดมีประมาณ 24,000 กว่าตารางเมตร
บริษัทผู้ประกอบการโครงการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเมื่อลูกค้าซื้อห้องชุดในโครงการดังกล่าว ลูกค้ามีหน้าที่ชำระค่าส่วนกลางและค่ากองทุนให้กับนิติบุคคลอาคารชุดเพียงครั้งเดียว ภายหลังจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดจากบริษัทผู้ประกอบโครงการซึ่งดูผิวเผิน ข้อมูลดังกล่าวไม่แตกต่างจากโครงการอาคารชุดแห่งอื่น
บริษัทผู้ประกอบการโครงการแจ้งว่าค่าส่วนกลางและค่ากองทุนของลูกค้าหรือเจ้าของร่วมทั้งหมดรวมจำนวนกว่า 600 ล้านบาท จะมอบหมายให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมจำกัดรายหนึ่งเป็นผู้บริหารเงินจำนวนดังกล่าวแทนเจ้าของร่วมและนิติบุคคลอาคารชุด โดยนำ “ผลกำไร” ที่ได้รับจากการบริหารจัดการมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลางและการให้บริการต่อเจ้าของร่วมและลูกค้าของโครงการอาคารชุด
กรณี การบริหารจัดการเงินจำนวนดังกล่าว “ขาดทุน” บริษัทผู้ประกอบการโครงการจะสมทบเงินส่วนที่ขาดทุนให้กับเจ้าของร่วม ลูกค้าและนิติบุคคลอาคารชุด แถมอาจมีการจัดตั้ง “เงินกองทุน” สำรองพิเศษขึ้นมาให้อีกก้อนหนึ่งในอนาคต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่ซื้อโครงการ
กลยุทธ์ด้านการตลาด “จ่ายค่าส่วนกลาง” เพียงครั้งเดียวเป็นปรากฏการณ์ที่ฉีกแนวการจัดทำกิจกรรมด้านการตลาดของบริษัทผู้ประกอบการโครงการอาคารชุดอีกหลายแห่ง ซึ่งอาศัยกลยุทธ์การตลาดแบบเดิมๆ อาทิ ลด แลก แจก แถม หรืออยู่ฟรี 1 ปี หรือไม่ต้องชำระค่าใช้จ่ายการจดทะเบียนสิทธิและ นิติกรรม (ค่าโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด) รวมทั้ง อาจรับภาระค่าส่วนกลางรายปีหรือสองปีแรกแทนลูกค้าหรือผู้ซื้อห้องชุดเพื่อเร่งยอดขายกรรมสิทธิ์ เป็นต้น
ท่านผู้อ่านหลายท่านอาจมี “ข้อสงสัย” ว่ากลยุทธ์ด้านการตลาดการจ่ายค่าส่วนกลางเพียงครั้งเดียวให้กับนิติบุคคลอาคารชุดมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติหรือเป็นเพียงการสร้างกระแสความแปลกใหม่หรือกลยุทธ์การตลาดเพียงอย่างเดียว แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วอาจเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นได้
ผู้บริโภคหลายท่านซึ่งถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอาคารชุดหลายแห่งทราบดีว่า “ค่าส่วนกลาง” ซึ่งเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดแต่ละรายต่างมีหน้าที่ชำระให้กับนิติบุคคลอาคารชุดตลอดไปตามอัตราส่วนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนกลางหรือพื้นที่การถือครองกรรมสิทธิ์ซึ่งสอดคล้องกับข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุดตามที่จดทะเบียนไว้
ส่วนว่าจะชำระ “ค่าส่วนกลาง” เป็นรายเดือน รายหกเดือนหรือรายปี ให้ถือตามมติของที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม และ/หรือข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุดที่ได้รับการจดทะเบียนโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ “กรมที่ดิน”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ผมจะให้ “ความคิดเห็น” ว่ากลยุทธ์ด้านการตลาด “จ่ายค่าส่วนกลางเพียงครั้งเดียว” ของบริษัทผู้ประกอบการโครงการ บริษัท บ้านราชประสงค์ จำกัด ว่ามีความเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ รวมทั้งการวางกลยุทธ์ดังกล่าว มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อห้องชุดในโครงการอาคารชุด ดิ เอ็นเนอร์จิ้ หัวหิน
**********
นายพิสิฐ ชูประสิทธิ์
นายกสมาคมนักบริหารอาคารชุดและหมู่บ้านจัดสรร
E-mail Address : pisit_c@bgathaigroup.com
โทรศัพท์ : 089-814-2297, 089-487-3686
ข้อมูลของบริษัทผู้ประกอบการโครงการอาคารชุดถูกเปิดเผยขึ้นบนสื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับ ได้แก่ บริษัท บ้านราชประสงค์ จำกัด ภายใต้ชื่อโครงการ “ ดิ เอ็นเนอร์จิ้ หัวหิน” ด้วยสโลแกน “บ้านที่เติมเต็มพลังชีวิต” พัฒนาที่ดินบนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ประกอบด้วยอาคารชุดพักอาศัย จำนวนกว่า 30 อาคาร ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมทั้งจัดให้มีพื้นที่โรงแรม พลาซ่ารองรับเฉพาะลูกค้าของโครงการเท่านั้น ส่วนพื้นที่ขายกรรมสิทธิ์ห้องชุดรวมทั้งหมดมีประมาณ 24,000 กว่าตารางเมตร
บริษัทผู้ประกอบการโครงการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเมื่อลูกค้าซื้อห้องชุดในโครงการดังกล่าว ลูกค้ามีหน้าที่ชำระค่าส่วนกลางและค่ากองทุนให้กับนิติบุคคลอาคารชุดเพียงครั้งเดียว ภายหลังจดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดจากบริษัทผู้ประกอบโครงการซึ่งดูผิวเผิน ข้อมูลดังกล่าวไม่แตกต่างจากโครงการอาคารชุดแห่งอื่น
บริษัทผู้ประกอบการโครงการแจ้งว่าค่าส่วนกลางและค่ากองทุนของลูกค้าหรือเจ้าของร่วมทั้งหมดรวมจำนวนกว่า 600 ล้านบาท จะมอบหมายให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมจำกัดรายหนึ่งเป็นผู้บริหารเงินจำนวนดังกล่าวแทนเจ้าของร่วมและนิติบุคคลอาคารชุด โดยนำ “ผลกำไร” ที่ได้รับจากการบริหารจัดการมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการทรัพย์ส่วนกลางและการให้บริการต่อเจ้าของร่วมและลูกค้าของโครงการอาคารชุด
กรณี การบริหารจัดการเงินจำนวนดังกล่าว “ขาดทุน” บริษัทผู้ประกอบการโครงการจะสมทบเงินส่วนที่ขาดทุนให้กับเจ้าของร่วม ลูกค้าและนิติบุคคลอาคารชุด แถมอาจมีการจัดตั้ง “เงินกองทุน” สำรองพิเศษขึ้นมาให้อีกก้อนหนึ่งในอนาคต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่ซื้อโครงการ
กลยุทธ์ด้านการตลาด “จ่ายค่าส่วนกลาง” เพียงครั้งเดียวเป็นปรากฏการณ์ที่ฉีกแนวการจัดทำกิจกรรมด้านการตลาดของบริษัทผู้ประกอบการโครงการอาคารชุดอีกหลายแห่ง ซึ่งอาศัยกลยุทธ์การตลาดแบบเดิมๆ อาทิ ลด แลก แจก แถม หรืออยู่ฟรี 1 ปี หรือไม่ต้องชำระค่าใช้จ่ายการจดทะเบียนสิทธิและ นิติกรรม (ค่าโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด) รวมทั้ง อาจรับภาระค่าส่วนกลางรายปีหรือสองปีแรกแทนลูกค้าหรือผู้ซื้อห้องชุดเพื่อเร่งยอดขายกรรมสิทธิ์ เป็นต้น
ท่านผู้อ่านหลายท่านอาจมี “ข้อสงสัย” ว่ากลยุทธ์ด้านการตลาดการจ่ายค่าส่วนกลางเพียงครั้งเดียวให้กับนิติบุคคลอาคารชุดมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติหรือเป็นเพียงการสร้างกระแสความแปลกใหม่หรือกลยุทธ์การตลาดเพียงอย่างเดียว แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วอาจเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นได้
ผู้บริโภคหลายท่านซึ่งถือกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอาคารชุดหลายแห่งทราบดีว่า “ค่าส่วนกลาง” ซึ่งเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดแต่ละรายต่างมีหน้าที่ชำระให้กับนิติบุคคลอาคารชุดตลอดไปตามอัตราส่วนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนกลางหรือพื้นที่การถือครองกรรมสิทธิ์ซึ่งสอดคล้องกับข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุดตามที่จดทะเบียนไว้
ส่วนว่าจะชำระ “ค่าส่วนกลาง” เป็นรายเดือน รายหกเดือนหรือรายปี ให้ถือตามมติของที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม และ/หรือข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุดที่ได้รับการจดทะเบียนโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ “กรมที่ดิน”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ผมจะให้ “ความคิดเห็น” ว่ากลยุทธ์ด้านการตลาด “จ่ายค่าส่วนกลางเพียงครั้งเดียว” ของบริษัทผู้ประกอบการโครงการ บริษัท บ้านราชประสงค์ จำกัด ว่ามีความเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ รวมทั้งการวางกลยุทธ์ดังกล่าว มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อห้องชุดในโครงการอาคารชุด ดิ เอ็นเนอร์จิ้ หัวหิน
**********
นายพิสิฐ ชูประสิทธิ์
นายกสมาคมนักบริหารอาคารชุดและหมู่บ้านจัดสรร
E-mail Address : pisit_c@bgathaigroup.com
โทรศัพท์ : 089-814-2297, 089-487-3686