ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-บ่อนการพนันถือเป็นเสี้ยนหนามที่ศัตรูคู่กรณีหยิบมาทิ่มแทงตำรวจผู้รักษากฎหมายอย่างได้ผลชะงัดนัก ดังจะเห็นเมื่อใกล้ฤดูกาลโยกย้ายใหญ่ เก้าอี้ทำเลทองแห่งไหนเป็นที่หมายตาคู่แข่งที่ต้องการวิ่งมานั่งแทนเจ้าของตำแหน่งเดิม ก็จะนำบ่อนออกมาแฉ ไม่เว้นแม้แต่เก้าอี้ตัวสูงสุดในกรมปทุมวัน
ก่อนหน้านี้คงจำกันได้กับเหตุผลในการปลด “บิ๊กน้อย” พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร. โดย ”อดีตเสี่ยอ่าง” นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เป็นหนังหน้าไฟ แฉบ่อนกลางสภาหลังนาวารัฐ “ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายเสร็จสิ้น
นายชูวิทย์ เรียกความสนใจได้น่าตื่นเต้นกว่ารัฐบาลแถลงนโยบายเสียอีก โดยเปิดคลิปการซื้อขายยาเสพติด และบ่อนกาสิโน ที่ประกอบด้วยโต๊ะบาคาร่า โต๊ะถั่ว และ สล็อตแมชชีน
อดีตเสี่ยอ่าง ระบุว่า บ่อนดังกล่าว อยู่ติดถนนใหญ่อย่างโจ่งแจ้ง ห่างจากสถานีตำรวจ อักษรย่อ “ส.” ซึ่งไม่ใช่ สน.สำราญราษฏร์ ประมาณ 200 เมตร โดยมีคลิปหลักฐานชัดเจนจากการส่งสายลับเข้าไปบันทึกภาพเอาไว้ ดังนั้น อยากให้ผู้รับผิดชอบเอาใจใส่ และขอให้รัฐบาลนำปัญหาป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและอบายมุขเป็นวาระแห่งชาติ
แต่แทนที่รัฐบาลปูจะเสียกระบวน ผลการแฉบ่อนกลางกรุงกลับสะท้อนมาลงที่เจ้าของตำแหน่งเก้าอี้กรมปทุมวัน เพียงข้ามวัน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี แม่ทัพใหญ่สีกากี จึงได้มีหนังสือคำสั่งด่วนถึง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ขณะนั้นให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถึงประเด็นยาเสพติดที่กำลังแพร่หลายในสถานประกอบการ รวมทั้งการปล่อยให้มีการเล่นพนันในลักษณะเป็นบ่อนการพนันขนาดใหญ่ อยู่ใกล้กับสถานีตำรวจนครบาลแห่งหนึ่ง โดยมีชื่อย่อ "ส." ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล และอยู่ใกล้กับสถานศึกษาอีก 2 แห่ง พร้อมทั้งมีการนำคลิปวิดีโอ ที่นายชูวิทย์ นำมาเผยแพร่มาตรวจสอบด้วย โดยให้ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ากำกับดูแลอีกที
การแฉข้อมูลของเสี่ยอ่างครั้งนั้นลือกันว่าเป็นการเตรียมกันระหว่าง “เฉลิม อยู่บำรุง” รองนายก ฯและกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นแผนปูทางทางให้ “บิ๊กอ๊อฟ” พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงอ้อ “พจมาน ณ ป้อมเพชร” ภรรยาสุดเลิฟของ”เสี่ยแม้ว” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีอาญาแผ่นดิน นั่งเก้าอี้เป็น ผบ.ตร.แทน
แรงกระเพื่อมเรื่องบ่อนก็เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์เพราะไม่นาน พล.ต.อ.วิเชียร ก็ถูกคำสั่งเด้งพ้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้ว พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ก็ได้นั่งเก้าอี้แม่ทัพสีกากีสมดังปรารถนา
จากนั้นเรื่องบ่อนกลางกรุงก็เงียบไปนานกระทั่งไม่กี่วันก็ถูกโหมกระพือจาก “อดีตเสี่ยอ่าง”อีกครั้ง โดย นายชูวิทย์ เปิดแถลงข่าวที่พรรคของตัวเองในหัวข้อ “ทำไมตำรวจไทย ไม่เจอบ่อน และนักการเมืองบางคนทำไมถึงโง่”
นายชูวิทย์ แฉว่า การออกมาให้ข่าวเรื่องบ่อนการพนันครั้งนี้ก็เพื่อให้ข้าราชการตำรวจตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเอง ในการทำงานเพื่อประเทศชาติ เช่นเดียวกับการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่ต้องพึ่งพาข้าราชการเป็นกลไกสำคัญ เพราะบางบ่อนเปิดชาวบ้านร้านตลาดรู้กันทั่ว แต่ตำรวจไม่เจอ หรือเจอก็บอกเป็นบ่อนวิ่ง บ่อนการกุศล บ่อนเฉพาะเทศกาลปีใหม่ เป็นบ่อนเล็กๆ หนักๆ เข้าก็บอกว่า ไม่มีบ่อนการพนันเลย
“ปัจจุบันอิทธิพลของบ่อนการพนันได้แทรกซึมไปทุกที่แล้ว ซึ่งแรกๆ ก็ไม่เชื่อว่า บ่อนการพนันจะมีอิทธิพลใหญ่โตเช่นนี้ แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว เพราะทันทีที่ออกมาให้ข้อมูล นักการเมืองอย่าง นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ก็ออกมาพูดว่าชูวิทย์จะดิสเครดิตรัฐบาล ก็อย่าลืมว่า เมื่อหลายเดือนก่อน ผมเปิดเผยเรื่องบ่อนรัชดาฯ ก็มีสื่อมวลชนตั้งคำถามว่า รู้กันวางแผนกับ ร.ต.อ.เฉลิม เพื่อโยกย้าย พล.ต.อ.วิเชียร หลังจากนั้น พล.ต.อ.วิเชียร ก็ไปจริงๆ และ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงษ์ ก็มารับตำแหน่ง ผบ.ตร.จริงๆ ผมได้รับการต่อว่าต่อขานมาก”
“มาวันนี้ ก็มีคนมาดิสเครดิตผมอีกว่า วางแผนที่จะย้าย ผบ.ตร.เพรียวพันธุ์ มันเป็นไปได้อย่างไรที่ตนจะอยู่ทั้งฝั่งเชียร์รัฐบาล และด่ารัฐบาล รู้กันถึงการโยกย้าย ผบ.ตร.ทุกคน ผมยืนยันว่า นักการเมืองโง่บางคน ไม่รู้ว่าบ่อนการพนันอยู่ที่ไหน ถ้าแน่จริงคนอย่างนายพร้อมพงษ์ หรือนักการเมืองหน้าไหนก็ได้ บอกชื่อบ่อนการพนันมาแค่ 1 ที่ 1 บ่อนก็พอ คุณไม่กล้าเพราะอะไร เพราะไม่มีปัญญา ไม่มีกึ๋น อิทธิพลของบ่อนยังแทรกซึมไปในวงราชการ นักการเมือง ถึงกระบวนการบางแห่งที่ผมไม่อยากพูดถึง”นายชูวิทย์ กล่าว
จากนั้นไม่ทันข้ามวัน นายชูวิทย์ ก็ออกมาแฉอีกดอกว่า จะมีการเปิดบ่อนการพนันในพื้นที่กรุงเทพฯ แห่งใหม่ พร้อมกับนำภาพมายืนยัน โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ภาพบ่อนใหม่ที่เตรียมเปิดนี้มีการจัดระบบกับวางอุปกรณ์แล้ว ด้วยระบบที่มาจากต่างประเทศ และมีการจัดรอบทดลองไปแล้วเตรียมเปิดเร็ว ๆ นี้ มีเครือข่ายกับคนมีสี มีบั้งที่ตำรวจเกรงใจคอยดูแลอยู่ ซึ่งสาเหตุที่ต้องเปิดเผยกับสื่อมวลชนเกี่ยวกับข้อมูลเหล่านี้เพราะถ้าใช้วิธีให้ข้อมูลกับตำรวจก็จะใช้เวลานานกว่าจะไปตรวจสอบ พอสั่งลูกน้องให้ไปดูก็ข่าวรั่ว บ่อนก็รู้ตัวเสียก่อน กว่าจะไปถึงก็ปิดแล้ว และที่ผ่านมาข้อมูลบ่อน 22 แห่ง ได้ส่งให้ตำรวจไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
ร้อนถึง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จึงรีบได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ นำกำลังเข้าตรวจสอบบ่อนตามที่นายชูวิทย์ ออกมาให้ข้อมูล โดยนำกำลังเข้าตรวจสอบอาคาร 2 ชั้น ใช้ชื่อเดิมว่า “เลดี้ผับ” เปิดเป็นสถานบันเทิง ตั้งอยู่ที่ ถ.โชคชัย4 ซอย 72 ซอยย่อยสตรีวิท 2 แยก 20 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. แต่พบว่าอยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซม เพื่อเปิดเป็นร้านคาราโอเกะและอาบอบนวด โดยบริเวณชั้นที่ 2 ของร้านพบเป็นห้องว่างเปล่าไม่พบวัสดุอุปกรณ์ที่ผิดกฎหมายหรือเกี่ยวข้องกับ การพนัน มีเพียงจอทีวี 2 เครื่อง และโต๊ะเก้าอี้ไม้ตั้งอยู่
ต่อมา พล.ต.อ.สถาพร ยังเข้าตรวจอาคารพาณิชย์เลขที่ 118/27-28ซอยรามคำแหง24 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ซึ่งเป็นอาคาร 5 ชั้น ชั้นที่ 1-2 อยู่ระหว่างการปรับปรุงสียังไม่แห้ง โดยชั้นที่ 3 แบ่งเป็นห้องจำนวนหลายห้องมีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ซึ่งไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ วางอยู่ 1 ตัว โดยผู้เช่าตึกดังกล่าวอ้างว่า เคยเปิดเป็นร้านอาหารจีน เจ้าของได้มาเช่าเพื่อเปิดเป็นร้านอินเตอร์เน็ต ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าอาคารทั้งสองเปิดเป็นบ่อนจริง
พล.ต.อ.สถาพร กล่าวว่า จากข้อมูลทราบว่า “เลดี้ผับ” เปิดมานานหลายเดือน และเพิ่งปิดตัวไปประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ ถึงแม้การตรวจสอบจะไม่พบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการพนัน แต่พบร่องรอยที่เชื่อว่าเคยเปิดเป็นลักษณะบ่อนการพนันเครือข่าย “เฮียตือ” ซึ่งเป็นข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับมา แต่อุปกรณ์ต่างๆ ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปแล้ว โดยอาคารนี้สามารถจุคนได้ประมาณ 50-100 คน ทั้งนี้จากการเปรียบเทียบลักษณะห้องกับภาพถ่ายที่ได้มาเป็นหลักฐานพบว่ามี ลักษณะคล้ายคลึงกัน ส่วนที่พาณิชย์ย่านรามคำแหง พบว่าเคยเปิดเป็นบ่อนเช่นกัน หลังจากนี้จะทำการเรียกเจ้าของอาคารดังกล่าวมาทำการสอบปากคำต่อไป
“จากข้อมูลที่ได้มาพบว่ามีบ่อนการพนันในพื้นที่นครบาลมีทั้งหมดจำนวน 18 บ่อน ส่วนในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 มีจำนวน 6 บ่อน ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี โดยในพื้นที่นครบาลเฉพาะพื้นที่ บก.น.4 ซึ่งมีอยู่จำนวน 5-6 บ่อน ในพื้นที่ของ 4 สน.ประกอบด้วย สน.โชคชัย สน.ลาดพร้าว สน.วังทองหลาง และสน.หัวหมากอย่างไรก็ตามจะเรียก ผกก.ทั้ง 4 สน.มาประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวก่อนจะสรุปผลเพื่อรายงานให้ ผบ.ตร. รับทราบภายใน 7 วัน หากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ใดที่มีการปล่อยปะละเลย นายตำรวจตั้งแต่ระดับ ผบก.-ผกก. ในท้องที่นั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะมีการพิจารณาโทษทางปกครองด้วยการสำรองราชการ” พล.ต.อ.สถาพร กล่าว
สิ่งที่ จเรตำรวจแห่งชาติให้ข้อมูลแสดงว่า มีบ่อนเกิดขึ้นจริงตามที่ นายชูวิทย์ ออกมาเปิดเผย แต่ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมก็ออกมาพูดในทำนองปกป้อง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ สุดลิ่มทิ่มประตูว่าตำรวจยุคนี้เป็นยุคตำรวจที่ดีที่สุด ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติและนครบาล เพราะตำรวจตั้งใจทำงาน อย่างไรก็ตามบ่อนการพนันคงหนีไม่พ้นจากสังคมไทย แต่ต้องดูเป็นรายกรณีไป ถ้าเป็นบ่อนที่เปิดมานานแล้ว ปล่อยปละละเลยและมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง จะต้องมีมาตรการลงโทษ ถ้าเป็นบ่อนวิ่งหรือบ่อนเล็ก ตำรวจอาจจะจับได้บ้างไม่ได้บ้าง และไม่ถือว่าเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ เพราะตนเคยเป็นตำรวจมาก่อน ซึ่งไม่ใช่อยู่ดีๆบอกว่ามีบ่อนที่โน่นที่นี้ แล้วมาบอกว่าตำรวจผิดนั้นไม่ได้ อย่างเช่น บ่อนเหม่งจ๋ายก็ไม่ได้เปิด บ่อนโชคชัย 4 ก็เลิกไปแล้ว บ่อนรัชดาที่ใหญ่มากก็ปิดแล้ว
หากมาย้อนดูตอนที่ ร.ต.อ.เฉลิม เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงเหตุผลในการย้าย พล.ต.อ.วิเชียร ไปทำหน้าที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และเสนอ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทนว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่การแก้แค้น แต่เป็นการแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมามีบ่อนการพนัน ตู้ม้า ยาเสพติดแพร่ระบาดไปทั่ว จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสม ด้วยการนำ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่มีความสามารถเรื่องการปราบปรามมาทำหน้าที่ แทน
ดูความกระล่อน พลิกลิ้นไปมาและใช้สองมาตรฐานของ”เป็ดเหลิม”แล้ว หนักใจแทน “บิ๊กอ๊อฟ”เหลือเกินว่า จะกล้าสู้หน้าผู้ใต้บังคับบัญชา สู้หน้าประชาชนได้หรือไม่ เพราะบ่อนที่ชูวิทย์แฉครั้งก่อน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ “บิ๊กน้อย”ต้องถูกเด้งพ้นกรมปทุมวัน แต่เมื่อถึงคราวของตนเอง กลับถูกอุ้มจนออกนอกหน้า