00 พยายามสลัดทิ้งหนี “นิติราษฎร์” กันเต็มที่ สำหรับพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลในเวลานี้ เพราะประเมินแล้วว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ทนไม่ได้กับการเคลื่อนไหวที่ใช้เล่ห์กล “ทางวิชาการ” สับขาหลอก เหมือนอย่างที่เคยได้ยินมาจริงๆ แต่เป็นเพราะชาวบ้านรู้ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับรู้ข้อมูลพิจารณาเนื้อหาใน มาตรา 112 แล้วเข้าใจได้ทันทีว่า คนพวกนี้มีเจตนา “ล้มเจ้า” ไม่มีเรื่อง “เสรีภาพ”ในการแสดงความคิดเห็น หรือเรื่องทางวิชาการอย่างที่พยายามอ้างเพื่อบิดเบือน เพราะประเทศไทยมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี แทบจะไร้ข้อจำกัด เพียงแต่ถ้าต้องการวิจารณ์ในหลวง “จาบจ้วงในหลวง” แล้วทำไม่ได้ อย่างนี้มาบอกว่าปิดกั้นเสรีภาพ ก็ขอให้ไปไกลๆ เลย
00 ต้องพูดอย่างนั้นจริงๆ เพราะเสรีภาพที่คนพวกนี้อ้างในการแก้ไข ม.112 ก็ต้องมีเรื่องเดียวคือ ต้องการเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ พระมหากษัตริย์เท่านั้น เพราะมาตรานี้เกี่ยวข้องเฉพาะ พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น มันก็ชัดเจนในเจตนาอยู่แล้ว ว่ามีเป้าหมายอยู่ที่ใคร
00 ร่องรอยความเป็นพวกเดียวกันมาแนวทางเดียวกัน ถึงจะเสแสร้งอย่างไร ก็ย่อมดูออกวันยังค่ำ เพราะใช้ยุทธวิธีแยกกันเดิน แยกกันตี แต่มีเป้าหมายเดียวกัน สังเกตท่าทีและคำพูดของ “2ไพร่” ที่พัฒนามาเป็นอำมาตย์ อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับ จตุพร พรหมพันธุ์ ก็ได้ ว่าทั้งคู่มีความอาลัยอาวรณ์กับพวก นิติราษฎร์ มีท่าทีเป็นมิตรยกย่องอยู่ในที ไม่ยอมให้เสียน้ำใจ ก็ไม่มีใครแปลกใจ เนื่องจากที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน โดยเฉพาะ จตุพร ยังโดนข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากคำปราศรัยเหิมเกริมเอาใจ “นาย” ถึงกับจาบจ้วงเหิมเกริมเรื่อง “กระสุนพระราชทาน” มาแล้ว
00 หลังจากสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ทุกอย่างน่าจะเริ่มดีกรีร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องแก้ไขรธน. ไม่ว่าจะมีกี่ประเด็น หรือจะใช้วิธีไหนก็ตาม แต่เป้าหมายก็คือต้องลบล้างความผิดให้ “ทักษิณ ชินวัตร” เท่านั้นเป็นพอ และมากันหลายทาง อย่างตอนนี้ก็ส่งสัญญาณ “เอาวา” มาแล้วจาก เฉลิม อยู่บำรุง ที่อาสาทำงานชิ้นใหม่ นั่นคือ เรื่องเสนอ พ.ร.บ.ปรองดอง อ้างว่าทำให้ทุกฝ่าย “ได้หมด” แต่ความหมายก็คือ ในนั้นต้อง “รวมทักษิณ-เหลี่ยมจัด” ไปด้วย แค่เผยอปากเล็กน้อย ก็เห็นไปถึงไส้ในแล้ว และประเด็นนี้แหละที่อาจทำให้อารมณ์ของคนต้องขาดผึงจนได้ อย่าทำเล่นเชียวนะ
00 ถ้าสังเกตให้ดี เวลานี้คนในรัฐบาลตั้งแต่ นายกฯนกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ขุนคลัง” อย่าง กิตติรัตน์ ณ ระนอง เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว หลังจากที่ทั้งฝ่ายค้าน และ ส.ว.ยื่นตีความ 2 พ.ร.ก. คือโอนหนี้ให้แบงก์ชาติรับภาระหนี้กองทุนฯ และพ.ร.ก.ให้อำนาจคลังกู้เงินมาบริหารจัดการน้ำ เพราะถ้าไม่ผ่านแล้วละก็อ๊วกแน่ และมีความเป็นไปได้สูงเสียด้วยซี เพราะไม่ว่ามองในมุมไหนมัน “ไม่ด่วน” จริงนี่ เพ่ !!
00 ต้องพูดอย่างนั้นจริงๆ เพราะเสรีภาพที่คนพวกนี้อ้างในการแก้ไข ม.112 ก็ต้องมีเรื่องเดียวคือ ต้องการเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ พระมหากษัตริย์เท่านั้น เพราะมาตรานี้เกี่ยวข้องเฉพาะ พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น มันก็ชัดเจนในเจตนาอยู่แล้ว ว่ามีเป้าหมายอยู่ที่ใคร
00 ร่องรอยความเป็นพวกเดียวกันมาแนวทางเดียวกัน ถึงจะเสแสร้งอย่างไร ก็ย่อมดูออกวันยังค่ำ เพราะใช้ยุทธวิธีแยกกันเดิน แยกกันตี แต่มีเป้าหมายเดียวกัน สังเกตท่าทีและคำพูดของ “2ไพร่” ที่พัฒนามาเป็นอำมาตย์ อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กับ จตุพร พรหมพันธุ์ ก็ได้ ว่าทั้งคู่มีความอาลัยอาวรณ์กับพวก นิติราษฎร์ มีท่าทีเป็นมิตรยกย่องอยู่ในที ไม่ยอมให้เสียน้ำใจ ก็ไม่มีใครแปลกใจ เนื่องจากที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน โดยเฉพาะ จตุพร ยังโดนข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากคำปราศรัยเหิมเกริมเอาใจ “นาย” ถึงกับจาบจ้วงเหิมเกริมเรื่อง “กระสุนพระราชทาน” มาแล้ว
00 หลังจากสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ทุกอย่างน่าจะเริ่มดีกรีร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องแก้ไขรธน. ไม่ว่าจะมีกี่ประเด็น หรือจะใช้วิธีไหนก็ตาม แต่เป้าหมายก็คือต้องลบล้างความผิดให้ “ทักษิณ ชินวัตร” เท่านั้นเป็นพอ และมากันหลายทาง อย่างตอนนี้ก็ส่งสัญญาณ “เอาวา” มาแล้วจาก เฉลิม อยู่บำรุง ที่อาสาทำงานชิ้นใหม่ นั่นคือ เรื่องเสนอ พ.ร.บ.ปรองดอง อ้างว่าทำให้ทุกฝ่าย “ได้หมด” แต่ความหมายก็คือ ในนั้นต้อง “รวมทักษิณ-เหลี่ยมจัด” ไปด้วย แค่เผยอปากเล็กน้อย ก็เห็นไปถึงไส้ในแล้ว และประเด็นนี้แหละที่อาจทำให้อารมณ์ของคนต้องขาดผึงจนได้ อย่าทำเล่นเชียวนะ
00 ถ้าสังเกตให้ดี เวลานี้คนในรัฐบาลตั้งแต่ นายกฯนกแก้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร “ขุนคลัง” อย่าง กิตติรัตน์ ณ ระนอง เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว หลังจากที่ทั้งฝ่ายค้าน และ ส.ว.ยื่นตีความ 2 พ.ร.ก. คือโอนหนี้ให้แบงก์ชาติรับภาระหนี้กองทุนฯ และพ.ร.ก.ให้อำนาจคลังกู้เงินมาบริหารจัดการน้ำ เพราะถ้าไม่ผ่านแล้วละก็อ๊วกแน่ และมีความเป็นไปได้สูงเสียด้วยซี เพราะไม่ว่ามองในมุมไหนมัน “ไม่ด่วน” จริงนี่ เพ่ !!
