แม้ลูกพรรคส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีใครชอบหน้า แต่หากซื้อใจทักษิณ ชินวัตรและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยก็เชื่อว่า เก้าอี้ไม่สั่นคลอน
ทำให้หากมีช่องทางเมื่อไหร่ “ยงยุทธ” ต้องใช้โอกาส ชมเชลียร์ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” สุดลิ่มทิ่มประตู
สายข่าวแจ้งว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ในวันที่คณะนักศึกษาอบรมหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง(พตส.)รุ่นที่3ของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)ที่มีทั้งส.ส.- ส.ว.และตัวแทนวิชาชีพต่างๆไปดูงานที่พรรคเพื่อไทย วันนั้น “ยงยุทธ” ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เลยคุมข่มพรรคการเมืองอื่น เสียยกใหญ่
“ถ้าไม่มีอำนาจนอกระบบเข้ามาเพื่อไทยก็ชนะตลอด และจะชนะตลอดไปชั่วนิรันดร์ ทุกวันนี้ในสื่อโซเซียลมีเดีย มีคนที่ด่ายิ่งลักษณ์เต็มที่แค่ 2 แสนคน ส่วนกลุ่มพรรคอื่นที่มีคนชื่นชอบเพียง12-13 ล้านคน แต่ในของส่วนพรรคเพื่อไทย มีมากถึง 20 ล้านคน”
เป็นการเปิดเผยเป้าหมายของ “ทักษิณ-เพื่อไทย”เอาไว้แล้วว่า จากคะแนนปาร์ตี้ลิสต์รอบที่ผ่านมาซึ่งเพื่อไทยได้ 15 ล้านเสียง เลือกตั้งรอบต่อไปไม่ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน ต้องทำให้ได้อีก 5 ล้าน คือ 20 ล้าน
แม้การเลือกตั้งดูแล้วคงอีกยาวไกลกว่าจะมาถึง เผลอๆเป็นไปได้ “ยิ่งลักษณ์”อาจอยู่อีกนาน แต่บรรดากลุ่มก๊วนการเมืองหลายกลุ่มในเพื่อไทยก็พยายามรักษาอำนาจต่อรองของตัวเองเอาไว้ เพื่อผลต่อตำแหน่งในรัฐบาลและในพรรค
อย่างเช่น กลุ่มภาคกลาง พบว่าตัวหลักที่มีบทบาทในพรรคยังคงเป็นสองรัฐมนตรี แกนนำภาคกลางคือ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน ที่คุมพื้นที่นครปฐม ในฐานะประธานภาคกลางและวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข ขาใหญ่อยุธยาฯ ซึ่งสองรายนี้เก้าอี้เหนียวแน่น ไม่มีวันโดนแซะ เพราะจับมือกันแน่น
แม้จะมีหลายกลุ่มในภาคกลางจ้องอยู่เหมือนกันเช่น กลุ่มสมุทรปราการ –ปทุมธานี-นนทบุรี เป็นต้น เพราะตอนนี้ ส.ส.สามจังหวัดดังกล่าว รวมกันแล้วมีเป็นจำนวนมาก แต่กลับมีรัฐมนตรีแค่คนเดียวคือ ชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย ส่วนสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล โดนปลดจากรมช.ศึกษาธิการเหลือแค่ส.ส.ปทุมธานีอย่างเดียว
แต่ดีที่ว่าสายภาคกลาง ไม่ค่อยทำตัวมีปัญหา สงบเงียบ อาจเพราะมี “ข้อตกลงลับ”อะไรกันอยู่ เข้าใจว่าปรับครม.รอบหน้า คงต้องนำตำแหน่งไปเกลี่ยกันในภาคกลางแน่นอน
ขณะเดียวกัน ซุ้มสะสมทรัพย์ของ “เผดิมชัย”และกลุ่มอยุธยาฯของ “วิทยา” ก็ไม่อยู่นิ่ง กำลังเร่งแผ่สร้างบารมีต่อสายไปถึงแกนนำสายต่างๆ
อย่างความเคลื่อนไหวล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ 24 มกราคม ซึ่งทั้งเผดิมชัยและวิทยา นัดกินข้าวกับส.ส.-แกนนำพรรคร่วม 70 คน ทั้งพวกรัฐมนตรี-ส.ส.กรุงเทพมหานคร-ส.ส.อีสาน และเหนือรวมถึงที่มาอยู่แล้วพวกส.ส.ภาคกลาง ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพระราม 9
จัดได้ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดา ของ “เผดิมชัย” แกนนำพรรคภาคกลางที่เป็นโต้โผงานนี้
เพราะจัดงานแล้วคุ้ม เนื่องจากแกนนำมาเพียบเช่น ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรค ที่วันไปร่วมงาน อยู่ในสถานะรักษาการนายกรัฐมนตรีเสียด้วย เพราะยิ่งลักษณ์ไปอินเดียพอดีตอนเช้า -ศักดา คงเพชร รมช.ศึกษาธิการ แกนนำส.ส.อีสาน-ชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมช.คมนาคม ที่เป็นสายตรงของทักษิณ -วิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร สายตรงเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นต้น มาร่วมงานกันอุ่นหนาฝาคั่ง
แม้จะเป็นแค่การพบปะกินข้าวกันธรรมดา แต่นักการเมืองระดับแกนนำพรรค-รัฐมนตรี-ส.ส.หลายสิบคนไปเจอกันแบบนั้น การพูดคุยกันก็มีแต่เรื่องทิศทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย เป็นหลัก ทั้งเรื่องควันหลงปรับครม.-แต่งตั้งทีมงานการเมืองพวกที่ปรึกษา เลขานุการรัฐมนตรี –การแก้ไขรัฐธรรมนูญ –การประเมินสถานการณ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
ก่อนที่มีข่าวว่า ทั้งหมดจะแยกย้ายกันกลับ โดยไม่มีข้อตกลงอะไรกันเป็นพิเศษ แต่คนที่มีความสุขคือเจ้าภาพใหญ่ ซุ้มสะสมทรัพย์ของเผดิมชัยและกลุ่มอยุธยา ของวิทยา
ทำให้หากมีช่องทางเมื่อไหร่ “ยงยุทธ” ต้องใช้โอกาส ชมเชลียร์ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” สุดลิ่มทิ่มประตู
สายข่าวแจ้งว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ในวันที่คณะนักศึกษาอบรมหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง(พตส.)รุ่นที่3ของคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)ที่มีทั้งส.ส.- ส.ว.และตัวแทนวิชาชีพต่างๆไปดูงานที่พรรคเพื่อไทย วันนั้น “ยงยุทธ” ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เลยคุมข่มพรรคการเมืองอื่น เสียยกใหญ่
“ถ้าไม่มีอำนาจนอกระบบเข้ามาเพื่อไทยก็ชนะตลอด และจะชนะตลอดไปชั่วนิรันดร์ ทุกวันนี้ในสื่อโซเซียลมีเดีย มีคนที่ด่ายิ่งลักษณ์เต็มที่แค่ 2 แสนคน ส่วนกลุ่มพรรคอื่นที่มีคนชื่นชอบเพียง12-13 ล้านคน แต่ในของส่วนพรรคเพื่อไทย มีมากถึง 20 ล้านคน”
เป็นการเปิดเผยเป้าหมายของ “ทักษิณ-เพื่อไทย”เอาไว้แล้วว่า จากคะแนนปาร์ตี้ลิสต์รอบที่ผ่านมาซึ่งเพื่อไทยได้ 15 ล้านเสียง เลือกตั้งรอบต่อไปไม่ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน ต้องทำให้ได้อีก 5 ล้าน คือ 20 ล้าน
แม้การเลือกตั้งดูแล้วคงอีกยาวไกลกว่าจะมาถึง เผลอๆเป็นไปได้ “ยิ่งลักษณ์”อาจอยู่อีกนาน แต่บรรดากลุ่มก๊วนการเมืองหลายกลุ่มในเพื่อไทยก็พยายามรักษาอำนาจต่อรองของตัวเองเอาไว้ เพื่อผลต่อตำแหน่งในรัฐบาลและในพรรค
อย่างเช่น กลุ่มภาคกลาง พบว่าตัวหลักที่มีบทบาทในพรรคยังคงเป็นสองรัฐมนตรี แกนนำภาคกลางคือ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน ที่คุมพื้นที่นครปฐม ในฐานะประธานภาคกลางและวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข ขาใหญ่อยุธยาฯ ซึ่งสองรายนี้เก้าอี้เหนียวแน่น ไม่มีวันโดนแซะ เพราะจับมือกันแน่น
แม้จะมีหลายกลุ่มในภาคกลางจ้องอยู่เหมือนกันเช่น กลุ่มสมุทรปราการ –ปทุมธานี-นนทบุรี เป็นต้น เพราะตอนนี้ ส.ส.สามจังหวัดดังกล่าว รวมกันแล้วมีเป็นจำนวนมาก แต่กลับมีรัฐมนตรีแค่คนเดียวคือ ชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย ส่วนสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล โดนปลดจากรมช.ศึกษาธิการเหลือแค่ส.ส.ปทุมธานีอย่างเดียว
แต่ดีที่ว่าสายภาคกลาง ไม่ค่อยทำตัวมีปัญหา สงบเงียบ อาจเพราะมี “ข้อตกลงลับ”อะไรกันอยู่ เข้าใจว่าปรับครม.รอบหน้า คงต้องนำตำแหน่งไปเกลี่ยกันในภาคกลางแน่นอน
ขณะเดียวกัน ซุ้มสะสมทรัพย์ของ “เผดิมชัย”และกลุ่มอยุธยาฯของ “วิทยา” ก็ไม่อยู่นิ่ง กำลังเร่งแผ่สร้างบารมีต่อสายไปถึงแกนนำสายต่างๆ
อย่างความเคลื่อนไหวล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ 24 มกราคม ซึ่งทั้งเผดิมชัยและวิทยา นัดกินข้าวกับส.ส.-แกนนำพรรคร่วม 70 คน ทั้งพวกรัฐมนตรี-ส.ส.กรุงเทพมหานคร-ส.ส.อีสาน และเหนือรวมถึงที่มาอยู่แล้วพวกส.ส.ภาคกลาง ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพระราม 9
จัดได้ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดา ของ “เผดิมชัย” แกนนำพรรคภาคกลางที่เป็นโต้โผงานนี้
เพราะจัดงานแล้วคุ้ม เนื่องจากแกนนำมาเพียบเช่น ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรค ที่วันไปร่วมงาน อยู่ในสถานะรักษาการนายกรัฐมนตรีเสียด้วย เพราะยิ่งลักษณ์ไปอินเดียพอดีตอนเช้า -ศักดา คงเพชร รมช.ศึกษาธิการ แกนนำส.ส.อีสาน-ชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมช.คมนาคม ที่เป็นสายตรงของทักษิณ -วิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร สายตรงเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นต้น มาร่วมงานกันอุ่นหนาฝาคั่ง
แม้จะเป็นแค่การพบปะกินข้าวกันธรรมดา แต่นักการเมืองระดับแกนนำพรรค-รัฐมนตรี-ส.ส.หลายสิบคนไปเจอกันแบบนั้น การพูดคุยกันก็มีแต่เรื่องทิศทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย เป็นหลัก ทั้งเรื่องควันหลงปรับครม.-แต่งตั้งทีมงานการเมืองพวกที่ปรึกษา เลขานุการรัฐมนตรี –การแก้ไขรัฐธรรมนูญ –การประเมินสถานการณ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
ก่อนที่มีข่าวว่า ทั้งหมดจะแยกย้ายกันกลับ โดยไม่มีข้อตกลงอะไรกันเป็นพิเศษ แต่คนที่มีความสุขคือเจ้าภาพใหญ่ ซุ้มสะสมทรัพย์ของเผดิมชัยและกลุ่มอยุธยา ของวิทยา