ASTVผู้จัดการรายวัน - “เบอร์แทรม เคมิคอล” ทุ่ม 70 ล้านบาท เร่งเครื่องลุยเต็มสูบ ยกเครื่อง “เซียงเพียว” ปรับภาพลักษณ์ใหม่ในรอบ 10 ปี รับศึกหนักในไทยและเออีซีในอีก 3 ปีจากนี้ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาสะท้อนคาแรคเตอร์แบรนด์ ตั้งเป้าหมายดันยอดขายทะลุ 800 ล้านบาท โต 25% แย้มแผนใน 3 ปีข้างหน้ายอดขายทะยานสู่ 1,500 ล้านบาท ในปี 2558
นางสุวรรณา เอี่ยมพิกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยาดม “เซียงเพียว" ยาหม่องน้ำ "เซียงเพียวอิ๊ว” และ ยาดม “เพพเพอร์มินท์ฟิลด์” เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับตัวเพื่อรองรับกับการเปิดเออีซีที่จะมีผลใช้ในปี 2558 หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะเป็นการเปิดเสรีรวมประเทศในอาเซียนเป็นตลาดเดียวมากกว่า 650 ล้านคน ทำให้การแข่งขันเปิดกว้างและรุนแรงขึ้น
ซึ่งในไทยคาดว่าจะมีเพียง 4-5 แบรนด์เท่านั้นที่เป็นระดับใหญ่สามารถรองรับการแข่งขันได้ นอกนั้นก็เป็นสินค้าระดับโอท็อปและเอสเอ็มอีทั่วไปที่จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ลำบาก
ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่มีมากกว่า 200 คน และจัดระบบการทำงานต่างๆให้ดีขึ้น ซึ่งปีนี้จะลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานใหม่ที่ลำลูกกา ปทุมธานี พื้นที่ 80 ไร่เพิ่มกำลังผลิตอีก 10 เท่าจากโรงงานเดิมที่ลาดพร้าวที่มีกำลังผลิตเต็มที่คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท
บริษัทฯตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้ถึงปีที่มีการเปิดเออีซี บริษัทฯจะมียอดขายรวมมากกว่า 1,500 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศมากกว่า จากปัจจุบันที่สัดส่วนรายได้อยู่ที่ในประเทศและต่างประเทศเท่ากันที่ 50%-50% เนื่องจากการเปิดตลาดต่างประเทศจะง่ายมากกว่าเดิมที่มีข้อจำกัดมากมายต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่นทุกวันนี้ในตลาดประเทศเวียดนาม จะต้องเสียภาษีนำเข้าสูงเพราะในประเทศก็มีแบรนด์ท้องถิ่นจำนวนมาก อีกทั้งต้องขอวีซ่าสินค้านำเข้าด้วยซึ่งใช้เวลานานมาก
สำหรับตลาดต่างประเทศ เตรียมจะขยายเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ทำตลาดในรูปแบบการตั้งเอเย่นต์จัดจำหน่ายแล้วมากกว่า 12 ประเทศเช่น กัมพูชา ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี โคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา และฟิลิปปินส์ เป็นต้น ซึ่งได้เปิดตลาดฟิลิปปินส์ เมื่อต้นปีนี้เอง ต่อไปคาดว่าจะบุกตลาดแอฟริกาใต้ และจีน
ส่วนตลาดในประเทศ บริษัทฯตั้งงบตลาดปีนี้ไว้ที่ 70 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตลาดเชิงรุก พร้อมปรับภาพลักษณ์ยาดมเซียงเพียวให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด “เซียงเพียวเวิล์ด ไวด์” และจะเน้นกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จากแคมเปญ “เซียงเพียวโอเกะ” และ “เซียงเพียวฟุตซอล ออล สตาร์” ดึงดารานักแสดงช่อง 7 นำทีมโดย เขตต์ ฐานทัพ เดินสายทั่วทุกภาคในประเทศเพื่อสร้างการรับรู้ต่อภาพลักษณ์ใหม่ไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ
ขณะเดียวกันก็ได้ออกสินค้าตัวใหม่คือ ยาดมเซียงเพียวเมื่อต้นปีนี้ รวมทั้งการปรับโฉมแพกเกจจิ้งใหม่ยาหม่องขี้ผึ่งที่เตรียมเปิดตลาดเร็วๆนี้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ชนิดบาล์มสามารถเข้าจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้แล้ว ปัจจุบัน สินค้าของบริษัทฯเป็นผู้นำตลาดหลายกลุ่มเช่น ยาหม่องน้ำมีแชร์ 80% จากมูลค่าตลาดเซ็กเม้นตจ์นี้มากกว่า 500 ล้านบาท ส่วนยาดมมีแชร์ 25% ส่วนบาล์มเพิ่งทำตลาดไม่นาน คาดว่าในปีหน้าจะมีส่วนแบ่ง15-20% โดยรวมแล้วตลาดสินค้าประเภทนี้มีมากกว่า 10,000 ล้านบาททั่วประเทศ
นางสุวรรณา กล่าวว่า จากการปรับตัวรองรับกับการแข่งขันในประเทศและเออีซี บริษัทฯคาดว่า ปีนี้จะมียอดขาย 800 ล้านบาท เพิ่ม 25-30% จากรายได้ปีที่แล้วที่มีประมาณ 650 กว่าล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ที่เดิบโตมากคือ เพพเพอร์มินท์ ฟิลด์ เติบโต 40 % จากปี 2553 สำหรับปีนี้ ตั้งเป้าหมายเติบโต 50%
โดยในช่วงวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ผ่านมา ไม่มีผลกระทบต่อยอดขาย และมั่นใจว่าผลประกอบการสิ้นปี 2555 จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 25% เป็นสัดส่วนยอดขายจากตลาดในประเทศ 50% และตลาดต่างประเทศ 50% หรือหากแบ่งยอดขายตามแบรนด์ แบรนด์เซียงเพียว 80% และแบรนด์เพพเพอร์มินท์ ฟิลด์ 20%
นางสุวรรณา เอี่ยมพิกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เบอร์แทรมเคมิคอล (1982) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยาดม “เซียงเพียว" ยาหม่องน้ำ "เซียงเพียวอิ๊ว” และ ยาดม “เพพเพอร์มินท์ฟิลด์” เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับตัวเพื่อรองรับกับการเปิดเออีซีที่จะมีผลใช้ในปี 2558 หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะเป็นการเปิดเสรีรวมประเทศในอาเซียนเป็นตลาดเดียวมากกว่า 650 ล้านคน ทำให้การแข่งขันเปิดกว้างและรุนแรงขึ้น
ซึ่งในไทยคาดว่าจะมีเพียง 4-5 แบรนด์เท่านั้นที่เป็นระดับใหญ่สามารถรองรับการแข่งขันได้ นอกนั้นก็เป็นสินค้าระดับโอท็อปและเอสเอ็มอีทั่วไปที่จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ลำบาก
ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่มีมากกว่า 200 คน และจัดระบบการทำงานต่างๆให้ดีขึ้น ซึ่งปีนี้จะลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานใหม่ที่ลำลูกกา ปทุมธานี พื้นที่ 80 ไร่เพิ่มกำลังผลิตอีก 10 เท่าจากโรงงานเดิมที่ลาดพร้าวที่มีกำลังผลิตเต็มที่คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท
บริษัทฯตั้งเป้าหมายภายใน 3 ปีจากนี้ถึงปีที่มีการเปิดเออีซี บริษัทฯจะมียอดขายรวมมากกว่า 1,500 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศมากกว่า จากปัจจุบันที่สัดส่วนรายได้อยู่ที่ในประเทศและต่างประเทศเท่ากันที่ 50%-50% เนื่องจากการเปิดตลาดต่างประเทศจะง่ายมากกว่าเดิมที่มีข้อจำกัดมากมายต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่นทุกวันนี้ในตลาดประเทศเวียดนาม จะต้องเสียภาษีนำเข้าสูงเพราะในประเทศก็มีแบรนด์ท้องถิ่นจำนวนมาก อีกทั้งต้องขอวีซ่าสินค้านำเข้าด้วยซึ่งใช้เวลานานมาก
สำหรับตลาดต่างประเทศ เตรียมจะขยายเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ทำตลาดในรูปแบบการตั้งเอเย่นต์จัดจำหน่ายแล้วมากกว่า 12 ประเทศเช่น กัมพูชา ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี โคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา และฟิลิปปินส์ เป็นต้น ซึ่งได้เปิดตลาดฟิลิปปินส์ เมื่อต้นปีนี้เอง ต่อไปคาดว่าจะบุกตลาดแอฟริกาใต้ และจีน
ส่วนตลาดในประเทศ บริษัทฯตั้งงบตลาดปีนี้ไว้ที่ 70 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตลาดเชิงรุก พร้อมปรับภาพลักษณ์ยาดมเซียงเพียวให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด “เซียงเพียวเวิล์ด ไวด์” และจะเน้นกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จากแคมเปญ “เซียงเพียวโอเกะ” และ “เซียงเพียวฟุตซอล ออล สตาร์” ดึงดารานักแสดงช่อง 7 นำทีมโดย เขตต์ ฐานทัพ เดินสายทั่วทุกภาคในประเทศเพื่อสร้างการรับรู้ต่อภาพลักษณ์ใหม่ไปยังกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ
ขณะเดียวกันก็ได้ออกสินค้าตัวใหม่คือ ยาดมเซียงเพียวเมื่อต้นปีนี้ รวมทั้งการปรับโฉมแพกเกจจิ้งใหม่ยาหม่องขี้ผึ่งที่เตรียมเปิดตลาดเร็วๆนี้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ชนิดบาล์มสามารถเข้าจำหน่ายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นได้แล้ว ปัจจุบัน สินค้าของบริษัทฯเป็นผู้นำตลาดหลายกลุ่มเช่น ยาหม่องน้ำมีแชร์ 80% จากมูลค่าตลาดเซ็กเม้นตจ์นี้มากกว่า 500 ล้านบาท ส่วนยาดมมีแชร์ 25% ส่วนบาล์มเพิ่งทำตลาดไม่นาน คาดว่าในปีหน้าจะมีส่วนแบ่ง15-20% โดยรวมแล้วตลาดสินค้าประเภทนี้มีมากกว่า 10,000 ล้านบาททั่วประเทศ
นางสุวรรณา กล่าวว่า จากการปรับตัวรองรับกับการแข่งขันในประเทศและเออีซี บริษัทฯคาดว่า ปีนี้จะมียอดขาย 800 ล้านบาท เพิ่ม 25-30% จากรายได้ปีที่แล้วที่มีประมาณ 650 กว่าล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ที่เดิบโตมากคือ เพพเพอร์มินท์ ฟิลด์ เติบโต 40 % จากปี 2553 สำหรับปีนี้ ตั้งเป้าหมายเติบโต 50%
โดยในช่วงวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ผ่านมา ไม่มีผลกระทบต่อยอดขาย และมั่นใจว่าผลประกอบการสิ้นปี 2555 จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 25% เป็นสัดส่วนยอดขายจากตลาดในประเทศ 50% และตลาดต่างประเทศ 50% หรือหากแบ่งยอดขายตามแบรนด์ แบรนด์เซียงเพียว 80% และแบรนด์เพพเพอร์มินท์ ฟิลด์ 20%