จากกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ในข้อหาจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากกรณีออกพาสปอร์ตให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นนักโทษหนีคดี
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การทำหน้าที่ของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะมีวาระซ่อนเร้น เนื่องจากอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการออกหนังสือเดินทาง เป็นอำนาจเฉพาะของกระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ แต่พรรคประชาธิปัตย์ พยายามโยงเรื่องนี้ให้เกี่ยวข้องกับนายกฯ โดยการยื่นหนังสือถึงนายกฯ เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.54 และกำหนดเวลาให้นายกฯ ต้องเพิกถอนหนังสือเดินทางให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นการกำหนดเวลาให้นายกฯ ต้องทำตามที่พรรคฝ่ายค้านกำหนด และถือเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการบริหารงาน สอดคล้องกับการกระทำผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 266
ด้านนายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การกล่าวหานายกฯ ว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็เป็นข้อกล่าวหาที่ลุแก่อำนาจหน้าที่ โดยไม่สนใจขั้นตอนกระบวนการของการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เมื่อตนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก็พบว่า หลังจากที่นายกฯ ได้รับหนังสือจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้มีคำสั่งให้เลขาธิการนายกฯ ทำหนังสือถึงรมว.ต่างประเทศ เพื่อทำคำชี้แจง โดยสรุปความเป็นมา ข้อเท็จจริง และรายละเอียดของการกระทำที่ถูกกล่าวหา ซึ่งขณะนี้เรื่องก็อยู่ที่กระทรวงต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่า นายกฯไม่ได้นิ่งเฉย ต่อเรื่องนี้ โดยทางพรรคประชาธิปัตย์ ควรจะสอบถามเสียก่อน แต่กลับเร่งรัดการกล่าวหานายกฯ ในคดีอาญา
นายพิชิต กล่าวต่อว่า การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ มีวาระแอบแฝงเพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างแน่นอน และเป็นการทำลายขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องดังกล่าวเป็นเพียความเห็นต่างกันในข้อกฎหมายระหว่าง นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ กับนายสุรพงษ์ เท่านั้น ซึ่งตลอดมาการเห็นต่างในข้อกฎหมาย ไม่มีใครเขาเอามากล่าวหาว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะถือเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ความกันโดยไม่มีมูล
ทั้งนี้หากพรรคเพื่อไทย ได้ตรวจสอบคำร้องของพรรคประชาธิปัตย์ แล้วเห็นว่าเป็ความเท็จ ฝ่ายกฎหมายของพรรค จะเสนอให้ผู้เสียหายในเรื่องนี้ดำเนินคดีเอาความกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงชื่อ ยื่นคำร้องในเรื่องนี้ ในมาตรา 266
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การทำหน้าที่ของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะมีวาระซ่อนเร้น เนื่องจากอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการออกหนังสือเดินทาง เป็นอำนาจเฉพาะของกระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ แต่พรรคประชาธิปัตย์ พยายามโยงเรื่องนี้ให้เกี่ยวข้องกับนายกฯ โดยการยื่นหนังสือถึงนายกฯ เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.54 และกำหนดเวลาให้นายกฯ ต้องเพิกถอนหนังสือเดินทางให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นการกำหนดเวลาให้นายกฯ ต้องทำตามที่พรรคฝ่ายค้านกำหนด และถือเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการบริหารงาน สอดคล้องกับการกระทำผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 266
ด้านนายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การกล่าวหานายกฯ ว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็เป็นข้อกล่าวหาที่ลุแก่อำนาจหน้าที่ โดยไม่สนใจขั้นตอนกระบวนการของการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เมื่อตนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก็พบว่า หลังจากที่นายกฯ ได้รับหนังสือจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้มีคำสั่งให้เลขาธิการนายกฯ ทำหนังสือถึงรมว.ต่างประเทศ เพื่อทำคำชี้แจง โดยสรุปความเป็นมา ข้อเท็จจริง และรายละเอียดของการกระทำที่ถูกกล่าวหา ซึ่งขณะนี้เรื่องก็อยู่ที่กระทรวงต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่า นายกฯไม่ได้นิ่งเฉย ต่อเรื่องนี้ โดยทางพรรคประชาธิปัตย์ ควรจะสอบถามเสียก่อน แต่กลับเร่งรัดการกล่าวหานายกฯ ในคดีอาญา
นายพิชิต กล่าวต่อว่า การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ มีวาระแอบแฝงเพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างแน่นอน และเป็นการทำลายขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องดังกล่าวเป็นเพียความเห็นต่างกันในข้อกฎหมายระหว่าง นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ กับนายสุรพงษ์ เท่านั้น ซึ่งตลอดมาการเห็นต่างในข้อกฎหมาย ไม่มีใครเขาเอามากล่าวหาว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะถือเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ความกันโดยไม่มีมูล
ทั้งนี้หากพรรคเพื่อไทย ได้ตรวจสอบคำร้องของพรรคประชาธิปัตย์ แล้วเห็นว่าเป็ความเท็จ ฝ่ายกฎหมายของพรรค จะเสนอให้ผู้เสียหายในเรื่องนี้ดำเนินคดีเอาความกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงชื่อ ยื่นคำร้องในเรื่องนี้ ในมาตรา 266