โฆษกเพื่อไทยออกโรงป้องนาย ซัด ปชป.ยื่นถอด “ยิ่งลักษณ์-สุรพงษ์” มีวาระซ่อนเร้น แถมส่อเจตนาจุ้นงานบริหารผิด รธน.มาตรา 266 ด้าน “ทนายถุงขนม” เชื่อหวังผลการเมือง จ่อฟ้องกลับ 145 ส.ส.ที่ยื่นฟัน
วันนี้ (26 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในข้อหาจงใจปฎิบัติหน้าที่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ว่า การทำหน้าที่ของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์น่าจะมีวาระซ่อนเร้น เนื่องจากอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการออกหนังสือเดินทางเป็นอำนาจเฉพาะของกระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ แต่พรรคประชาธิปัตย์พยายามโยงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้เกี่ยวข้องกับนายกฯ โดยการยื่นหนังสือถึงนายกฯ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2554 และกำหนดเวลาให้นายกฯ ต้องเพิกถอนหนังสือเดินทางให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน ซึ่งเป็นการกำหนดเวลาให้นายกฯ ต้องทำตามที่พรรคฝ่ายค้านกำหนด และถือเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการบริหารงาน สอดคล้องกับการกระทำผิดตามกฎหมารัฐธรรมนูญมาตรา 266
ด้าน นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การกล่าวหานายกฯว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นข้อกล่าวหาที่ลุแก่อำนาจหน้าที่ โดยไม่สนใจขั้นตอนกระบวนการของการปฎิบัติหน้าที่ราชการ เมื่อตนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก็พบว่า หลังจากที่นายกฯ ได้รับหนังสือจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้มีคำสั่งให้เลขาธิการนายกฯ ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อทำคำชี้แจง โดยสรุปความเป็นมา ข้อเท็จจริง และรายละเอียดของการกระทำที่ถูกกล่าวหา ซึ่งขณะนี้เรื่องก็อยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่านายกฯ ไม่ได้นิ่งเฉยต่อเรื่องนี้ โดยทางพรรคประชาธิปัตย์ควรจะสอบถามเสียก่อน แต่กลับเร่งรัดการกล่าวหานายกฯในคดีอาญา
นายพิชิตกล่าวต่อว่า การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์มีวาระแอบแฝงเพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างแน่นอน และเป็นการทำลายขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นต่างกันในข้อกฎหมายระหว่างนายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กับนายสุรพงษ์เท่านั้น ซึ่งตลอดมาการเห็นต่างในข้อกฎหมาย ไม่มีใครเขาเอามากล่าวหาว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะถือเป็นการกลั่นแกล้งใส่ความกันโดยไม่มีมูล ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบคำร้องของพรรคประชาธิปัตย์แล้วเห็นว่าเป็นความเท็จ ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะเสนอให้ผู้เสียหายในเรื่องนี้ดำเนินคดีเอาความต่อสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ยื่นคำร้องในเรื่องนี้ในมาตรา 266