ASTVผู้จัดการรายวัน - "พาณิชย์" ดีเดย์เริ่มรับจำนำมันสำปะหลัง 1 ก.พ.นี้ ปริมาณ 10 ล้านตัน คาดใช้เงิน 3 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าดันราคาขึ้นถึงกิโลกรัมละ 3 บาท "ภูมิ" ยันไม่มีใครดึงเรื่อง ทั้งๆ ที่ช้ากว่ากำหนดการเดิมที่ควรจะเริ่ม 1 ธ.ค.ปีก่อน
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลมาตรการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2554/55 เพื่อเตรียมความพร้อมรับจำนำมันสำปะหลัง วานนี้ (25 ม.ค.) ว่า จะเริ่มดำเนินโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-31พ.ค.2555 กำหนดราคา รับจำนำที่กิโลกรัม (กก.) ละ 2.75 บาท จากนั้นจะเพิ่มราคาจำนำอีก เดือนละ 5 สตางค์ต่อกก.ไปจนถึงราคาสุดท้ายที่กก.ละ 2.90 บาท ตั้งเป้าปริมาณรับจำนำที่ 10 ล้านตัน คาดใช้วงเงินรับจำนำกว่า 30,000 ล้านบาท เป็นเงินทุนหมุนเวียน หากไม่เพียงพอก็สามารถเพิ่มได้อีก และได้กำหนดอัตราการแปรสภาพไว้ที่หัวมันสด 2.42 กก.แปรสภาพเป็นมันเส้นได้ 1 กก.
สำหรับการรับจำนำ ได้มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ออกประกาศเพื่อรับสมัครลานมันที่จะเข้าร่วมโครงการ ซึ่งต้องการให้เข้าร่วมโครงการมากที่สุด เพื่ออำนวยสะดวกให้เกษตรกรผู้ปลูกมัน มีสถานที่รับจำนำอย่างทั่วถึง โดยหากลานมันในพื้นที่ไม่เพียงพอ ก็อาจจะเปิดให้ลานมันมีการรับจำนำหัวมันสดข้ามเขตแบบเดียวกับการ รับจำนำข้าวเปลือกนาปีได้
"การรับจำนำมันที่จะเริ่มวันที่ 1 ก.พ.นี้ ถือว่าเริ่มช้าเกินไป ทั้งที่ตั้งใจว่าจะให้เริ่มวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่มีเหตุขัดข้อง และไม่สะดวกบางประการ จึงทำให้ต้องล่าช้า ยืนยันว่า ไม่มีใครดึงเรื่องเพื่อ ไม่ให้มีการรับจำนำเกิดขึ้น และมั่นใจว่าการรับจำนำจะดึงราคาหัวมันสดให้สูงขึ้น เป้าหมายไม่ต่ำกว่ากก.ละ 2.75 บาท" นายภูมิกล่าว
ในปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตมันสำปะหลังประมาณ 25 ล้านตัน แต่เกษตรกรได้เริ่มทยอยขุดออกมาขายส่วนหนึ่งแล้ว คาดว่าจะมีเหลือประมาณ 20 ล้านตัน โดยต้นทุนการผลิตของเกษตรกรแตกต่าง กันมาก โดยเกษตรกรระบุว่าอยู่ที่กก.ละกว่า 2 บาท แต่สมาคมผู้ค้า มันระบุว่าอยู่ที่กก.ละ 1.90 บาท ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุว่าอยู่ที่เพียงกก.ละ 1.77 บาทเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ปลายปี 2554 นายภูมิ ได้พยายามเสนอเรื่องให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว. พาณิชย์ในขณะนั้น นำเรื่องการเปิดรับจำนำมันสำปะหลังปี 2554/55 เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่นายกิตติรัตน์ กลับนิ่งเฉย เพราะไม่ต้องการให้มีการรับจำนำเกิดขึ้น โดยอ้างว่าราคาหัวมันสดในประเทศอยู่ในระดับราคาดีอยู่แล้ว และมีโอกาสขึ้นไปถึงกก.ละ 3 บาทได้ เพราะความต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะจีนยังมีมาก และยังมีความต้องการนำไปทำเป็นพืชพลังงานทดแทนอีก แต่สาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้นายกิตติรัตน์ ไม่ต้องการให้มีการรับจำนำ มีการวิพากษ์วิจารณ์จากวงการค้ามันว่า มีพ่อค้ามันบางรายล็อบบี้นายกิตติรัตน์ เพราะหากราคาหัวมันสดสูงขึ้นมาก จะทำให้พ่อค้ามีต้นทุนการทำธุรกิจสูงขึ้น และมีกำไรลดลง
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลมาตรการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2554/55 เพื่อเตรียมความพร้อมรับจำนำมันสำปะหลัง วานนี้ (25 ม.ค.) ว่า จะเริ่มดำเนินโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-31พ.ค.2555 กำหนดราคา รับจำนำที่กิโลกรัม (กก.) ละ 2.75 บาท จากนั้นจะเพิ่มราคาจำนำอีก เดือนละ 5 สตางค์ต่อกก.ไปจนถึงราคาสุดท้ายที่กก.ละ 2.90 บาท ตั้งเป้าปริมาณรับจำนำที่ 10 ล้านตัน คาดใช้วงเงินรับจำนำกว่า 30,000 ล้านบาท เป็นเงินทุนหมุนเวียน หากไม่เพียงพอก็สามารถเพิ่มได้อีก และได้กำหนดอัตราการแปรสภาพไว้ที่หัวมันสด 2.42 กก.แปรสภาพเป็นมันเส้นได้ 1 กก.
สำหรับการรับจำนำ ได้มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ออกประกาศเพื่อรับสมัครลานมันที่จะเข้าร่วมโครงการ ซึ่งต้องการให้เข้าร่วมโครงการมากที่สุด เพื่ออำนวยสะดวกให้เกษตรกรผู้ปลูกมัน มีสถานที่รับจำนำอย่างทั่วถึง โดยหากลานมันในพื้นที่ไม่เพียงพอ ก็อาจจะเปิดให้ลานมันมีการรับจำนำหัวมันสดข้ามเขตแบบเดียวกับการ รับจำนำข้าวเปลือกนาปีได้
"การรับจำนำมันที่จะเริ่มวันที่ 1 ก.พ.นี้ ถือว่าเริ่มช้าเกินไป ทั้งที่ตั้งใจว่าจะให้เริ่มวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่มีเหตุขัดข้อง และไม่สะดวกบางประการ จึงทำให้ต้องล่าช้า ยืนยันว่า ไม่มีใครดึงเรื่องเพื่อ ไม่ให้มีการรับจำนำเกิดขึ้น และมั่นใจว่าการรับจำนำจะดึงราคาหัวมันสดให้สูงขึ้น เป้าหมายไม่ต่ำกว่ากก.ละ 2.75 บาท" นายภูมิกล่าว
ในปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตมันสำปะหลังประมาณ 25 ล้านตัน แต่เกษตรกรได้เริ่มทยอยขุดออกมาขายส่วนหนึ่งแล้ว คาดว่าจะมีเหลือประมาณ 20 ล้านตัน โดยต้นทุนการผลิตของเกษตรกรแตกต่าง กันมาก โดยเกษตรกรระบุว่าอยู่ที่กก.ละกว่า 2 บาท แต่สมาคมผู้ค้า มันระบุว่าอยู่ที่กก.ละ 1.90 บาท ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุว่าอยู่ที่เพียงกก.ละ 1.77 บาทเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ปลายปี 2554 นายภูมิ ได้พยายามเสนอเรื่องให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว. พาณิชย์ในขณะนั้น นำเรื่องการเปิดรับจำนำมันสำปะหลังปี 2554/55 เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่นายกิตติรัตน์ กลับนิ่งเฉย เพราะไม่ต้องการให้มีการรับจำนำเกิดขึ้น โดยอ้างว่าราคาหัวมันสดในประเทศอยู่ในระดับราคาดีอยู่แล้ว และมีโอกาสขึ้นไปถึงกก.ละ 3 บาทได้ เพราะความต้องการของตลาดโลก โดยเฉพาะจีนยังมีมาก และยังมีความต้องการนำไปทำเป็นพืชพลังงานทดแทนอีก แต่สาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้นายกิตติรัตน์ ไม่ต้องการให้มีการรับจำนำ มีการวิพากษ์วิจารณ์จากวงการค้ามันว่า มีพ่อค้ามันบางรายล็อบบี้นายกิตติรัตน์ เพราะหากราคาหัวมันสดสูงขึ้นมาก จะทำให้พ่อค้ามีต้นทุนการทำธุรกิจสูงขึ้น และมีกำไรลดลง