ASTVผู้จัดการรายวัน - ทรู ทุ่มงบ 1,500 ล้านบาทมากกว่าปกติ 6 เท่า สร้างเครือข่ายไวไฟทั่วประเทศรองรับลูกค้าทรูมูฟ เอช คาดปีนี้ยอดผู้ใช้พุ่งแตะ 1.5 ล้านรายแน่ หลังแนวโน้มโลกต้องมีไวไฟเสริมเครือข่ายมือถือ พร้อมคุยได้รับเลือกเป็น 1 ใน 5 โอเปอเรตอร์มือถือทดสอบ ไวไฟ ฮอตสปอต 2.0
นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เพื่อเป็นการเสริมกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรู โดยเฉพาะการเพิ่มประสบการณ์ใช้งานเครือข่าย 3G ที่ทำงานร่วมกับเครือข่ายไวไฟ ซึ่งเป็นแนวโน้มของโลกที่กำลังเกิดขึ้น แต่สำหรับกลุ่มทรูแล้วเริ่มมีการให้บริการนี้มาเกือบ 3 ปี โดยในปีนี้จะมีการลงทุนเครือข่ายไวไฟมากเป็นพิเศษ ด้วยงบลงทุน 1,500 ล้านบาท เป็นการขยายความจุของเครือข่ายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพฮอตสปอตที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูง 100,000 จุด รวมไปถึงการขยายจำนวนฮอตสปอตออกไปต่างจังหวัดอีก 30,000-40,000 จุด จากที่เดิมมีแต่ในหัวเมืองใหญ่เท่านั้น
'ปกติในการลงทุนเครือข่ายไวไฟจะอยู่ที่ประมาณ 250 ล้านบาทต่อปี แต่สำหรับปีนี้ถือเป็นการลงทุนไวไฟมากเป็นพิเศษเพื่อรองรับกับการเติบโตของผู้ใช้บริการทรูมูฟ เอช ซึ่งจะเป็นกลุ่มลูกค้าหลักเกือบ 80% ของจำนวนผู้ใช้ไวไฟในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 1.5 ล้านราย เติบโตขึ้นประมาณ 50-60% จากจำนวนผู้ใช้ไวไฟในปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 900,000 ราย'
ทั้งนี้ตลาดไวไฟโดยรวมปีนี้เชื่อว่า จะยังไม่ถึง 2 ล้านรายอย่างแน่นอน เนื่องจากแต่ละค่ายต่างยังมีผู้ใช้จำนวนไม่มากอยู่ในระดับหลัก 2-3 แสนรายนั้น
นายสุพจน์ มหพันธ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจบริการระหว่างประเทศ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวเสริมว่า มีการประมาณการเติบโตการใช้งานดาต้าบนเครือข่ายไวไฟใน 3 ปีข้างหน้าไว้ว่า จะมีถึง 3 เท่า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั่วโลกต่างเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการใช้เครือข่ายไวไฟเสริมเครือข่าย 3G เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโวดาโฟน เอทีแอนด์ที ไชน่าโมบาย แม้กระทั่งเอ็นทีที โดโคโมที่เดิมคิดว่า เครือข่ายLTEจะสามารถช่วยเพิ่มความจุในการให้บริการดาต้าก็ยังต้องหันมาลงทุนเครือข่ายไวไฟเพิ่ม
ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนก.พ.นี้ กลุ่มทรูซึ่งถือเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง Wireless Broadband Alliance หรือ WBA ซึ่งเป็นความร่วมมือของผู้ให้บริการชั้นนำในอุตสาหกรรมการสื่อสารไร้สายทั่วโลก ได้รับการคัดเลือกให้ทดลองการใช้งาน ไวไฟ เน็กซ์เจนเนอเรชันหรือไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้บริการบนเครือข่ายไวไฟได้ประสบการณ์ใหม่ในการเชื่อมต่อไวไฟผ่านซิมการ์ด
'ทรูมูฟ เอชนับเป็น 1 ใน 5 ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3G ที่ได้รับเลือกทดลองการใช้งานไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 นี้ ซึ่งในเอเชียมีไชน่า โมบาย เอ็นทีที โดโคโมและทรูมูฟ เอชที่ได้รับเลือก'
นายนนท์ กล่าวเสริมว่า ในการทดลองไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 นี้จะมีการทดสอบอยู่ 2 จุด คือ ที่ช็อปทรูมูฟ เซ็นทรัลพระราม 9 กับที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยร่วมมือกับซิสโก้ที่สนับสนุนเทคโนโลยีในส่วนฮอตสปอต และซัมซุงสนับสนุนในอุปกรณ์มือถือ หลังจากที่ทดสอบเสร็จแล้ว จะนำผลการทดสอบไปกำหนดมาตรฐานไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 ในภายหลัง ซึ่งเชื่อว่า น่าจะเห็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือบางรายจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้
ข้อดีของไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 อยู่ที่จะทำให้การเลือกบริการโครงข่ายไวไฟที่สามารถใช้งานได้จะลดขั้นตอนลงไป โดยไม่ต้องทำการเลือกเน็ตเวิร์กที่ต้องการล็อกอินอีกต่อไป เพราะข้อมูลเหล่านั้นจะมีการลงทะเบียนและเลือกเครือข่ายที่โรมมิ่งได้ ให้อัตโนมัติโดยซิมการ์ดของผู้ใช้บริการ ลดปัญหาการจำบัญชีการใช้งานและไม่ต้องเปิดเว็บเบราเซอร์ เพราะไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 จะล็อกอินให้อัตโนมัติทันที และความปลอดภัยในการใช้งานผ่านไวไฟจะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะจะมีการเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลเหมือนกับการเข้ารหัสข้อมูลบนเครือข่ายมือถือทุกประการ
'เชื่อว่า ปีหน้าจะเห็นมีผู้ผลิตอุปกรณ์ทั้งฮอตสปอตและมือถือนำมาตรฐาน ไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 มาใช้กันอย่างกว้างขวางแน่นอน'
นายนนท์ อิงคุทานนท์ ผู้จัดการทั่วไป สายงานบริการบรอดแบนด์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เพื่อเป็นการเสริมกลยุทธ์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่มทรู โดยเฉพาะการเพิ่มประสบการณ์ใช้งานเครือข่าย 3G ที่ทำงานร่วมกับเครือข่ายไวไฟ ซึ่งเป็นแนวโน้มของโลกที่กำลังเกิดขึ้น แต่สำหรับกลุ่มทรูแล้วเริ่มมีการให้บริการนี้มาเกือบ 3 ปี โดยในปีนี้จะมีการลงทุนเครือข่ายไวไฟมากเป็นพิเศษ ด้วยงบลงทุน 1,500 ล้านบาท เป็นการขยายความจุของเครือข่ายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพฮอตสปอตที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูง 100,000 จุด รวมไปถึงการขยายจำนวนฮอตสปอตออกไปต่างจังหวัดอีก 30,000-40,000 จุด จากที่เดิมมีแต่ในหัวเมืองใหญ่เท่านั้น
'ปกติในการลงทุนเครือข่ายไวไฟจะอยู่ที่ประมาณ 250 ล้านบาทต่อปี แต่สำหรับปีนี้ถือเป็นการลงทุนไวไฟมากเป็นพิเศษเพื่อรองรับกับการเติบโตของผู้ใช้บริการทรูมูฟ เอช ซึ่งจะเป็นกลุ่มลูกค้าหลักเกือบ 80% ของจำนวนผู้ใช้ไวไฟในปีนี้ที่ตั้งไว้ที่ 1.5 ล้านราย เติบโตขึ้นประมาณ 50-60% จากจำนวนผู้ใช้ไวไฟในปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 900,000 ราย'
ทั้งนี้ตลาดไวไฟโดยรวมปีนี้เชื่อว่า จะยังไม่ถึง 2 ล้านรายอย่างแน่นอน เนื่องจากแต่ละค่ายต่างยังมีผู้ใช้จำนวนไม่มากอยู่ในระดับหลัก 2-3 แสนรายนั้น
นายสุพจน์ มหพันธ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจบริการระหว่างประเทศ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวเสริมว่า มีการประมาณการเติบโตการใช้งานดาต้าบนเครือข่ายไวไฟใน 3 ปีข้างหน้าไว้ว่า จะมีถึง 3 เท่า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทั่วโลกต่างเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการใช้เครือข่ายไวไฟเสริมเครือข่าย 3G เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโวดาโฟน เอทีแอนด์ที ไชน่าโมบาย แม้กระทั่งเอ็นทีที โดโคโมที่เดิมคิดว่า เครือข่ายLTEจะสามารถช่วยเพิ่มความจุในการให้บริการดาต้าก็ยังต้องหันมาลงทุนเครือข่ายไวไฟเพิ่ม
ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนก.พ.นี้ กลุ่มทรูซึ่งถือเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง Wireless Broadband Alliance หรือ WBA ซึ่งเป็นความร่วมมือของผู้ให้บริการชั้นนำในอุตสาหกรรมการสื่อสารไร้สายทั่วโลก ได้รับการคัดเลือกให้ทดลองการใช้งาน ไวไฟ เน็กซ์เจนเนอเรชันหรือไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้บริการบนเครือข่ายไวไฟได้ประสบการณ์ใหม่ในการเชื่อมต่อไวไฟผ่านซิมการ์ด
'ทรูมูฟ เอชนับเป็น 1 ใน 5 ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ 3G ที่ได้รับเลือกทดลองการใช้งานไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 นี้ ซึ่งในเอเชียมีไชน่า โมบาย เอ็นทีที โดโคโมและทรูมูฟ เอชที่ได้รับเลือก'
นายนนท์ กล่าวเสริมว่า ในการทดลองไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 นี้จะมีการทดสอบอยู่ 2 จุด คือ ที่ช็อปทรูมูฟ เซ็นทรัลพระราม 9 กับที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยร่วมมือกับซิสโก้ที่สนับสนุนเทคโนโลยีในส่วนฮอตสปอต และซัมซุงสนับสนุนในอุปกรณ์มือถือ หลังจากที่ทดสอบเสร็จแล้ว จะนำผลการทดสอบไปกำหนดมาตรฐานไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 ในภายหลัง ซึ่งเชื่อว่า น่าจะเห็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือบางรายจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้
ข้อดีของไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 อยู่ที่จะทำให้การเลือกบริการโครงข่ายไวไฟที่สามารถใช้งานได้จะลดขั้นตอนลงไป โดยไม่ต้องทำการเลือกเน็ตเวิร์กที่ต้องการล็อกอินอีกต่อไป เพราะข้อมูลเหล่านั้นจะมีการลงทะเบียนและเลือกเครือข่ายที่โรมมิ่งได้ ให้อัตโนมัติโดยซิมการ์ดของผู้ใช้บริการ ลดปัญหาการจำบัญชีการใช้งานและไม่ต้องเปิดเว็บเบราเซอร์ เพราะไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 จะล็อกอินให้อัตโนมัติทันที และความปลอดภัยในการใช้งานผ่านไวไฟจะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพราะจะมีการเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลเหมือนกับการเข้ารหัสข้อมูลบนเครือข่ายมือถือทุกประการ
'เชื่อว่า ปีหน้าจะเห็นมีผู้ผลิตอุปกรณ์ทั้งฮอตสปอตและมือถือนำมาตรฐาน ไวไฟ ฮอตสปอต 2.0 มาใช้กันอย่างกว้างขวางแน่นอน'
