ศรีสะเกษ-แกนนำม็อบเขื่อนราษีไศลรอดคุกหวุดหวิด ศาลจังหวัดศรีสะเกษอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุก2 ปี แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และคุมความประพฤติ 1 ปี
วานนี้ (24 ม.ค. )ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณด้านหน้าศาล จ.ศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้มีกลุ่มสมัชชาคนจน (สคจ.)กรณีผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูล และเขื่อนราษีไศลพร้อมด้วย เครือข่ายปัญหาที่ดินทำกิน จำนวนประมาณ 100 คน เดินทางมาให้กำลังใจ นายไพรจิตร ศิลารักษ์ ผู้ต้องหาคดีบุกรุกสถานที่ราชการ ในข้อหา "บุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ ความผิดต่อเสรีภาพ"กรณีที่กลุ่มสมัชชาคนจนบุกเข้าไปชุมนุมที่หัวงานเขื่อนราษีไศล อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ เมื่อเดือน พ.ค. 2543
ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก2 ปี ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ยืนตามศาลชั้นต้น ผู้ต้องหาจึงได้ต่อสู้ในชั้นฎีกา และศาลฎีกาได้กำหนดตัดสินคดีในวันนี้ ( 24ม.ค.) โดยบรรดาชาวบ้านได้มีการมอบดอกไม้เป็นการให้กำลังใจแก่นายไพรจิตร เป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะเข้ารับฟังการอ่านคำพิพากษา
ทั้งนี้ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดศรีสะเกษ ได้ออกนั่งบัลลังก์ และได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา โดยศาลฎีกาได้พิพากษาว่า ให้ยืนตามศาลอุทธรณ์ แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ก่อน 2 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี โดยให้ไปรายงานต่อพนักงานคุมประพฤติ 2 ครั้ง ตามเงื่อนไขระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติกำหนด
หลังจากได้รับฟังการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว บรรดาชาวบ้านที่ไปให้กำลังใจได้พากันดีใจและชาวบ้านที่อยู่บริเวณด้านหน้าศาล จ.ศรีสะเกษได้พากันโห่ร้องปรบมือด้วยความยินดีเป็นอย่างมาก
นายไพรจิตร ศิลารักษ์ ผู้ประสานงานขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ( pmove) กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจมากที่ศาลฎีกาได้ให้ความกรุณาต่อตนซึ่งเป็นคนยากไร้ และต่อไปในการทำกิจกรรมอะไรตนจะต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่าเดิมอีก เพื่อจะได้ไม่ต้องทำผิดกฎหมายอีก และขอขอบคุณพี่น้องชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนราษีไศลรวมถึงบรรดากลุ่มชาวบ้านต่างๆ ทุกคนที่ได้มาให้กำลังใจในครั้งนี้และตนจะต่อสู้อยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนผู้ยากไร้ภายใต้กรอบของกฎหมายต่อไป