“ตัน” ปรับองค์กร รวบเป็นบริษัท อิชิตันกรุ๊ป หลังยุบไม่ตันลง ยันผู้ถือหุ้นอีก 9 รายยังอยู่ครบ ทุ่ม 105 ล้านบาท ขยายธุรกิจอาหารเพียบ ส่วนธุรกิจเครื่องดื่ม ยันเมษายนนี้ผลิตสินค้าได้ มั่นใจตลาดรวมชาเขียวปีนี้โต 30% ชี้รายเล็กลำบาก ถ้าไม่ติดท็อปโฟร์
นายตัน ภาสกรนที ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ ด้วยการเปลี่ยนชื่อบริษัทจากเดิม บริษัท ไม่ตัน จำกัด มาเป็น บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด โดยรวมทุกธุรกิจทั้งอาหารและเครื่องดื่มไว้ภายในบริษัทเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ในการดำเนินธุรกิจต่อบุคคลภายนอก และเพื่อการเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตด้วย ส่วนผู้ร่วมถือหุ้นอีก 9 รายที่มาจากการคัดเลือกนั้นยังอยู่ครบเหมือนเดิม
โดยปีนี้ส่วนของธุรกิจอาหารมีแผนลงทุนเพิ่มด้วยงบประมาณรวมกว่า 105 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่ร้านอาหารในเครือ คือ ร้านเมล์ทมี เดิมมี 9 สาขา จะเพิ่มอีก 5 สาขา ทั้งคีออสและชอป, ร้านราเมนแชมเปี้ยน เดิมมี 1 สาขา ที่อารีน่าเทนทองหล่อ จะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ที่ยูดีทาวน์อุดรธานีและชลบุรี, ร้านโทคิยะ มี 1 สาขาที่สยามดิสคัฟเวอรี่ จะเปิดอีก 2 สาขา ยังไม่สรุปสถานที่เช่น ซีคอนสแควร์ศรีครินทร์และบางแค กับพาราไดซ์พาร์ค และร้านอิชิตัน อิซากายะ บุฟเฟ่ต์ เดิมมี 2 สาขาที่ทองหล่อกับลพบุรี จะเปิดอีก 2 สาขา แต่ยังไม่สรุปสถานที่เช่น ซีคอนสแควร์ศรีนครินทร์กับบางแค
ขณะที่ธุรกิจเครื่องดื่มมี 2 แบรนด์คือ อิชิตันกับดั๊บเบิ้ลดริงค์ คาดว่าภายในเดือนเมษายนจะเดินเครื่องผลิตได้ หลังจากที่ต้องทุ่มงบลงทุนใหม่ 2,000 ล้านบาทในการซื้อเครื่องจักรและปรับปรุงโรงงาน หลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ปลายปีที่ผ่านมา จนโรงงานเสียหายหมดทั้งๆที่ใกล้จะเดินเครื่องผลิตแล้ว ปัจจุบันต้องว่าจ้างบริษัทอื่น 2 รายผลิตให้ มีกำลังผลิตเพียง 500,000 ลังต่อเดือนเท่านั้น
ล่าสุดบริษัทฯได้แต่งตั้ง บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ในกลุ่มสิงห์ ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายในช่องทาง เทรดดิชันนัลเทรด จากเดิมที่ บริษัทฯมีการจัดจำหน่ายเองในช่องทางอีเวนต์ ส่วนบริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด จัดจำหน่ายช่องทางโมเดิร์นเทรดและเทรดดิชันนัลเทรด ซึ่งเป็นไปตามสัญญาที่ทำไว้กับทุกรายอยู่แล้วว่า บริษัทฯจะมีผู้จัดจำหน่าย 3 ราย
“ผมว่าการแข่งขันเป็นเรื่องดี และเป็นความตั้งใจของผมอยู่แล้วที่จะมีผู้จัดจำหน่ายหลายราย ซึ่งสิงห์แข็งแกร่งด้านนยี่ปั๊วที่เป็นเอเย่นต์สุรา เข้าชิ่องทางโรงแรมได้ด้วย ส่วนดีทแฮล์มแข็งแกร่งด้านยี่ปั๊วร้านค้าทั่วไป ซึ่งการที่เราต้องมาจ้างสิงห์นั้นเพราะเราถูกบล็อกจากคู่แข่ง ผมจึงต้องทำและที่เลือกสิงห์ก็ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะมาชน แต่เพราะในตลาดแอลอกอฮอล์มันก็มีเพียง 2 รายใหญ่เท่านั้นที่มีช่องทางที่แข็งแก่รง ซึ่งเหลือสิงห์ผมก็ต้องเลือกสิงห์”
นายตันกล่าวว่า ตลาดชาเขียวปีนี้คาดว่าจะเติบโตอีก 30% จากปีที่แล้วเติบโต 21% เป็นที่สองรองจากตลาดน้ำดื่ม ซึ่งหากพิจารณาจากกำลังการผลิตของรายใหญ่รวมกันแล้วมีมากถึงมูลค่า 20,000 ล้านบาท บาทต่อปี และในตลาดจะมีเพียง 3-4 แบรนด์ใหญ่เท่านั้นที่อยู่ได้ การเข้ามาของรายใหม่ที่เล็กก็จะลำบาก
สำหรับอิชิตันกรุ๊ป ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 2,500 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ 1,300 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมยาที่ตั้งไว้ที่ 1,500 ล้านบาท เพราะเกิดเหตุน้ำท่วม 2 เดือนท้ายปี 2554 ส่วนงบตลาดตั้งไว้ที่ 250 ล้านบาท
นายตัน ภาสกรนที ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจใหม่ ด้วยการเปลี่ยนชื่อบริษัทจากเดิม บริษัท ไม่ตัน จำกัด มาเป็น บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด โดยรวมทุกธุรกิจทั้งอาหารและเครื่องดื่มไว้ภายในบริษัทเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ในการดำเนินธุรกิจต่อบุคคลภายนอก และเพื่อการเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตด้วย ส่วนผู้ร่วมถือหุ้นอีก 9 รายที่มาจากการคัดเลือกนั้นยังอยู่ครบเหมือนเดิม
โดยปีนี้ส่วนของธุรกิจอาหารมีแผนลงทุนเพิ่มด้วยงบประมาณรวมกว่า 105 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่ร้านอาหารในเครือ คือ ร้านเมล์ทมี เดิมมี 9 สาขา จะเพิ่มอีก 5 สาขา ทั้งคีออสและชอป, ร้านราเมนแชมเปี้ยน เดิมมี 1 สาขา ที่อารีน่าเทนทองหล่อ จะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขา ที่ยูดีทาวน์อุดรธานีและชลบุรี, ร้านโทคิยะ มี 1 สาขาที่สยามดิสคัฟเวอรี่ จะเปิดอีก 2 สาขา ยังไม่สรุปสถานที่เช่น ซีคอนสแควร์ศรีครินทร์และบางแค กับพาราไดซ์พาร์ค และร้านอิชิตัน อิซากายะ บุฟเฟ่ต์ เดิมมี 2 สาขาที่ทองหล่อกับลพบุรี จะเปิดอีก 2 สาขา แต่ยังไม่สรุปสถานที่เช่น ซีคอนสแควร์ศรีนครินทร์กับบางแค
ขณะที่ธุรกิจเครื่องดื่มมี 2 แบรนด์คือ อิชิตันกับดั๊บเบิ้ลดริงค์ คาดว่าภายในเดือนเมษายนจะเดินเครื่องผลิตได้ หลังจากที่ต้องทุ่มงบลงทุนใหม่ 2,000 ล้านบาทในการซื้อเครื่องจักรและปรับปรุงโรงงาน หลังจากประสบปัญหาน้ำท่วมใหญ่ปลายปีที่ผ่านมา จนโรงงานเสียหายหมดทั้งๆที่ใกล้จะเดินเครื่องผลิตแล้ว ปัจจุบันต้องว่าจ้างบริษัทอื่น 2 รายผลิตให้ มีกำลังผลิตเพียง 500,000 ลังต่อเดือนเท่านั้น
ล่าสุดบริษัทฯได้แต่งตั้ง บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ในกลุ่มสิงห์ ให้เป็นผู้จัดจำหน่ายในช่องทาง เทรดดิชันนัลเทรด จากเดิมที่ บริษัทฯมีการจัดจำหน่ายเองในช่องทางอีเวนต์ ส่วนบริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด จัดจำหน่ายช่องทางโมเดิร์นเทรดและเทรดดิชันนัลเทรด ซึ่งเป็นไปตามสัญญาที่ทำไว้กับทุกรายอยู่แล้วว่า บริษัทฯจะมีผู้จัดจำหน่าย 3 ราย
“ผมว่าการแข่งขันเป็นเรื่องดี และเป็นความตั้งใจของผมอยู่แล้วที่จะมีผู้จัดจำหน่ายหลายราย ซึ่งสิงห์แข็งแกร่งด้านนยี่ปั๊วที่เป็นเอเย่นต์สุรา เข้าชิ่องทางโรงแรมได้ด้วย ส่วนดีทแฮล์มแข็งแกร่งด้านยี่ปั๊วร้านค้าทั่วไป ซึ่งการที่เราต้องมาจ้างสิงห์นั้นเพราะเราถูกบล็อกจากคู่แข่ง ผมจึงต้องทำและที่เลือกสิงห์ก็ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะมาชน แต่เพราะในตลาดแอลอกอฮอล์มันก็มีเพียง 2 รายใหญ่เท่านั้นที่มีช่องทางที่แข็งแก่รง ซึ่งเหลือสิงห์ผมก็ต้องเลือกสิงห์”
นายตันกล่าวว่า ตลาดชาเขียวปีนี้คาดว่าจะเติบโตอีก 30% จากปีที่แล้วเติบโต 21% เป็นที่สองรองจากตลาดน้ำดื่ม ซึ่งหากพิจารณาจากกำลังการผลิตของรายใหญ่รวมกันแล้วมีมากถึงมูลค่า 20,000 ล้านบาท บาทต่อปี และในตลาดจะมีเพียง 3-4 แบรนด์ใหญ่เท่านั้นที่อยู่ได้ การเข้ามาของรายใหม่ที่เล็กก็จะลำบาก
สำหรับอิชิตันกรุ๊ป ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 2,500 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ 1,300 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมยาที่ตั้งไว้ที่ 1,500 ล้านบาท เพราะเกิดเหตุน้ำท่วม 2 เดือนท้ายปี 2554 ส่วนงบตลาดตั้งไว้ที่ 250 ล้านบาท