พ่อแม่เหยื่อกระสุนจนท.อุทยานฯ ลั่นดำเนินคดีถึงที่สุด

กาญจนบุรี - ตำรวจสังขละบุรีตั้งข้อหา 2 พนักงานพิทักษ์ป่าฯ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม หลังก่อเหตุยิงเด็กอายุ 16 ปี ขณะล่องเรือจับปลา ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ก่อนปล่อยตัวไป ด้านพ่อ-แม่เหยื่อคมกระสุนเตรียมฟ้องดำเนินคดีถึงที่สุด จวก จนท.ทำเกินกว่าเหตุ ระบุแค่ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ก็น่าจะพอแล้ว

ความคืบหน้ากรณีชาวบ้านจากบ้านใหม่พัฒนา หมู่ 7 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี และทหารพราน รวมกว่า 100 นาย ปิดถนนสายบ้านใหม่-เวียคะดี้ เพื่อจับกุบตัวเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม หลังเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่นายศราวุธ สังขโสภา อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 165 หมู่ 7 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กระสุนเข้าที่บริเวณโคนขาด้านขวาทะลุสะโพกได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา

หลังเกิดเหตุนายพรชัย ไทรสังขกุลพร อายุ 33 ปี และนายบุญชอบ ไชยสุนทร อายุ 41 ปี ทั้ง 2 เป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ป่าประจำอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เดินทางมามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี พร้อมนำอาวุธปืนเอชเค และอาวุธปืนลูกซองยาว 5 นัด ซึ่งเป็นอาวุธต้องสงสัยที่ใช้ก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายได้ให้การยอมรับสารภาพต่อพนักงานสอบสวนว่าเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายศราวุธ สังขโสภา จริง

ล่าสุดวานนี้ (17 ม.ค.) พ.ต.อ.จิตร วิจิตรจินดา ผกก.สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า พนักงานพิทักษ์ป่าประจำอุทยานแห่งชาติเขาแหลมทั้ง 2 นาย ได้เดินทางมามอบตัวเมื่อวันที่ 16 ม.ค.โดยทั้งสองได้นำอาวุธปืนมามอบให้พนักงานสอบสวนด้วย ซึ่งอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกเจ้าหน้าที่ได้ส่งไปที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจสอบหาเขม่าดินไป และชนิดของหัวกระสุน เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับกระสุนปืนที่ยิงนายศราวุธ สังขโสภา คาดว่าอีกไม่นานก็จะทราบว่าอาวุธปืนชนิดใดที่ใช้ก่อเหตุ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาต่อนายพรชัย และนายบุญชอบ สองพนักงานพิทักษ์ป่าประจำอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แต่ทั้งเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายได้เดินทางมามอบตัวด้วยตนเองพร้อมนำอาวุธปืนมามอบให้พนักงานสอบสวนจึงพิจารณาปล่อยตัวไปชั่วคราว

ด้าน นายพรศรี สังขโสภา อายุ 43 ปี และนางโพยารี สังขโสภา อายุ 41 ปี พ่อและแม่ของนาย ศราวุธ ผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า ลูกชายของตนเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.1 ของ กศน.บ้านห้วยมาลัย ครอบครัวของตนมีอาชีพทำนา เมื่อหมดหน้านาก็ไม่มีงานอะไรทำจึงหารายได้ด้วยการรับจ้างทั่วไป โดยที่บ้านมีควายอยู่ 6 ตัว ซึ่งลูกชายของตนได้ออกไปจับปลาอยู่เป็นประจำเพื่อนำมาเป็นอาหารเท่านั้น

“เจ้าหน้าที่อุทยานฯที่ก่อเหตุไม่น่าทำกันรุนแรงถึงขนาดนี้ หากจะยิงปืนก็น่าจะยิงขึ้นฟ้าเพื่อเป็นการขู่เท่านั้นก็พอแล้ว และหลังจากเกิดเหตุยังไม่มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯคนใดเข้ามาพูดคุยแต่อย่างใด ซึ่งตนและครอบครัวได้ตกลงกันว่าจะฟ้องดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ที่ก่อเหตุอย่างถึงที่สุด”