ASTVผู้จัดการรายวัน ซีพี-เมจิ บุกหนักตลาดต่างประเทศ พร้อมส่งนมสดพาสเจอร์ไรส์ลุยฮ่องกง หลังประสบความสำเร็จในกลุ่มโยเกิร์ต มั่นใจรายได้ส่งออกเพิ่มเป็น 30%ใน4ปี ส่วนไทยปีนี้ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาททำตลาดต่อเนื่อง หลังรายได้ปี54โตกว่า20% จากอานิสงส์น้ำท่วมหนุน
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมสดพาสเจอร์ไรส์ แบรนด์ เมจิ เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเข้าไปทำตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะฮ่องกงมาได้ระยะหนึ่ง กับตัวผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต พบว่าได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องผู้บริโภคให้การยอมรับแบรด์เมจิ ว่าเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีคุณภาพ ดังนั้นภายในไตรมาสแรกปีนี้
บริษัทพร้อมรุกกลุ่มนมสดพาสเจอร์ไรส์ไปยังฮ่องกงต่อไป เนื่องจากพบว่า การบริโภคนมต่อคนสูงถึง 40ลิตรต่อปี เมื่อเทียบกับไทยที่บริโภคเพียง14ลิตรเท่านั้น อีกทั้งการแข่งขันยังมีน้อยอยู่ คู่แข่งมีเพียง4ราย โดยจะจัดจำหน่ายภายใต้ ซีพีเอฟ
นอกจากฮ่องกงแล้ว ยังมองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปทำตลาดในประเทศลาว กัมพูชา และมาเลเซียด้วยในอนาคต ซึ่งทางบริษัทได้มีการเตรียมเปิดโรงงานแห่งใหม่ที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีในไตรมาสแรกของปี 56 เพื่อรองรับการบุกตลาดต่างประเทศ มั่นใจว่าจากเดิมสัดส่วนรายได้ของซีพีเมจิในต่างประเทศมีประมาณ 20% คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 30%ได้ภายในอีก 4 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ยังมีแผนการเปิดศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มอีก 3จุดในกรุงเทพฯ ภาคใต้และภาคเหนือ เพื่อเพิ่มประสิทธิ์ภาพในการจัดส่งสินค้าหากเกิดปัญหาน้ำท่วมในอนาคต
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับรายได้ในประเทศของปี 2554 พบว่ามีอัตราการเติบโตขึ้นกว่า 20% ส่วนสำคัญมาจากช่วงน้ำท่วม ทำให้ยอดขายเติบโตมาก จากปัจจุบันตลาดนมสดพาสเจอร์ไรส์มีมูลค่ารวมกว่า 4,300 ล้าบาท โดยซีพี-เมจิครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ1สัดส่วนกว่า52% ขณะที่ในปีนี้บริษัทพร้อมใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาท สำหรับการตลาดเป็นหลัก และพัฒนาระบบไอทีประมาณ 20 ล้านบาท
รวมถึงแผนสนับสนุนกิจกรรมการศึกษาสำหรับเด็ก และด้านการกีฬาเพื่อสร้างแบรนด์เมจิกับกลุ่มเด็กๆ ในระยะยาว
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมสดพาสเจอร์ไรส์ แบรนด์ เมจิ เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเข้าไปทำตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะฮ่องกงมาได้ระยะหนึ่ง กับตัวผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต พบว่าได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องผู้บริโภคให้การยอมรับแบรด์เมจิ ว่าเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีคุณภาพ ดังนั้นภายในไตรมาสแรกปีนี้
บริษัทพร้อมรุกกลุ่มนมสดพาสเจอร์ไรส์ไปยังฮ่องกงต่อไป เนื่องจากพบว่า การบริโภคนมต่อคนสูงถึง 40ลิตรต่อปี เมื่อเทียบกับไทยที่บริโภคเพียง14ลิตรเท่านั้น อีกทั้งการแข่งขันยังมีน้อยอยู่ คู่แข่งมีเพียง4ราย โดยจะจัดจำหน่ายภายใต้ ซีพีเอฟ
นอกจากฮ่องกงแล้ว ยังมองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปทำตลาดในประเทศลาว กัมพูชา และมาเลเซียด้วยในอนาคต ซึ่งทางบริษัทได้มีการเตรียมเปิดโรงงานแห่งใหม่ที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรีในไตรมาสแรกของปี 56 เพื่อรองรับการบุกตลาดต่างประเทศ มั่นใจว่าจากเดิมสัดส่วนรายได้ของซีพีเมจิในต่างประเทศมีประมาณ 20% คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 30%ได้ภายในอีก 4 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ยังมีแผนการเปิดศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มอีก 3จุดในกรุงเทพฯ ภาคใต้และภาคเหนือ เพื่อเพิ่มประสิทธิ์ภาพในการจัดส่งสินค้าหากเกิดปัญหาน้ำท่วมในอนาคต
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับรายได้ในประเทศของปี 2554 พบว่ามีอัตราการเติบโตขึ้นกว่า 20% ส่วนสำคัญมาจากช่วงน้ำท่วม ทำให้ยอดขายเติบโตมาก จากปัจจุบันตลาดนมสดพาสเจอร์ไรส์มีมูลค่ารวมกว่า 4,300 ล้าบาท โดยซีพี-เมจิครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ1สัดส่วนกว่า52% ขณะที่ในปีนี้บริษัทพร้อมใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาท สำหรับการตลาดเป็นหลัก และพัฒนาระบบไอทีประมาณ 20 ล้านบาท
รวมถึงแผนสนับสนุนกิจกรรมการศึกษาสำหรับเด็ก และด้านการกีฬาเพื่อสร้างแบรนด์เมจิกับกลุ่มเด็กๆ ในระยะยาว