บิสซิเนสวีค - ฟอร์ด มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯ เผย อุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทย ทำให้บริษัทย่อยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และแอฟริกา ขาดทุนในปี 2011 และยังทำให้ธุรกิจในเครือของฟอร์ดทั่วโลกไม่สามารถทำกำไรได้ตามเป้าด้วย
“ผลกระทบของน้ำท่วมไทยใหญ่กว่าที่เราคาดการณ์ไว้” ลูอิส บูธ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารทางการเงินของฟอร์ด กล่าวต่อที่ประชุมนักวิเคราะห์ในงานแสดงรถยนต์ที่เมืองดีทรอยต์ โดยว่า “เราเคยวางแนวทางของไตรมาสที่ 3 ไว้ว่า ธุรกิจในเครือทั้งหมดจะทำกำไรได้ตลอดปี แต่ตอนนี้ เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมในไทย”
ด้าน อลัน มัลอัลลี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงกล่าวว่า ยอดขายทั่วโลกของฟอร์ดจะเพิ่มขึ้น 50% เป็น 8 ล้านคันภายในปี 2015 และ 1 ใน 3 ของยอดขายจะอยู่ในตลาดเอเชียภายในปี 2020 แม้ปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของสหรัฐฯ แห่งนี้มีส่วนแบ่งตลาดในตลาดรถยนต์ในจีนไม่ถึง 3% ก็ตาม
“นี่แสดงให้เห็นว่า ฟอร์ดได้เชื่อมโยงไปทั่วโลก ไม่ใช่เพียงแค่บริษัทในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และยุโรป อีกต่อไป” ไมเคิล โรบิเนต นักวิเคราะห์ของบริษัทที่ปรึกษาด้านยานยนต์ ไอเอชเอส ออโตโมทิฟ ในมิชิแกน กล่าว โดยยังชี้ว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมในไทยจะคงอยู่ไม่นานนัก และฟอร์ดจะผ่านพ้นไปได้
ยิ่งไปกว่านั้น มัลอัลลี ยังระบุว่า แม้ฟอร์ดได้รับผลกระทบจากวิกฤตอุทกภัยในไทย แต่บริษัทยังคงมีกำไรแข็งแกร่งในไตรมาส 4 โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเป็นตัวเลขเจาะจงแต่อย่างใด
สำหรับแผนการตลาดของฟอร์ดในเอเชียนั้น โจ ฮินริกส์ หัวหน้างานในภูมิภาค ระบุว่า บริษัทกำลังสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ 7 แห่ง รวมทั้งรถ และเครื่องยนต์ใหม่อีก 50 รุ่น เข้าสู่ตลาดเอเชียภายในปี 2015 ขณะที่ยอดขายในจีนเพิ่มขึ้น 7% ในปีที่แล้ว โดยจะเปิดโรงงาน 2 แห่งในแดนมังกรภายในปี 2013 และนำเข้ารถสปอร์ตยูทิลิตีใหม่ 2 รุ่นในปีนี้ด้วย