ผู้จัดการรายวัน – เนสท์เล่พร้อมลุยอินโดไชน่าต่อเนื่อง หลังพบโอกาสตลาดกาแฟในกลุ่มเอสเอ็มอีมีขนาดเล็กอยู่ พร้อมรับเออีซี ส่วนไทยยังให้ความสำคัญกับ 5 ช่องทางขาย
นายแฮรอล เรส ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล อินโดไชน่า เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจเนส์เล่ โพรเฟชชันนัล ดูแลในส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม คือ เนสกาแฟ, เนสทรี รวมถึงกลุ่มอาหารอย่าง ซอสแม็กกี้ และนมข้นจืด และนมข้นหวาน เนชั่น โดยแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ทางบริษัทยังให้ความสำคัญกับธุรกิจเอาท์ออฟโฮม กับกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ โดยมุ่งเน้นใน 5
ช่องทางขายหลัก คือ คีออส, โรงแรม, คาเฟ่ เบเกอร์รี่, สถานศึกษา และโรงงาน จากปัจจุบันที่มีคู่ค่าเข้าร่วมกว่า 10,000 รายทั่วประเทศ
ล่าสุด ได้จัดงานแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ NESCAFE ICE COOL SME Challenge 2011 ปี2 ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ส่งเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ จัดการแข่งขัน “ท้าประลองธุรกิจสุด COOL กับเนสกาแฟ ไอซ์” ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุขึ้น
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในระดับภูมิภาคอินโดไชน่านั้น ปีนี้เตรียมงบลงทุนในการขยายธุรกิจไว้มากกว่าปีก่อน ใน 3 ประเทศ คือ พม่า เวียดนาม และกัมพูชา ทั้งในด้านบุคลากร การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการผลิต เพื่อขยายเพิ่มช่องทางการขายให้มีมากยิ่งขึ้น หลังจากที่พบว่าทั้ง 3 ประเทศนี้มีการบริโภคกาแฟน้อยอยู่ และมีแนวโน้มเติบโตสูงสำคัญเพื่อเป็นการปูตลาดรับกับเออีซีที่จะเกิดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าด้วย
นายแฮรอล เรส ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจเนสท์เล่ โพรเฟชชันนัล อินโดไชน่า เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจเนส์เล่ โพรเฟชชันนัล ดูแลในส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม คือ เนสกาแฟ, เนสทรี รวมถึงกลุ่มอาหารอย่าง ซอสแม็กกี้ และนมข้นจืด และนมข้นหวาน เนชั่น โดยแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ทางบริษัทยังให้ความสำคัญกับธุรกิจเอาท์ออฟโฮม กับกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ โดยมุ่งเน้นใน 5
ช่องทางขายหลัก คือ คีออส, โรงแรม, คาเฟ่ เบเกอร์รี่, สถานศึกษา และโรงงาน จากปัจจุบันที่มีคู่ค่าเข้าร่วมกว่า 10,000 รายทั่วประเทศ
ล่าสุด ได้จัดงานแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ NESCAFE ICE COOL SME Challenge 2011 ปี2 ร่วมกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ส่งเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ จัดการแข่งขัน “ท้าประลองธุรกิจสุด COOL กับเนสกาแฟ ไอซ์” ชิงถ้วยพระราชทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุขึ้น
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในระดับภูมิภาคอินโดไชน่านั้น ปีนี้เตรียมงบลงทุนในการขยายธุรกิจไว้มากกว่าปีก่อน ใน 3 ประเทศ คือ พม่า เวียดนาม และกัมพูชา ทั้งในด้านบุคลากร การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการผลิต เพื่อขยายเพิ่มช่องทางการขายให้มีมากยิ่งขึ้น หลังจากที่พบว่าทั้ง 3 ประเทศนี้มีการบริโภคกาแฟน้อยอยู่ และมีแนวโน้มเติบโตสูงสำคัญเพื่อเป็นการปูตลาดรับกับเออีซีที่จะเกิดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าด้วย