ASTVผู้จัดการรายวัน - “ซีอีโอ เนสท์เล่ เวิลด์ไวด์” เยือนไทย แจงแผนขยายธุรกิจ เผยเตรียมลงทุน 3.5 พันล้านบาทในไทยในอีก 2 ปีข้างหน้า
นายพอล บุลเก้ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เนสท์เล่ เอส.เอ. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ ณ เมืองเวเว่ย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ธุรกิจของเนสท์เล่ในประเทศไทยกำลังขยายตัวอย่างน่าพอใจ มีการเติบโตมากกว่า 10% ในปี 2553 อันเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อแบรนด์และคุณภาพในผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์ของเราจากฐานการผลิตในประเทศไทยไปยังตลาดประเทศ ทั้งในแถบเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ รวมกว่า 44 ประเทศ
“โรงงานของเนสท์เล่ในเมืองไทย รักษาระดับการส่งออกไว้ได้ในระดับที่สูงมาก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4.4 พันล้านบาทในปี 2553”
นายพอลกล่าวในโอกาสเดินทางมาเยือนกรุงเทพฯ เป็นเวลา 2 วัน เพื่อร่วมการประชุมทบทวนผลการดำเนินธุรกิจระดับภูมิภาคร่วมกับผู้บริหารของเนสท์เล่รวมกว่า 180 คน ในการนี้ยังได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่ามหาศาลในประเทศไทยในอีก 2 ปีอีกด้วย
จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเราจากธุรกิจในประเทศและธุรกิจส่งออกเนสท์เล่จึงมีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่องในไทยกว่า 3.5 พันล้านบาทในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยจะมุ่งเน้นไปที่การขยายโรงงานผลิตเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์กาแฟและไอศกรีม รวมถึงการจัดตั้งห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้เป็นศูนย์ควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์เนสท์เล่
ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อกลยุทธ์ของเนสท์เล่ ทั้งระดับโลกและระดับเอเซีย เนื่องด้วยประเทศไทยดูแลธุรกิจของเนสท์เล่ในภูมิภาคด้วย
ในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะรับซื้อกาแฟโดยตรงจากเกษตรกรชาวกาแฟไทยกว่า 12,500 ราย ในพื้นที่ปลูกกาแฟหลักของไทย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปลูกกาแฟในเมืองไทยขายผลผลิตได้ในราคาที่ดี สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและความช่วยเหลือทางวิชาการอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นเรายังจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายประมาณครึ่งหนึ่งของเกษตรกรในการซื้อต้นกล้าพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง ซึ่งเนสท์เล่จะเพิ่มการกระจายกล้าพันธุ์กาแฟเป็นประมาณ 6,000,000 ต้น ภายในระยะเวลา 5 ปี
นายพอล บุลเก้ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เนสท์เล่ เอส.เอ. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ ณ เมืองเวเว่ย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ธุรกิจของเนสท์เล่ในประเทศไทยกำลังขยายตัวอย่างน่าพอใจ มีการเติบโตมากกว่า 10% ในปี 2553 อันเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคชาวไทยที่มีต่อแบรนด์และคุณภาพในผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึงการส่งออกผลิตภัณฑ์ของเราจากฐานการผลิตในประเทศไทยไปยังตลาดประเทศ ทั้งในแถบเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ รวมกว่า 44 ประเทศ
“โรงงานของเนสท์เล่ในเมืองไทย รักษาระดับการส่งออกไว้ได้ในระดับที่สูงมาก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4.4 พันล้านบาทในปี 2553”
นายพอลกล่าวในโอกาสเดินทางมาเยือนกรุงเทพฯ เป็นเวลา 2 วัน เพื่อร่วมการประชุมทบทวนผลการดำเนินธุรกิจระดับภูมิภาคร่วมกับผู้บริหารของเนสท์เล่รวมกว่า 180 คน ในการนี้ยังได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่ามหาศาลในประเทศไทยในอีก 2 ปีอีกด้วย
จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเราจากธุรกิจในประเทศและธุรกิจส่งออกเนสท์เล่จึงมีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่องในไทยกว่า 3.5 พันล้านบาทในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยจะมุ่งเน้นไปที่การขยายโรงงานผลิตเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์กาแฟและไอศกรีม รวมถึงการจัดตั้งห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้เป็นศูนย์ควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์เนสท์เล่
ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อกลยุทธ์ของเนสท์เล่ ทั้งระดับโลกและระดับเอเซีย เนื่องด้วยประเทศไทยดูแลธุรกิจของเนสท์เล่ในภูมิภาคด้วย
ในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะรับซื้อกาแฟโดยตรงจากเกษตรกรชาวกาแฟไทยกว่า 12,500 ราย ในพื้นที่ปลูกกาแฟหลักของไทย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปลูกกาแฟในเมืองไทยขายผลผลิตได้ในราคาที่ดี สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและความช่วยเหลือทางวิชาการอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นเรายังจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายประมาณครึ่งหนึ่งของเกษตรกรในการซื้อต้นกล้าพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูง ซึ่งเนสท์เล่จะเพิ่มการกระจายกล้าพันธุ์กาแฟเป็นประมาณ 6,000,000 ต้น ภายในระยะเวลา 5 ปี