ASTVผู้จัดการรายวัน-ปูนบำเหน็จเลื่อน 4 ชั้นยศให้ “ร.ต.อ.”ล่อซื้อยาถูกคนร้ายขับรถพุ่งชนเสียชีวิตขึ้นเป็น“พล.ต.ต.”มอบเงินช่วยเหลือญาติ 2 แสนบาท ยกเป็นอุทาหรณ์เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นตร.คุมตัวคนร้ายพร้อมแฟนสาวทำแผนจุดเกิดเหตุ ผู้ต้องหาฝากขอโทษและขออโหสิกรรม
วานนี้(12 ม.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้ากรณี ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ดาวเรือง รอง สว.สส.สน.สุทธิสาร ถูกคนร้ายขับรถพุ่งชนจนเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ล่อซื้อยาเสพติด ภายในซอยลาดพร้าว 48 เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมาว่าจะมีพิธีรดน้ำศพที่วัดตรีทศเทพ โดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.เดินทางมาเป็นประธาน และมีการพิจารณาปูนบำเหน็จเลื่อน 4 ชั้นยศให้ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ โดยจะได้เลื่อนยศเป็น พล.ต.ต. และยังมีเงินสวัสดิการช่วยเหลืออีกประมาณ 2.5 แสนบาท แต่เนื่องจาก ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว ซึ่งตนได้ติดต่อประสานไปทางพ่อแม่และน้องของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์แล้ว
พล.ต.ท.วินัย กล่าวอีกว่า จากการสอบถามผู้บังคับบัญชาและเพื่อนของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ทราบว่าเป็นตำรวจที่ตั้งใจทำงาน และอยากทำงานด้านสืบสวน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นซอยแคบและไม่มีใครคิดว่าผู้ต้องหาจะขับรถชน ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ต้องหารู้ว่ามีตำรวจติดอยู่ใต้ท้องรถแต่เจตนาที่จะเหยียบซ้ำ ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ที่จะต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นในเวลาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่มีความระมัดระวังและรอบคอบอยู่ตลอด เพราะงานของตำรวจเป็นงานที่เสี่ยงภัย สำหรับนายอลงกรณ์ เริ่มประชาธิปไตย ผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาต่อสู้ขัดขวาง ฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ และมียาเสพติดไว้ในครอบครอง
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 นำตัวนายอลงกรณ์ พร้อมแฟนสาว น.ส.ปรียานุช พุฒิกรณ์ 2 ผู้ต้องหาออกจากห้องคุมขัง สน.สุทธิสาร เพื่อไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ
จุดแรกเป็นบริเวณปากซอยลาดพร้าว 48 แยก 7 ที่นายอลงกรณ์ ขับรถยนต์มาสด้า 2 สีดำ ทะเบียน ฎฟ 7874 กรุงเทพมหานคร เข้ามาโดยมี น.ส.ปรียานุช นั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับเพื่อนำยาบ้าจำนวน 200 เม็ดไปหย่อนทิ้งให้ลูกค้าภายในซอย จุดที่ 2 อยู่ภายในซอยแยก 5-3 ห่างจากปากซอยเข้ามาประมาณ 50 เมตร เป็นจุดที่คนร้ายสารภาพว่านำยาบ้ามาส่ง โดยใส่กล่องน้ำผลไม้โยนทิ้งไว้ข้างทางที่เป็นจุดนัดส่งยาบริเวณที่เป็นแท่งปูนสีแดง จากนั้นคนร้ายได้ขับรถไปยังลาดพร้าว 48 แยก 3 ซึ่งเป็นจุดที่ 3 ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายจะขับรถออกไปแต่ระหว่างนั้นคนร้ายพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถมาจอดขวางทางออกไว้ รวมทั้งแยกด้านซ้ายและขวาเป็นทางตันจึงกลับรถเพื่อจะขับหลบหนีออกไปยังทางเดิมที่เข้ามา
จุดที่ 4 เป็นจุดที่คนร้ายขับรถชน ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ซึ่ง ส.ต.ต.ศิรวิทย์ รวมจิต เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามคนร้าย โดยมี ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ซ้อนท้ายมาขวางรถคนร้ายเพื่อไม่ให้หลบหนี แต่คนร้ายได้ตัดสินใจขับรถพุ่งชนจนจักรยานยนต์ของตำรวจจนล้มลง ทำให้ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ กระเด็นร่วงตกจากรถไปอยู่กลางถนนแล้วลากร่างของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ไปไกลประมาณ 15 เมตร ก่อนหลบหนีไป โดยจุดที่ 5 ซอยลาดพร้าว 48 แยก 5-1 เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถกระบะมาสกัดพุ่งชนรถของคนร้าย จนสามารถติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ กล่าวว่า อยากจะฝากไปถึงญาติของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ที่เสียชีวิตเพราะตนว่า ขอโทษขออโหสิกรรมด้วย ยินดีที่จะรับกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น ส่วนตอนที่ชน ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ และทับซ้ำนั้นตนไม่ทราบจริงๆ ตนคิดว่าขับลากรถจักรยานยนต์ไป เมื่อมาเห็นศพของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ก็รู้สึกตกใจ และตั้งสติไม่อยู่ ส่วนยานั้นรับมาจากเพื่อนในเรือนจำคลองเปรมชื่อนายหมึก โดยรับออเดอร์ทางโทรศัพท์และนำของมาส่งตามที่สั่งโดยจำรับโอนเงินเข้าทางบัญชีหลังจากส่งของได้
พล.ต.ต.สำเริง กล่าวว่า คนร้ายรายนี้ได้รับติดต่อจากคนที่อยู่ในเรือนจำคลองเปรม โดยติดต่อทางโทรศัพท์ โดยรู้จักกับคนในเรือนจำมาก่อน ทั้งนี้คนร้ายได้สารภาพว่าทำมา 4 ครั้งแล้วโดยรับยาบ้าแต่ละครั้งประมาณ 200-400 เม็ดได้ค่าจ้างเม็ดละ 100 บาท ซึ่งกำลังขยายผลประสานข้อมูลไปยังเรือนจำเพื่อหาเครือข่ายค้ายารายนี้แล้ว โดยเบื้องต้นทราบข้อมูลชื่อเล่น และวิธีการติดต่อสื่อสาร ซึ่งจากการตรวจประวัติพบว่านายอลงกรณ์ เคยถูกจับอยู่ที่ สน.ห้วยขวาง ซึ่งอยู่ในระหว่างประกันตัว ส่วนการปูนบำเหน็จชั้นยศให้แก่ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณาให้เลื่อนตำแหน่งขึ้น 4 ชั้นยศ และปรับเงินเดือนอีก 5 ขั้นเป็น พล.ต.ต. โดยจะได้เงินชดเชยประมาณ 250,000 บาท สำหรับ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ จบด้านกฎหมาย และสอบเป็นพนักงานสืบสวน บรรจุอยู่ สน.สุทธิสาร ทำงานอยู่หน่วยจู่โจมได้ 1 ปี และผู้กำกับเห็นว่าสามารถลงภาคสนามได้ จึงมาช่วยงานพนักงานสอบสวนลงภาคสนามได้ 1 เดือน จนมาเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
เวลา 12.30 น.ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผกก.สน.สุทธิสาร พร้อมด้วยนายอภิสิทธิ์ ดาวเรือง อายุ 33 ปี และน.ส.จันทิมา บุญแดง อายุ 30 พี่ชายและแฟนสาวของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ดาวเรือง ได้เดินทางมารับศพ เพื่อนำประกอบพิธีกรรมทางศาสนาวัดตรีทศเทพ ก่อนนำศพย้ายกลับบ้านเกิดที่ วัดนางเหล้า ต.ชุมพล อ.สทิงพระ จ.สงขลา
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ทางครอบครัวได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซึ่งทางบ้านมีพี่น้อง 3 คน ตนเป็นคนกลาง ส่วน ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ เป็นน้องคนเล็ก ก่อนนี้น้องชายได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจปกติ ไม่ค่อยได้มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด ซึ่งน้องชายรักในการเป็นตำรวจมาก ได้โทรศัพท์พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงานให้ฟังและเคยบอกให้น้องชายระมัดระวังตัวในการทำงาน แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับผู้ตาย
น.ส.จันทิมา กล่าวว่า ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ เป็นคนขยันทำงาน รักงานด้านตำรวจมาก ตนมักจะเตือนผู้ตายเสมอว่าให้ระมัดระวังในการปฏิบัติงาน ปกติจะพูดคุยกันทุกวัน และเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในวันเกิดเหตุเมื่อช่วงเที่ยงได้โทรศัพท์ไปสอบถามว่ากินข้าวหรือยัง โดยไม่มีลางสังหรณ์อะไรเลย แต่ยังคงทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลชันสูตรพลิกศพระบุว่า บาดแผลที่ได้เกิดจากการถูกของแข็งกระทบกระแทกอย่างแรงทำลายอวัยวะภายในที่สำคัญ อีกทั้งยังมีร่องรอยที่ถูกรถชนทั้ง 2 ข้าง อย่างแรงจนกระทั้ง ซี่โครงยุบ ศีรษะไปกระแทกกับพื้นจนกระทั่งกะโหลกศีรษะแตกหลายเสี่ยง สมองช้ำ ฉีกขาด
วานนี้(12 ม.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้ากรณี ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ดาวเรือง รอง สว.สส.สน.สุทธิสาร ถูกคนร้ายขับรถพุ่งชนจนเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ล่อซื้อยาเสพติด ภายในซอยลาดพร้าว 48 เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมาว่าจะมีพิธีรดน้ำศพที่วัดตรีทศเทพ โดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.เดินทางมาเป็นประธาน และมีการพิจารณาปูนบำเหน็จเลื่อน 4 ชั้นยศให้ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ โดยจะได้เลื่อนยศเป็น พล.ต.ต. และยังมีเงินสวัสดิการช่วยเหลืออีกประมาณ 2.5 แสนบาท แต่เนื่องจาก ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ยังไม่ได้แต่งงานมีครอบครัว ซึ่งตนได้ติดต่อประสานไปทางพ่อแม่และน้องของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์แล้ว
พล.ต.ท.วินัย กล่าวอีกว่า จากการสอบถามผู้บังคับบัญชาและเพื่อนของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ทราบว่าเป็นตำรวจที่ตั้งใจทำงาน และอยากทำงานด้านสืบสวน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นซอยแคบและไม่มีใครคิดว่าผู้ต้องหาจะขับรถชน ซึ่งตนเชื่อว่าผู้ต้องหารู้ว่ามีตำรวจติดอยู่ใต้ท้องรถแต่เจตนาที่จะเหยียบซ้ำ ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ที่จะต้องระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นในเวลาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่มีความระมัดระวังและรอบคอบอยู่ตลอด เพราะงานของตำรวจเป็นงานที่เสี่ยงภัย สำหรับนายอลงกรณ์ เริ่มประชาธิปไตย ผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาต่อสู้ขัดขวาง ฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ และมียาเสพติดไว้ในครอบครอง
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 นำตัวนายอลงกรณ์ พร้อมแฟนสาว น.ส.ปรียานุช พุฒิกรณ์ 2 ผู้ต้องหาออกจากห้องคุมขัง สน.สุทธิสาร เพื่อไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ
จุดแรกเป็นบริเวณปากซอยลาดพร้าว 48 แยก 7 ที่นายอลงกรณ์ ขับรถยนต์มาสด้า 2 สีดำ ทะเบียน ฎฟ 7874 กรุงเทพมหานคร เข้ามาโดยมี น.ส.ปรียานุช นั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับเพื่อนำยาบ้าจำนวน 200 เม็ดไปหย่อนทิ้งให้ลูกค้าภายในซอย จุดที่ 2 อยู่ภายในซอยแยก 5-3 ห่างจากปากซอยเข้ามาประมาณ 50 เมตร เป็นจุดที่คนร้ายสารภาพว่านำยาบ้ามาส่ง โดยใส่กล่องน้ำผลไม้โยนทิ้งไว้ข้างทางที่เป็นจุดนัดส่งยาบริเวณที่เป็นแท่งปูนสีแดง จากนั้นคนร้ายได้ขับรถไปยังลาดพร้าว 48 แยก 3 ซึ่งเป็นจุดที่ 3 ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายจะขับรถออกไปแต่ระหว่างนั้นคนร้ายพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถมาจอดขวางทางออกไว้ รวมทั้งแยกด้านซ้ายและขวาเป็นทางตันจึงกลับรถเพื่อจะขับหลบหนีออกไปยังทางเดิมที่เข้ามา
จุดที่ 4 เป็นจุดที่คนร้ายขับรถชน ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ซึ่ง ส.ต.ต.ศิรวิทย์ รวมจิต เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ติดตามคนร้าย โดยมี ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ซ้อนท้ายมาขวางรถคนร้ายเพื่อไม่ให้หลบหนี แต่คนร้ายได้ตัดสินใจขับรถพุ่งชนจนจักรยานยนต์ของตำรวจจนล้มลง ทำให้ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ กระเด็นร่วงตกจากรถไปอยู่กลางถนนแล้วลากร่างของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ไปไกลประมาณ 15 เมตร ก่อนหลบหนีไป โดยจุดที่ 5 ซอยลาดพร้าว 48 แยก 5-1 เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถกระบะมาสกัดพุ่งชนรถของคนร้าย จนสามารถติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ กล่าวว่า อยากจะฝากไปถึงญาติของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ที่เสียชีวิตเพราะตนว่า ขอโทษขออโหสิกรรมด้วย ยินดีที่จะรับกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น ส่วนตอนที่ชน ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ และทับซ้ำนั้นตนไม่ทราบจริงๆ ตนคิดว่าขับลากรถจักรยานยนต์ไป เมื่อมาเห็นศพของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ก็รู้สึกตกใจ และตั้งสติไม่อยู่ ส่วนยานั้นรับมาจากเพื่อนในเรือนจำคลองเปรมชื่อนายหมึก โดยรับออเดอร์ทางโทรศัพท์และนำของมาส่งตามที่สั่งโดยจำรับโอนเงินเข้าทางบัญชีหลังจากส่งของได้
พล.ต.ต.สำเริง กล่าวว่า คนร้ายรายนี้ได้รับติดต่อจากคนที่อยู่ในเรือนจำคลองเปรม โดยติดต่อทางโทรศัพท์ โดยรู้จักกับคนในเรือนจำมาก่อน ทั้งนี้คนร้ายได้สารภาพว่าทำมา 4 ครั้งแล้วโดยรับยาบ้าแต่ละครั้งประมาณ 200-400 เม็ดได้ค่าจ้างเม็ดละ 100 บาท ซึ่งกำลังขยายผลประสานข้อมูลไปยังเรือนจำเพื่อหาเครือข่ายค้ายารายนี้แล้ว โดยเบื้องต้นทราบข้อมูลชื่อเล่น และวิธีการติดต่อสื่อสาร ซึ่งจากการตรวจประวัติพบว่านายอลงกรณ์ เคยถูกจับอยู่ที่ สน.ห้วยขวาง ซึ่งอยู่ในระหว่างประกันตัว ส่วนการปูนบำเหน็จชั้นยศให้แก่ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้พิจารณาให้เลื่อนตำแหน่งขึ้น 4 ชั้นยศ และปรับเงินเดือนอีก 5 ขั้นเป็น พล.ต.ต. โดยจะได้เงินชดเชยประมาณ 250,000 บาท สำหรับ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ จบด้านกฎหมาย และสอบเป็นพนักงานสืบสวน บรรจุอยู่ สน.สุทธิสาร ทำงานอยู่หน่วยจู่โจมได้ 1 ปี และผู้กำกับเห็นว่าสามารถลงภาคสนามได้ จึงมาช่วยงานพนักงานสอบสวนลงภาคสนามได้ 1 เดือน จนมาเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
เวลา 12.30 น.ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผกก.สน.สุทธิสาร พร้อมด้วยนายอภิสิทธิ์ ดาวเรือง อายุ 33 ปี และน.ส.จันทิมา บุญแดง อายุ 30 พี่ชายและแฟนสาวของ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ดาวเรือง ได้เดินทางมารับศพ เพื่อนำประกอบพิธีกรรมทางศาสนาวัดตรีทศเทพ ก่อนนำศพย้ายกลับบ้านเกิดที่ วัดนางเหล้า ต.ชุมพล อ.สทิงพระ จ.สงขลา
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ทางครอบครัวได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ซึ่งทางบ้านมีพี่น้อง 3 คน ตนเป็นคนกลาง ส่วน ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ เป็นน้องคนเล็ก ก่อนนี้น้องชายได้ปฏิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจปกติ ไม่ค่อยได้มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด ซึ่งน้องชายรักในการเป็นตำรวจมาก ได้โทรศัพท์พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงานให้ฟังและเคยบอกให้น้องชายระมัดระวังตัวในการทำงาน แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับผู้ตาย
น.ส.จันทิมา กล่าวว่า ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ เป็นคนขยันทำงาน รักงานด้านตำรวจมาก ตนมักจะเตือนผู้ตายเสมอว่าให้ระมัดระวังในการปฏิบัติงาน ปกติจะพูดคุยกันทุกวัน และเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในวันเกิดเหตุเมื่อช่วงเที่ยงได้โทรศัพท์ไปสอบถามว่ากินข้าวหรือยัง โดยไม่มีลางสังหรณ์อะไรเลย แต่ยังคงทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลชันสูตรพลิกศพระบุว่า บาดแผลที่ได้เกิดจากการถูกของแข็งกระทบกระแทกอย่างแรงทำลายอวัยวะภายในที่สำคัญ อีกทั้งยังมีร่องรอยที่ถูกรถชนทั้ง 2 ข้าง อย่างแรงจนกระทั้ง ซี่โครงยุบ ศีรษะไปกระแทกกับพื้นจนกระทั่งกะโหลกศีรษะแตกหลายเสี่ยง สมองช้ำ ฉีกขาด