ASTVผู้จัดการรายวัน-“เป็ดเหลิม” เอาอะไรคิด เพ้อออกกฎหมายอย่ากล่าวอ้างจงรักภักดี สั่งฟันเว็บเสื้อแดงโชว์หลังถูก “ศิริโชค”กระทุ้ง ถามรัฐบาลทำอย่างไรเมื่อผู้ทำผิดคือหัวคะแนนเพื่อไทย
วานนี้ (12 ม.ค.55) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคมแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร์ ที่มีร.ท.ปรีชาพล พงษ์พาณิชย์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาความคืบหน้าการปราบปรามการเผยแพร่ข้อความหมิ่นสถาบันผ่านเทคโนโลยี โดยเชิญ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ.10) ในฐานะเลขานุการฯ และผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง
นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการที่ปรึกษา กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์พบว่า รัฐบาลมีการปิดเว็บไซต์เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งคลาดเคลื่อนจากที่รัฐบาลให้ข้อมูลไว้ในตอนแรกที่เคยระบุว่า สามารถปิดเว็บไซต์ได้ถึงประมาณ 60,000 URL ภายในระยะเวลา 3 เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศ อย่างไรก็ตามขอตั้งคำถามไปถึงรัฐบาลว่าในขั้นตอนต่างๆเกี่ยวกับการดำเนินการเอาผิดผู้โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบัน สามารถดำเนินการเร็วกว่านี้ได้หรือไม่ และสามารถครอบคลุมไปถึงผู้ที่กระทำผิดในต่างประเทศได้หรือไม่
นายศิริโชค กล่าวว่า นอกจากนี้ตนมีข้อมูลว่ามีเว็บไซต์หนึ่งชื่อว่า “หน่วยงานลับแดงใต้ดิน” ซึ่งเชื่อมโยงได้ว่าผู้ก่อตั้งและสมาชิกเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย กระทำการโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันอย่างโจ่งแจ้ง ดังนั้นจึงอยากถามร.ต.อ.เฉลิมว่าจะดำเนินการอย่างไรให้เป็นรูปธรรม เมื่อผู้กระทำความผิดกลายเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเสียเอง
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวชี้แจงว่า ประเด็นผู้กระทำความผิดกับความเห็นทางการเมือง เป็นประเด็นที่สืบหาหลักฐานได้ยากว่าผู้กระทำการฝักใฝ่การเมืองข้างใด พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ได้ลดขั้นตอนการดำเนินการเอาผิดแล้ว ตั้งแต่ขั้นตอนการรับแจ้งข้อมูลจนถึงการนำคำสั่งศาลแจ้งกับผู้ให้บริการ จากเดิมที่ต้องใช้เวลาประมาณ 10-20 วัน เหลือเพียง 2-4 วัน พร้อมกันนี้ยังมีรายงานคณะ
กรรมการที่ระบุว่ามีการจับกุมเอาผิดได้อย่างต่อเนื่อง และตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.54 มีคำสั่งบล็อกเว็บไซต์ไม่เหมาะสม 757 URL และมีคดีอยู่ระหว่างสอบสวน 1,453 คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังได้รับข้อมูลจากนายศิริโชคนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้สั่งการให้พล.ต.อ.วรพงษ์ ดำเนินการกับเว็บไซต์ดังกล่าวทันที และมีแนวคิดอยากให้แก้ไขหรือเพิ่มกฎหมายขึ้นมาใหม่เรื่องความจงรักภักดี โดยห้ามกล่าวหาบุคคลใดบุคคลหนึ่งว่า ไม่จงรักภักดี หรือบอกว่า ตัวเองจงรักภักดีมากกว่าคนอื่น หากใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 5 ปี
วานนี้ (12 ม.ค.55) เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการสื่อสารและโทรคมนาคมแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร์ ที่มีร.ท.ปรีชาพล พงษ์พาณิชย์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาความคืบหน้าการปราบปรามการเผยแพร่ข้อความหมิ่นสถาบันผ่านเทคโนโลยี โดยเชิญ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ.10) ในฐานะเลขานุการฯ และผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง
นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการที่ปรึกษา กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์พบว่า รัฐบาลมีการปิดเว็บไซต์เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งคลาดเคลื่อนจากที่รัฐบาลให้ข้อมูลไว้ในตอนแรกที่เคยระบุว่า สามารถปิดเว็บไซต์ได้ถึงประมาณ 60,000 URL ภายในระยะเวลา 3 เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศ อย่างไรก็ตามขอตั้งคำถามไปถึงรัฐบาลว่าในขั้นตอนต่างๆเกี่ยวกับการดำเนินการเอาผิดผู้โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบัน สามารถดำเนินการเร็วกว่านี้ได้หรือไม่ และสามารถครอบคลุมไปถึงผู้ที่กระทำผิดในต่างประเทศได้หรือไม่
นายศิริโชค กล่าวว่า นอกจากนี้ตนมีข้อมูลว่ามีเว็บไซต์หนึ่งชื่อว่า “หน่วยงานลับแดงใต้ดิน” ซึ่งเชื่อมโยงได้ว่าผู้ก่อตั้งและสมาชิกเป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย กระทำการโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันอย่างโจ่งแจ้ง ดังนั้นจึงอยากถามร.ต.อ.เฉลิมว่าจะดำเนินการอย่างไรให้เป็นรูปธรรม เมื่อผู้กระทำความผิดกลายเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเสียเอง
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวชี้แจงว่า ประเด็นผู้กระทำความผิดกับความเห็นทางการเมือง เป็นประเด็นที่สืบหาหลักฐานได้ยากว่าผู้กระทำการฝักใฝ่การเมืองข้างใด พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ได้ลดขั้นตอนการดำเนินการเอาผิดแล้ว ตั้งแต่ขั้นตอนการรับแจ้งข้อมูลจนถึงการนำคำสั่งศาลแจ้งกับผู้ให้บริการ จากเดิมที่ต้องใช้เวลาประมาณ 10-20 วัน เหลือเพียง 2-4 วัน พร้อมกันนี้ยังมีรายงานคณะ
กรรมการที่ระบุว่ามีการจับกุมเอาผิดได้อย่างต่อเนื่อง และตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.54 มีคำสั่งบล็อกเว็บไซต์ไม่เหมาะสม 757 URL และมีคดีอยู่ระหว่างสอบสวน 1,453 คดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังได้รับข้อมูลจากนายศิริโชคนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้สั่งการให้พล.ต.อ.วรพงษ์ ดำเนินการกับเว็บไซต์ดังกล่าวทันที และมีแนวคิดอยากให้แก้ไขหรือเพิ่มกฎหมายขึ้นมาใหม่เรื่องความจงรักภักดี โดยห้ามกล่าวหาบุคคลใดบุคคลหนึ่งว่า ไม่จงรักภักดี หรือบอกว่า ตัวเองจงรักภักดีมากกว่าคนอื่น หากใครฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 5 ปี