ASTVผู้จัดการรายวัน – ทัพเครื่องใช้ไฟฟ้า เชื่อมั่นศักยภาพประเทศไทย ตบเท้าร่วมงาน บีโอไอแฟร์ 2011 “ฮิตาชิ” วางไทยเป็นฮับด้านชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ พร้อมลุยรถไฟฟ้าระบบขนส่งมวลชน “ซัมซุง” อัดงบตลาดเพิ่มเท่าตัว เป็น 20% ของยอดขาย หวังกระตุ้นกำลังซื้อ “พานาโซนิค” มุ่งอีโคโปรดักส์ หวังเป็นผู้นำในปี 2018 มั่นใจรายได้แตะ 22,000 ล้านบาท โต 10% ตามเป้า
นายคาซูโอ คาราซาวา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ฮิตาชิได้เข้าร่วมจัดงานแสดงนวัตกรรมในงานบีโอไอแฟร์ 2011ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-20 ม.ค.นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยอาคารแสดงนิทรรศการของฮิตาชิ จะจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมเมืองให้ดียิ่ง
*** ฮิตาชิลุย3กลุ่มธุรกิจ
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทในกลุ่มฮิตาชิที่อยู่ในไทยมีกว่า 39 บริษัท พบว่าในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม 6โรงงานใน 4 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนโลหะ และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งในปีนี้บริษัทแม่จะเร่งมุ่งในเรื่องของการฟื้นฟูโรงงานเป็นหลัก พร้อมวางไทยเป็นฮับทางด้านการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก
ในแง่การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยนั้น จะมุ่งใน 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 1. ระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะในเรื่องของ รถไฟฟ้าโมโนเรล รถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่ทางฮิตาชิมีความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านนี้โดยเฉพาะ 2.เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น ตู้เย็น เครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น และ 3. ชิ้นส่วนยานยนต์ ให้กับแบรนด์รถยนต์ต่างๆ
เนื่องจากไทยเป็นฮับทางด้านการผลิตรถยนต์ในหลายๆแบรนด์ในปัจจุบัน
***ซัมซุงอัดงบตลาดเพิ่มเท่าตัว
นางสาวศศิธร กู้พัฒนากุล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ทางซัมซุงพร้อมใช้งบการตลาดรวมเพิ่มอีกราว 1 เท่าตัว จาก 10% เป็น 15-20% ของยอดขาย มุ่งเพิ่มงบการตลาดในส่วนของออนไลน์ แล้วแต่กลุ่มสินค้า และเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในภาวะที่ผู้บริโภคอาจจะยังไม่พร้อมใช้จ่ายทั้งที่มีกำลังซื้ออยู่ในมือซึ่งในภาพรวมมองว่าปีนี้กำลังซื้อยังดีอยู่ และในแง่การแข่งขันของตลาดเครื่องใช้ฟ้าก็ยังคงรุนแรงและมีความต้องการไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา
ในส่วนของซัมซุงสิ้นปีนี้มั่นใจว่า รายได้จะมีการเติบโตมากกว่าเป้าที่วางไว้ 20% โดยในกลุ่มมือถือ เป็นตัวที่สร้างรายได้ให้มากสุด คิดเป็น 35% ของรายได้รวมซัมซุง และมีอัตราการเติบโตของยอดขายมากขึ้นเป็น 100% รองลงมา คือ กลุ่มภาพและเสียง ขณะที่ปี2555 นี้ มั่นใจว่าซัมซุงจะทำรายได้เติบโตได้เพิ่มขึ้นจากปี2554แน่นอน
ขณะที่ในงานบีโอไอแฟร์ 2011 นั้น ทางบริษัทใช้งบกว่า 50 ล้านบาท ทั้งในส่วนของอาคารแสดงนิทรรศการและการตลาดประชาสัมพันธ์ ภายใต้แนวคิด “Samsung Join in Smarter Life” ผ่านเรื่องราว 4 โซน หลัก คือ Innovation Zone, Design Zone, Convergence Zone และGreenovation Zone คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านคน หรือวันละ 1-1.5 แสนคนต่อวัน
***พานาโซนิคมุ่งอีโคโปรดักส์
นายโยริฮิซะ ชิโอะคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค เอเชีย แปซิฟิค จำกัด เปิดเผยว่า จากแผนการลงทุนระยะยาวในประเทศไทย ในแง่ของงบการลงทุนต่างๆได้วางไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่แผนระกลางและระยะสั้นเท่านั้น ที่ทางพานาโซนิคจะดำเนินการต่อ แต่ทั้งนี้ต้องขอรอดูนโยบายจากทางภาครัฐเสียก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจในการลงทุนต่อไป
ทั้งนี้ในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา กลุ่มพานาโซนิค ที่มีกว่า 22 บริษัทในประเทศไทย ได้รับผลกระทบ 3 โรงงาน ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนและนวนคร โดยเป็นโรงงานผลิตด้านเซมิคอนดักเตอร์ และไดร์เป่าผม ปัจจุบันได้เช่าพื้นที่แถบชลบุรี เพื่อทำการผลิตสินค้าป้อนให้กับความต้องการของตลาดชั่วคราว ขณะที่บริษัทแม่พร้อมให้งบสนับสนุนฟื้นฟูโรงงานทั้ง 3 แห่งอย่างเร่งด่วน คาดว่าภายในเดือนเม.ย.นี้จะกลับมาทำการผลิตได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามพานาโซนิคจะมุ่งพัฒนาสินค้าสู่กลุ่มอีโคโปรดักส์มากยิ่งขึ้น รวมถึงควบรวมกับโปรดักส์และเทคโนโลยีของซันโยที่ได้เทคโอเวอร์มา สู่การพัฒนาโปรดักส์ต่างๆให้มีความแข้งแกร่งและมีไลน์โปรดักส์ให้มากยิ่งขึ้น เช่น กลุ่มแอร์ ตู้แช่ และหลอดไฟที่อยู่ในส่วนของของธุรกิจร้านค้าหรือบีทูบี เป็นต้น
คาดว่าจะสามารถควบรวมซันโยเป็นพานาโซนิคได้เสร็จสิ้นภายในปี 2556 โดยมั่นใจว่าภายในปี 2018 พานาโซนิคจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มสินค้าอีโคโปรดักส์ ทั้งทางด้านยอดขายในแง่จำนวนและยูนิค หรือคิดเป็น 80% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด จากปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 55%
ขณะที่รายได้ของปี 2554นี้ (เม.ย.2554-มี.ค.2555) คาดว่ารายได้เฉพาะ พานาโซนิค ซิล เซลล์ และพานาโซนิค เอ พี เซลล์ จะมีรายได้ 22,000
ล้านบาท เติบโต 10% ตามเป้า ส่วนรายได้รวมพานาโซนิค คาดว่าจะทำได้ 88,000 ล้านบาท และในปีหน้าจะเติบโต 15% คิดเป็น 100,000 ล้านบาทได้
นายคาซูโอ คาราซาวา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ฮิตาชิได้เข้าร่วมจัดงานแสดงนวัตกรรมในงานบีโอไอแฟร์ 2011ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-20 ม.ค.นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยอาคารแสดงนิทรรศการของฮิตาชิ จะจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมเมืองให้ดียิ่ง
*** ฮิตาชิลุย3กลุ่มธุรกิจ
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทในกลุ่มฮิตาชิที่อยู่ในไทยมีกว่า 39 บริษัท พบว่าในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม 6โรงงานใน 4 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนโลหะ และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งในปีนี้บริษัทแม่จะเร่งมุ่งในเรื่องของการฟื้นฟูโรงงานเป็นหลัก พร้อมวางไทยเป็นฮับทางด้านการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก
ในแง่การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยนั้น จะมุ่งใน 3 กลุ่มธุรกิจ คือ 1. ระบบขนส่งมวลชน โดยเฉพาะในเรื่องของ รถไฟฟ้าโมโนเรล รถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่ทางฮิตาชิมีความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีด้านนี้โดยเฉพาะ 2.เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น ตู้เย็น เครื่องดูดฝุ่น เป็นต้น และ 3. ชิ้นส่วนยานยนต์ ให้กับแบรนด์รถยนต์ต่างๆ
เนื่องจากไทยเป็นฮับทางด้านการผลิตรถยนต์ในหลายๆแบรนด์ในปัจจุบัน
***ซัมซุงอัดงบตลาดเพิ่มเท่าตัว
นางสาวศศิธร กู้พัฒนากุล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ทางซัมซุงพร้อมใช้งบการตลาดรวมเพิ่มอีกราว 1 เท่าตัว จาก 10% เป็น 15-20% ของยอดขาย มุ่งเพิ่มงบการตลาดในส่วนของออนไลน์ แล้วแต่กลุ่มสินค้า และเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในภาวะที่ผู้บริโภคอาจจะยังไม่พร้อมใช้จ่ายทั้งที่มีกำลังซื้ออยู่ในมือซึ่งในภาพรวมมองว่าปีนี้กำลังซื้อยังดีอยู่ และในแง่การแข่งขันของตลาดเครื่องใช้ฟ้าก็ยังคงรุนแรงและมีความต้องการไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา
ในส่วนของซัมซุงสิ้นปีนี้มั่นใจว่า รายได้จะมีการเติบโตมากกว่าเป้าที่วางไว้ 20% โดยในกลุ่มมือถือ เป็นตัวที่สร้างรายได้ให้มากสุด คิดเป็น 35% ของรายได้รวมซัมซุง และมีอัตราการเติบโตของยอดขายมากขึ้นเป็น 100% รองลงมา คือ กลุ่มภาพและเสียง ขณะที่ปี2555 นี้ มั่นใจว่าซัมซุงจะทำรายได้เติบโตได้เพิ่มขึ้นจากปี2554แน่นอน
ขณะที่ในงานบีโอไอแฟร์ 2011 นั้น ทางบริษัทใช้งบกว่า 50 ล้านบาท ทั้งในส่วนของอาคารแสดงนิทรรศการและการตลาดประชาสัมพันธ์ ภายใต้แนวคิด “Samsung Join in Smarter Life” ผ่านเรื่องราว 4 โซน หลัก คือ Innovation Zone, Design Zone, Convergence Zone และGreenovation Zone คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านคน หรือวันละ 1-1.5 แสนคนต่อวัน
***พานาโซนิคมุ่งอีโคโปรดักส์
นายโยริฮิซะ ชิโอะคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พานาโซนิค เอเชีย แปซิฟิค จำกัด เปิดเผยว่า จากแผนการลงทุนระยะยาวในประเทศไทย ในแง่ของงบการลงทุนต่างๆได้วางไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่แผนระกลางและระยะสั้นเท่านั้น ที่ทางพานาโซนิคจะดำเนินการต่อ แต่ทั้งนี้ต้องขอรอดูนโยบายจากทางภาครัฐเสียก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจในการลงทุนต่อไป
ทั้งนี้ในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา กลุ่มพานาโซนิค ที่มีกว่า 22 บริษัทในประเทศไทย ได้รับผลกระทบ 3 โรงงาน ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนและนวนคร โดยเป็นโรงงานผลิตด้านเซมิคอนดักเตอร์ และไดร์เป่าผม ปัจจุบันได้เช่าพื้นที่แถบชลบุรี เพื่อทำการผลิตสินค้าป้อนให้กับความต้องการของตลาดชั่วคราว ขณะที่บริษัทแม่พร้อมให้งบสนับสนุนฟื้นฟูโรงงานทั้ง 3 แห่งอย่างเร่งด่วน คาดว่าภายในเดือนเม.ย.นี้จะกลับมาทำการผลิตได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามพานาโซนิคจะมุ่งพัฒนาสินค้าสู่กลุ่มอีโคโปรดักส์มากยิ่งขึ้น รวมถึงควบรวมกับโปรดักส์และเทคโนโลยีของซันโยที่ได้เทคโอเวอร์มา สู่การพัฒนาโปรดักส์ต่างๆให้มีความแข้งแกร่งและมีไลน์โปรดักส์ให้มากยิ่งขึ้น เช่น กลุ่มแอร์ ตู้แช่ และหลอดไฟที่อยู่ในส่วนของของธุรกิจร้านค้าหรือบีทูบี เป็นต้น
คาดว่าจะสามารถควบรวมซันโยเป็นพานาโซนิคได้เสร็จสิ้นภายในปี 2556 โดยมั่นใจว่าภายในปี 2018 พานาโซนิคจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มสินค้าอีโคโปรดักส์ ทั้งทางด้านยอดขายในแง่จำนวนและยูนิค หรือคิดเป็น 80% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด จากปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 55%
ขณะที่รายได้ของปี 2554นี้ (เม.ย.2554-มี.ค.2555) คาดว่ารายได้เฉพาะ พานาโซนิค ซิล เซลล์ และพานาโซนิค เอ พี เซลล์ จะมีรายได้ 22,000
ล้านบาท เติบโต 10% ตามเป้า ส่วนรายได้รวมพานาโซนิค คาดว่าจะทำได้ 88,000 ล้านบาท และในปีหน้าจะเติบโต 15% คิดเป็น 100,000 ล้านบาทได้