ตาก - พม่าเดินหน้าแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 19 แห่ง ประเดิม 8 แห่งในปีนี้ ไล่ตั้งแต่เมียวดี ตรงข้ามแม่สอดของไทย-ผาอัน ไปจนถึงเนปิดอว์ ฯลฯ รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
รายงานข่าวจากชายแดนไทย-พม่า แจ้งว่า ขณะนี้ พล.อ.เต็งเส่ง ประธานาธิบดีสหภาพพม่า(เมียนมาร์) ได้ประกาศนโยบายการพัฒนาประเทศไปสู่ผู้นำทางเศรษฐกิจของอาเซียน โดยสั่งการให้กระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการค้าและเศรษฐกิจ ได้จัดแผนรองรับก่อนที่จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 เร่งรัดการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดน 19 แห่ง รองรับมิติใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ภายหลังมีการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชายแดนเมียวดีไปแล้ว และให้เขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดี เป็นเมืองคู่แฝดกับ “นครแม่สอด” ตามนโยบายการจับคู่เมืองเศรษฐกิจคู่แฝด ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2554
ทั้งนี้ พล.อ.เต็งเส่ง ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาการค้าชายแดน-กระทรวงพาณิชย์และเศรษฐกิจ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงป่าไม้และการเกษตร เดินทางมาจังหวัดชายแดนที่สำคัญเพื่อทำการสำรวจเขตอุตสาหกรรมในพื้นที่ต่างๆ เพื่อนำข้อมูลด้านวัตถุดิบ ซัปพลายด้านพลังงาน ประชากร และความเหมาะสมในพื้นที่ นำไปสู่การสำรวจและศึกษาความเหมาะสมในการจัดโครงการแผนพัฒนาประเทศโดยการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษจำนวน 19 พื้นที่ตามแนวพรมแดน โดยเฉพาะกับไทยและจีน รวมไปถึงบริเวณท่าเรือน้ำลึก ที่เป็นท่าเรือรองรับสินค้าจากสิงคโปร์ และกลุ่มประเทศใกล้เคียง โดยให้เร่งรัดดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจังเนื่องนับจากปี 2555 เป็นต้นไป
เจ้าหน้าที่พม่าผู้ชำนาญการฝ่ายเศรษฐกิจ-การค้าการลงทุนชายแดน ของพม่า กล่าวว่า หลังพม่าเปลี่ยนแปลงผู้นำคนใหม่ภายใต้การนำของ พล.อ.เต็งเส่ง ประธานาธิบดีคนแรก และได้มีนโยบายให้ประเทศเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย มีการเปิดประเทศครั้งใหญ่ให้ผู้นำทุกชาติเดินทางเข้าพม่า รวมไปถึงอเมริกาและชาติในยุโรป นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้นางอองซาน ซูจี อดีตหัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย ลงสมัครเลือกตั้งได้ เพื่อแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาและให้ประเทศมีสันติสุข นำประเทศไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้มีการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่
โดยจะนำการพัฒนาเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และปฏิรูปประเทศโดยหันไป ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 19 แห่งให้ครบทั่วทั้งประเทศโดยด่วน มีทั้งแผนพัฒนาอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร รวมทั้งการประมงและอื่นๆ ทุกด้าน ตามความเหมาะสมของพื้นที่ สำหรับเขตเศรษฐกิจเมียวดีนั้น จะใช้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตนิคมอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษนครแม่สอด
ขณะนี้มีนักธุรกิจและนักลงทุนจากต่างประเทศทั้งชาวไทย จีน สิงคโปร์ รวมทั้งชาติในกลุ่มอเมริกาและยุโรป ได้ทำหนังสือถึงผู้นำพม่า เพื่อขอเข้าไปลงทุนในโครงการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้วจำนวนมาก โดยแจ้งความประสงค์ที่จะประกอบธุรกิจในพม่าทั้งขนาดเล็ก มีสัดส่วนประมาณ 60%, ขนาดกลาง 26% และขนาดใหญ่ (อุตสาหกรรมหนัก) 18% โดยธุรกิจทุกอย่างจะอยู่ภายใต้กรอบของยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศพม่าและกฎหมายแห่งรัฐ ที่ไม่เอาเปรียบนักธุรกิจต่างชาติ
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า พม่ามีโครงการพัฒนาประเทศและเตรียมการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างมิติใหม่ทางเศรษฐกิจ รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและการที่จะก้าวขึ้นสู่ประธานอาเซียนของ พล.อ.เต็งเส่ง ตลอดจนการเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยนโยบายดังกล่าวอยู่ในความร่วมมือภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาทางเศรษฐกิจ อิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ แอดเม็คส์ (ACMECS) รวมทั้ง EWEC
ส่วนการใช้จังหวัดเมียวดีนำร่องเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อรองรับกับการพัฒนาการค้าชายแดนและการลงทุนในโครงการต่างๆระหว่างไทย-พม่า ที่นครแม่สอด เพราะเป็นศูนย์กลาง ทางการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนของไทย ศูนย์กลางอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง EWEC และ 1 ในประตูอาเซียนที่สำคัญแห่งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในปี 2555 รัฐบาลพม่า จะประกาศตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษประมาณ 8 เขตก่อน โดยได้เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเมียวดีไปแล้ว และจะตามด้วยจังหวัดผาอัน เมืองเมาะละแหม่ง เมืองย่านลิน เมืองท่าเรือชายฝั่งอันดามัน ทวายเกาะสอง ด่านเจดีย์สามองค์ และกรุงเนปิดอว์ด้วย
สำหรับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดีนั้น ได้ใช้พื้นที่เบื้องต้นประมาณ 180-200 เอเคอร์ หรือประมาณ 1 ล้านไร่เศษ เพื่อดึงนักลงทุน นักธุรกิจต่างชาติ โดยเฉพาะไทย ที่มีอยู่จำนวนไม่น้อย ที่สนใจเข้าไปลงทุน ส่วนพื้นที่ที่จะตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจที่เหลืออีก 11 แห่ง จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2558
รายงานข่าวจากชายแดนไทย-พม่า แจ้งว่า ขณะนี้ พล.อ.เต็งเส่ง ประธานาธิบดีสหภาพพม่า(เมียนมาร์) ได้ประกาศนโยบายการพัฒนาประเทศไปสู่ผู้นำทางเศรษฐกิจของอาเซียน โดยสั่งการให้กระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการค้าและเศรษฐกิจ ได้จัดแผนรองรับก่อนที่จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 เร่งรัดการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดน 19 แห่ง รองรับมิติใหม่ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ภายหลังมีการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชายแดนเมียวดีไปแล้ว และให้เขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดี เป็นเมืองคู่แฝดกับ “นครแม่สอด” ตามนโยบายการจับคู่เมืองเศรษฐกิจคู่แฝด ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2554
ทั้งนี้ พล.อ.เต็งเส่ง ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาการค้าชายแดน-กระทรวงพาณิชย์และเศรษฐกิจ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงป่าไม้และการเกษตร เดินทางมาจังหวัดชายแดนที่สำคัญเพื่อทำการสำรวจเขตอุตสาหกรรมในพื้นที่ต่างๆ เพื่อนำข้อมูลด้านวัตถุดิบ ซัปพลายด้านพลังงาน ประชากร และความเหมาะสมในพื้นที่ นำไปสู่การสำรวจและศึกษาความเหมาะสมในการจัดโครงการแผนพัฒนาประเทศโดยการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษจำนวน 19 พื้นที่ตามแนวพรมแดน โดยเฉพาะกับไทยและจีน รวมไปถึงบริเวณท่าเรือน้ำลึก ที่เป็นท่าเรือรองรับสินค้าจากสิงคโปร์ และกลุ่มประเทศใกล้เคียง โดยให้เร่งรัดดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจังเนื่องนับจากปี 2555 เป็นต้นไป
เจ้าหน้าที่พม่าผู้ชำนาญการฝ่ายเศรษฐกิจ-การค้าการลงทุนชายแดน ของพม่า กล่าวว่า หลังพม่าเปลี่ยนแปลงผู้นำคนใหม่ภายใต้การนำของ พล.อ.เต็งเส่ง ประธานาธิบดีคนแรก และได้มีนโยบายให้ประเทศเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย มีการเปิดประเทศครั้งใหญ่ให้ผู้นำทุกชาติเดินทางเข้าพม่า รวมไปถึงอเมริกาและชาติในยุโรป นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้นางอองซาน ซูจี อดีตหัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตย ลงสมัครเลือกตั้งได้ เพื่อแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาและให้ประเทศมีสันติสุข นำประเทศไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้มีการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่
โดยจะนำการพัฒนาเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และปฏิรูปประเทศโดยหันไป ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 19 แห่งให้ครบทั่วทั้งประเทศโดยด่วน มีทั้งแผนพัฒนาอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมการเกษตร รวมทั้งการประมงและอื่นๆ ทุกด้าน ตามความเหมาะสมของพื้นที่ สำหรับเขตเศรษฐกิจเมียวดีนั้น จะใช้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตนิคมอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษนครแม่สอด
ขณะนี้มีนักธุรกิจและนักลงทุนจากต่างประเทศทั้งชาวไทย จีน สิงคโปร์ รวมทั้งชาติในกลุ่มอเมริกาและยุโรป ได้ทำหนังสือถึงผู้นำพม่า เพื่อขอเข้าไปลงทุนในโครงการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้วจำนวนมาก โดยแจ้งความประสงค์ที่จะประกอบธุรกิจในพม่าทั้งขนาดเล็ก มีสัดส่วนประมาณ 60%, ขนาดกลาง 26% และขนาดใหญ่ (อุตสาหกรรมหนัก) 18% โดยธุรกิจทุกอย่างจะอยู่ภายใต้กรอบของยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศพม่าและกฎหมายแห่งรัฐ ที่ไม่เอาเปรียบนักธุรกิจต่างชาติ
นายบรรพต ก่อเกียรติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า พม่ามีโครงการพัฒนาประเทศและเตรียมการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างมิติใหม่ทางเศรษฐกิจ รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและการที่จะก้าวขึ้นสู่ประธานอาเซียนของ พล.อ.เต็งเส่ง ตลอดจนการเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยนโยบายดังกล่าวอยู่ในความร่วมมือภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาทางเศรษฐกิจ อิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ แอดเม็คส์ (ACMECS) รวมทั้ง EWEC
ส่วนการใช้จังหวัดเมียวดีนำร่องเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อรองรับกับการพัฒนาการค้าชายแดนและการลงทุนในโครงการต่างๆระหว่างไทย-พม่า ที่นครแม่สอด เพราะเป็นศูนย์กลาง ทางการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนของไทย ศูนย์กลางอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง EWEC และ 1 ในประตูอาเซียนที่สำคัญแห่งหนึ่ง
ทั้งนี้ ในปี 2555 รัฐบาลพม่า จะประกาศตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษประมาณ 8 เขตก่อน โดยได้เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเมียวดีไปแล้ว และจะตามด้วยจังหวัดผาอัน เมืองเมาะละแหม่ง เมืองย่านลิน เมืองท่าเรือชายฝั่งอันดามัน ทวายเกาะสอง ด่านเจดีย์สามองค์ และกรุงเนปิดอว์ด้วย
สำหรับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเมียวดีนั้น ได้ใช้พื้นที่เบื้องต้นประมาณ 180-200 เอเคอร์ หรือประมาณ 1 ล้านไร่เศษ เพื่อดึงนักลงทุน นักธุรกิจต่างชาติ โดยเฉพาะไทย ที่มีอยู่จำนวนไม่น้อย ที่สนใจเข้าไปลงทุน ส่วนพื้นที่ที่จะตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจที่เหลืออีก 11 แห่ง จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2558