xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ลากไส้ 'เสนาะ' คนแก่ความจำสั้น รับ Job ช่วย ฯพณฯ 'ทักษิณ' ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 เสนาะ เทียนทอง
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-เป็นที่อื้ออึงตลึงงัน ! กันทีเดียวกับแนวคิดของ 'เฒ่าวังน้ำเย็น' เสนาะ เทียนทอง ที่เสนอให้กักบริเวณนักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่นอย่าง 'นช.ทักษิณ ชินวัตร' ให้อยู่แต่ในบ้านแทนการ 'ติดคุก' เช่นเดียวกับ 'นางอองซาน ซูจี' วีรสตรีประชาธิปไตย แห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า !! โดยนายเสนาะอ้างว่าเพื่อนำไปสู่ความปรองดองของคนในชาติ อีกทั้งเรียกร้องให้หยุดไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ??

ความคิดของนายเสนาะได้สร้างความฉงนงงงวยให้ผู้คนในสังคมเป็นอย่างยิ่งเพราะที่ผ่านมาต่างก็เห็นว่าคนที่ลุกขึ้นมาปลุกระดมสร้างความเกลียดชังคลั่งแค้นกระทั่งสั่งเผาบ้านเผาเมืองก็ล้วนแต่เป็นลิ่วล้อคนสนิทของทักษิณทั้งสิ้น และก่อนเกิดเหตุรุนแรงแทบทุกครั้งทักษิณก็มักจะโฟนอินข้ามประเทศเข้ามาปลุกปั่นสร้างความฮึกเหิมให้มวลชนคนเสื้อแดง อีกทั้งยังไม่เห็นมีหน่วยราชการไหน รัฐบาลใด ที่จะดำเนินการติดตามตัวทักษิณมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจัง อย่ามองไกลไปถึงการไล่ล่าเลย เพราะแค่การประสานขอให้ส่งตัวทักษิณกลับมาดำเนินคดีในไทยก็ไม่เห็นมีรัฐบาลไหนลงมือทำ

นอกจากนั้นยังไม่น่าเชื่อว่านักการเมืองรุ่นใหญ่ซึ่งเดินเข้าออกในสภาหินอ่อนมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปีอย่างนายเสนาะจะแยกแยะไม่ออกระหว่างคดีการเมือง กับคดีอาญาข้อหาคอร์รัปชั่น ?

หรือเป็นเพราะอายุขัยที่ย่างเข้าสู่วัยชรา นายเสนาะจึงหลงลืมไปว่า 'อองซาน ซูจี' คือนักเคลื่อนไหวที่ต่อสู้กับระบอบเผด็จการทหาร เป็นคนที่ประชาชนรักและศรัทธา พร้อมใจกันยกย่องให้เป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า เธอยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างประชาชนผู้รักชาติ โดยปฏิเสธข้อเสนอของรัฐบาลทหารพม่าที่ให้เธอยุติบทบาททางการเมืองและเดินทางออกไปใช้ชีวิตนอกประเทศเพื่อแลกกับการปล่อยตัวจากการถูกกักกัน ทำให้เธอถูกรัฐบาลเผด็จการพม่ากักบริเวณให้อยู่แต่ภายในบ้านานถึง 20 ปี โดยไม่มีสิทธิโต้แย้งใดๆ นอกจากนั้นซูจียังต่อสู้อยู่บนหลักการสันติ อหิงสา กระทั่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพท่ามกลางเสียงชื่นชมจากทั่วโลกด้วย

ขณะที่ นช.ทักษิณต้องคดีเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมีหลักฐานชัดว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ใช้ตำแหน่งหน้าที่ออกนโยบาย แก้กฎระเบียบ และดำเนินโครงการต่างๆในลักษณะที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง แต่เขาเลือกที่จะหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ แทนที่จะกลับมาสู้คดีในไทย และพยายามที่จะขอลี้ภัยทางการเมือง โดยอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่สุดท้ายก็ถูกรัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่เขาเดินทางไปพำนักขับไล่ไม่อนุญาตให้เข้าประเทศอีก เนื่องเพราะมองว่าคดีของ นช.ทักษิณนั้นเป็นคดีอาญาหาใช่คดีการเมือง อีกทั้งไม่พอใจที่ นช.ทักษิณใช้ประเทศของเขาเป็นฐานในการเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนและโฟนอินโจมตีประเทศไทย กระทั่งรัฐบาลอังกฤษทนไม่ได้ถึงขั้นประกาศถอนวีซ่าเลยทีเดียว

นายเสนาะคงลืมไปอีกว่า นางอองซาน ซูจี ถูกรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าสั่งกักกันโดยไม่มีความผิด ไม่มีโอกาสเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะที่ นช.ทักษิณ ถูกฟ้องร้องและดำเนินการตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมทุกประการและเป็นการดำเนินการขณะที่มีรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้ง แต่เขากลับหนีคดี ไม่ไปขึ้นศาล โดยให้คนอื่นไปให้การแทน แต่ด้วยพยานหลักฐานที่ชัดเจนแน่นหนา ศาลจึงตัดสินว่ามีความผิดจริง มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์จำนวน 4.6 หมื่นล้านบาทอันเนื่องมาจากคดีซุกหุ้น และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 2 ปี อันเนื่องมาจากคดีทุจริตในการประมูลซื้อที่ดินรัชดา แต่แน่นอนว่า นช.ทักษิณก็ยังคงเร่ร่อนหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ พร้อมทั้งเดินเกมปลุกระดมล้างสมองมวลชนคนเสื้อแดงให้ลุกขึ้นสู้เพื่อช่วยให้เขารอดพ้นคดี ฝ่าย ครม.ลิ่วล้อก็พยายามออก พ.ร.ฏ.อภัยโทษ เมื่อไม่สำเร็จก็หันมาดำเนินการให้มีการนิรโทษกรรมล้างความผิดให้จงได้

นอกจากนั้นนายเสนาะก็คงลืมไปว่านอกจากคดีความที่ศาลตัดสินไปแล้ว นช.ทักษิณ ยังมีคดีที่ค้างคาอยู่อีกถึง 5 คดี ที่สำคัญล้วนแต่เป็นคดี 'คอร์รัปชั่น' ทั้งสิ้น โดยในจำนวนนี้เป็นคดีที่อยู่ในชั้นศาล 3 คดี ได้แก่ คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว หรือคดีหวยบนดิน , คดีเอ็กซิมแบงก์ (ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย)ปล่อยเงินกู้ให้กับรัฐบาลพม่า และคดีทุจริตออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ - ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท

ส่วนอีก 2 คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้แก่ คดีทุจริตซีทีเอ็กซ์ 9000 ซึ่งเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างปรับเปลี่ยนสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารและเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด (ซีทีเอ็กซ์ 9000)ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และคดีที่ธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อให้แก่บริษัทในเครือกฤษดามหานคร ซึ่งเป็นการอนุมัติเงินกู้ให้แก่บริษัทที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ โดยคดีนี้ คตส.(คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ)ได้ชี้มูลความผิด นช.ทักษิณ กับพวก นอกจากนี้ยังมีการดำเนินคดีกับนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายในข้อหารับของโจรด้วย

ดังนั้น จึงต้องถามกันตรงๆว่า....เหตุใดนายเสนาะจึงออกมาเรียกร้องให้ลดโทษให้แก่นักโทษ 'คดีอาญาข้อหาคอร์รัปชั่น' ให้เหลือเพียงแค่การกักบริเวณเท่านั้น ?

แต่หากมาย้อนดูประวัติทางการเมืองของคนชื่อ 'เสนาะ เทียนทอง' ก็อาจจะช่วยให้หายแปลกใจในความคิดและพฤติกรรมที่พลิกลิ้นเปลี่ยนขั้วบ่อยครั้งไปตามแต่ผลประโยชน์จะอำนวย

ก่อนที่ 'เสนาะ เทียนทอง' จะก้าวเข้าสู่แวดวงการเมืองนั้น คนสระแก้วซึ่งขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดปราจีนบุรี รู้จักเขาดีในชื่อ “เสี่ยแหนม” ซึ่งไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย เริ่มจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและค้าน้ำมัน จากนั้นรวมตัวกับพี่น้องก่อตั้ง “หจก.เทียนทอง” เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายสุรา แล้วขยายไปทำธุรกิจพืชไร่ โรงโม่หิน รับเหมาก่อสร้างและปั๊มน้ำมัน แข้ามาสู่การเมืองท้องถิ่นเพราะเห็นช่องทางที่จะแผ่บารมีสร้างคอนเน็กชั่นก่อนที่จะก้าวเข้าสู่การเมืองระดับชาติตามสูตร

ได้เป็น ส.ส.ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2519 ในนามพรรคชาติไทย เนื่องจากป๋าเหนาะมี ส.ส.ในนาม 'กลุ่มวังน้ำเย็น' อยู่จำนวนไม่น้อยและมีคอนเนกชันทางการเมืองกับหลายพรรค จึงเป็นกำลังหลักในการผลักดัน 'นายบรรหาร ศิลปอาชา' ให้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2538 ก่อนที่จะย้ายไปสังกัดพรรคความหวังใหม่ ในปี 2539ด้วยเงื่อนไขว่าจะปั้น 'พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ' ให้เป็นนายกฯเช่นกัน จากนั้นก็หันไปอยู่กับ 'พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร' หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ซึ่งกำลังโด่งดัง พร้อมทั้งประกาศดันทักษิณเป็นนายกฯ อีกคน นายเสนาะจึงได้ฉายาว่า 'ผู้จัดการรัฐบาล' นับแต่นั้นมา

กระทั่งกลางปี 2548 นายเสนาะเกิดความบาดหมางกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากถูกลดบทบาทในพรรค จึงได้ลุกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ชายชื่อทักษิณอย่างรุนแรง ก่อนที่จะออกมาตั้งพรรคใหม่ในชื่อ 'พรรคประชาราช' เมื่อต้นปี 2549และสถาปนาตัวเองเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมประกาศนโยบายแน่นหนัก “ เพื่อปฏิรูปการเมือง และล้มล้างระบอบทักษิณ” แต่เมื่อไปไม่รอดก็หอบสมาชิก 'กลุ่มวังน้ำเย็น' กลับมาซบอกทักษิณอีกครั้ง โดยกลับเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย และได้เป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อจนถึงปัจจุบัน เพราะนั่นยอมดีกว่านั่งเป็นหัวหน้าพรรคประชาราชโดยปราศจากบทบาททางการเมือง

ผลงานโดดเด่นที่ผู้คนจดจำได้ คือ การเปลี่ยนชื่อ ยาม้า มาเป็น “ยาบ้า” ในยุคที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ที่ฮือฮาที่สุดเห็นจะเป็นกรณีแปลงที่ดินวัดหรือที่เรียกว่าที่ธรณีสงฆ์มาเป็น “สนามกอล์ฟอัลไพน์” แล้วขายให้กับ 'ทักษิณ ชินวัตร' ซึ่งถูกฟ้องร้องเป็นคดีที่โด่งดังไปทั่วประเทศ ! แต่หลุดรอดคดีมาได้ เพราะกลไกของรัฐบิดเบี้ยว ซึ่งว่ากันว่ามีการดองเรื่องจนหมดอายุความ

แต่อีกประเด็นหนึ่งที่ฮือฮาไม่แพ้กันก็คือในช่วงที่นายเสนาะบาดหมางกับทักษิณ นั้นเขาได้ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไฮปาร์กวิพากษ์การทำงานและพฤติกรรมของทักษิณเสียเละเทะ พร้อมทั้งได้เขียนบทความในหัวข้อ "จะเอาทักษิณ หรือประเทศไทย" มีเนื้อหาสาระสาวไส้ทักษิณหมดทุกขด ชนิดที่คนฟังคนอ่านต่างก็เข้าใจกันว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้นั้นขาดสะบั้นถึงขั้น 'ถึงตายก็ไม่เผาผีกัน'

โดยนายเสนาะ ออกมาแสดงความเสียใจที่ร่วมปลุกปั้นให้ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้คนๆนี้มีอำนาจและมีโอกาสเข้ามาโกงกิน ทำร้ายประเทศชาติ ซึ่งเขารู้จักทักษิณมาตั้งแต่ครั้งที่ทักษิณยังเป็นตำรวจติดตามรัฐมนตรี จึงรู้ว่าทักษิณชอบวิ่งเต้นเข้าหาผู้ใหญ่เพื่อผลประโยชนทางธุรกิจ และหลังจากเข้ามาทำงานการเมือง ทักษิณก็เป็นคนหนึ่งที่ร่วมรู้เห็นและได้ประโยชน์จากการประกาศ 'ลอยตัวค่าเงินบาท' ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยพังยับไปทั้งประเทศ เมื่อเป็นนายกฯทักษิณก็มักใช้อำนาจในการแสวงหาประโยชน์ วางคนของตัวเองเข้าไปหากินในทุกกระทรวง อีกทั้งเป็นคนทรยศแผ่นดินและเป็นตัวปัญหาของประเทศ

“ก่อนที่จะเกิดปัญหาผมก็พยายามไปเตือน แต่เรื่องที่เตือนก็เป็นการขัดผลประโยชน์เขาทุกเรื่อง เช่นคิดว่ารัฐมนตรีคอรัปชั่น ผมก็ไปเตือนเพราะคิดว่าไม่รู้ ที่ไหนได้มันสั่งเอง ขนาดกลายเป็นว่ารัฐมนตรีคนไหนไม่ทำตามสั่ง ภายหลังก็อยู่ไม่ได้ ความขัดแย้งในปัจจุบันมีสาเหตุมาจากตัวปัญหาคนเดียวคือ พ.ต.ท.ทักษิณ คนคนนี้โกงเพื่อเข้ามาสู่อำนาจ เมื่อมีอำนาจก็โกงอีก อันตรายต่อบ้านเมืองสุดๆ ผมเคยหลงคิดว่าคนคนหนึ่ง รวยแล้วกลับใจ คิดใช้หนี้แผ่นดิน ตอนนี้ผมรู้ความจริงแล้วว่า รวยจากการโกงชาติ กล้าทำแม้เผาบ้านเมืองเพื่อเอาประกัน คนรวยคนนี้รวยแล้วไม่รู้จักพอ ไม่ใช่หนี้แผ่นดินยังไม่พอ มันยังโกงกิน ทรยศต่อแผ่นดิน”นายเสนาะระบุ

แต่สุดท้าย 'ผู้เฒ่าวังน้ำเย็น' คนนี้ก็พลิกลิ้น หันกลับไปเชิดชูทักษิณประหนึ่งว่าเขาคือ 'วีรบุรุษ' ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และน่าเห็นใจเพราะถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ?

ท่าทีที่พลิ้วมาพลิ้วไปของนายเสนาะจะเป็นเพราะเหตุใด คงไม่ต้องอธิบายให้มากความ แต่ถึงวันนี้ประชาชนคนไทยก็คงได้เห็น 'ไส้ทุกขด' ของคนชื่อ 'เสนาะ เทียนทอง' ไม่ต่างที่เคนเห็นไส้ของ 'ทักษิณ ชินวัตร' มาแล้ว !!
กำลังโหลดความคิดเห็น