xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ยิ่งลักษณ์แค่มีความประทับใจหรือมีศรัทธาในองค์พระเจ้าอยู่หัวกันแน่

เผยแพร่:   โดย: ว.ร. ฤทธาคนี

หลังจากน้ำลดในเขตภาคกลางและ กทม.รวมทั้งความสุขปีใหม่ 2555 ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วกว่าปีไหนๆ เพราะเกิดน้ำที่ท่วมฉับพลันขึ้นอีกในหลายจังหวัดภาคใต้ อันนี้แหละเป็นภัยธรรมชาติที่มาเร็ว ไปเร็ว ต่างกับมหาอุทกภัย กทม.ที่มาช้า ไปช้า และฟื้นช้า เพราะปัจจัยประกอบการปฏิสังขรณ์แต่ละครัวเรือนต่างกัน

เกิดปรากฏการณ์ทางสื่อขึ้นให้คิดเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน” ว่า “มีความประทับใจในเหตุการณ์เฉลิมฉลองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวาคม ที่ผ่านมามากที่สุด และเหตุการณ์นี้สร้างความสุขให้กับคนไทย แม้ที่จะเพิ่งผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมมา”

จึงเกิดปุจฉาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นประมุขของชาติว่า “มีแต่ความประทับใจแค่เฉพาะเหตุการณ์วันเฉลิมพระชนมพรรษาเท่านั้นหรือ?” จึงเกิดปุจฉาซ้อนขึ้นมาว่า แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีศรัทธาประสาทะในพระราชบารมีบริสุทธิ์อันสูงส่งของพระองค์ด้วยหรือไม่ ที่ทรงครองราชย์กว่า 60 พรรษา ด้วยพระปรีชาสามารถครบถ้วนทุกศาสตร์และศิลป์ ทรงปกครองอาณาประชาราษฎร์ให้ร่มเย็นเป็นสุขอย่างสมบูรณ์แท้จริง ด้วยพระราชโองการอันศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า “เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ซึ่งพระราชดำรัสแห่งองค์พระมหากษัตริย์คือยุทธศาสตร์ขององค์พระประมุขที่เด็ดขาดและเด็ดเดี่ยวนั่นเอง

ฐานะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในระบอบการเมืองแบบรัฐสภาและใช้พรรคการเมืองเป็นเครื่องมือในการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่านายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเธอดำรงฐานะเป็นหุ่นหัวหน้าพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี

เธอสังกัดพรรคเพื่อไทยที่ประจักษ์แล้วว่าเป็นส่วนหนึ่งของแก้ว 3 ประการของทักษิณ ได้แก่ มวลชน กองกำลังติดอาวุธ และพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทยก็คือแก่นสำคัญของแก้ว 3 ประการนี้

กองกำลังติดอาวุธก็เสมือนหนึ่งกองทัพมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยพิทักษ์มวลชนและก่อการปฏิวัติด้วยกำลัง ใช้กลยุทธ์ก่อการร้ายซึ่งมีความเข้มข้นตั้งแต่สมัยใช้กระบอก ท่อน้ำ หรือมีดสปาร์ตาจนรุนแรงถึงใช้ปืน เอเค-47 เครื่องยิงระเบิด M 79 และระเบิดแสวงเครื่องรวมทั้งยุทธวิธีเผาบ้านเผาเมือง

มวลชนเล่าก็จัดตั้งขึ้นด้วยลัทธิประชานิยม และจากกลุ่มซีกซ้ายหัวรุนแรงนิยมลัทธิอนาธิปไตย ที่มีมาแต่เดิมครั้งพรรคคอมมิวนิสต์ยังดำเนินกลยุทธ์อยู่ในป่า ซึ่งในอดีตใช้ยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง” ซึ่งกลุ่มนี้ไม่เห็นด้วย ต้องการระเบิดการปฏิวัติจากเมืองหลวงและเมืองใหญ่ เราได้เห็นกลยุทธ์นี้เมื่อครั้ง 17 พฤษภาคม 2535 มาจนช่วงพฤษภาคม 2553 มหาโหด

มวลชนนี้มีกำเนิดจากความจน ทำให้ลัทธิประชานิยมทักษิณเข้าถึงได้ง่ายมาก และการมอมเมาด้วยลัทธิประชานิยมทำให้คนเกิดความโลภ และได้เงินมาโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมากนัก เพราะเงินจะไหลสู่มือกลุ่มคนที่เห็นว่าเงินในลัทธิประชานิยมมาได้ง่าย ทำให้แกนนำเสื้อแดงจึงใช้เงินเป็นตัวกระตุ้นและจูงใจให้คนหลงผิด จนเกิดเป็นลัทธิเสื้อแดงขึ้นมา

คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ วิจัยว่าคนจนคนไทยมีประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 6.3 ล้านคนทั่วประเทศ และในช่วงรัฐบาลทักษิณมีคนจนมาลงทะเบียนรวมประมาณ 8,258,435 คน หรือประมาณ 13.2 เปอร์เซ็นต์

ยุทธศาสตร์การสร้างฐานข้อมูลนี้ นักยุทธศาสตร์มวลชนของทักษิณใช้เป็นกลไกเข้าถึงตัวกลุ่มคนจนโดยตรงเยี่ยงกลยุทธ์การตลาด และสามารถซื้อใจคน 8.3 ล้านคนได้ไม่ยากนัก ประกอบกับมนุษย์เป็นเวไนยสัตว์ สามารถสื่อสารถ่ายทอดความคิดได้เงินง่ายๆ ผ่านคนหนึ่งสู่คนหนึ่งได้ไม่ยากนัก

จากค่าสัมประสิทธิ์จินี (Gini Ratio) อันเป็นดัชนีสากลที่สหประชาชาติยอมรับและใช้เป็นมาตราวัดเส้นความจน ซึ่งประเทศไทยมีเส้นความจนอยู่ที่รายได้ 20,000 บาทต่อคนต่อปี แต่จะต่างกันระหว่างคนจนใน กทม.อยู่ที่ 2,020 บาทต่อเดือน ขณะที่ภาคอีสานอยู่ที่ 1,215 บาทต่อเดือน

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง แบ่งคนเป็น 3 ประเภท คือ

คนจนดักดาน ได้แก่การว่างงานเรื้อรังเพราะขาดความรู้ความชำนาญในการที่จะประกอบอาชีพ

คนจนที่จนโอกาส คือ การขาดปัจจัยในการผลิต เช่น ไม่มีที่ทำกินเพียงพอที่จะสร้างฐานะให้เจริญขึ้น และ

คนเกือบจน หรือใกล้แต่ไม่ได้ขาดแคลนสิ่งจำเป็นพื้นฐาน แต่มีโอกาสจนเพราะเกิดจากชะตากรรม เช่น ภัยธรรมชาติ หรือหัวหน้าครอบครัวตาย

แนวคิดนี้เป็นเพียงทฤษฎีเชิงสมมติและเศรษฐศาสตร์ แต่ตามหลักกฎแห่งกรรมแล้ว พื้นฐานมนุษย์มีความโลภ ความอยากให้คนนับถือ อยากมีอำนาจควบคุมคนอื่น และคนเหล่านี้มีกิเลส ลัทธิทักษิณจึงเกิดขึ้นได้

ปัจจุบันการรักษามวลชนนั้น นักยุทธศาสตร์มวลชนของทักษิณจึงสถาปนายุทธศาสตร์ “ลัทธิบ้านล้อมเมือง” ขึ้น โดยเกิดขึ้นที่อุดรธานีเป็นแห่งแรก โดย ร.ต.ต.กมลศิลป์ สิงหสุริยะ ประธานกลุ่มเสื้อแดงอุดรธานี ใช้ผลพวงของพฤษภาคมหฤโหด 2553 สถาปนาหมู่บ้านแดงขึ้นเมื่อ 15 ธันวาคม 2553 โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ

1.ต้องการให้ทักษิณกลับมาบริหารประเทศ

2.เรียกร้องประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ และ

3.ขอความเป็นธรรมให้กับแนวร่วมคนเสื้อแดงที่ถูกจับตัวด้วยความผิดทางอาญา

ความผูกพันทางยุทธศาสตร์เสื้อแดง พรรคเพื่อไทยและทักษิณนั้นโยงกันชัดเจน และกำลังจะพัฒนาสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขั้นเด็ดขาด เมื่อนางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานคนเสื้อแดงได้แสดงเจตจำนงชัดเจนที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 และนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษก นปช. หรือคนเสื้อแดงแก้ต่างว่า นปช.ต้องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนหมู่มาก แต่ทักษิณก็เป็นคนไทยคนหนึ่งด้วย ควรจะได้รับความเป็นธรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา ม.112 แต่รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ประมวลกฎหมายอาญา ม.112 มีศักดิ์ต่ำกว่าอยู่แล้วหากแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จกฎหมายต่ำศักดิ์กว่าก็แก้ไขไม่ยากนัก แต่ใครเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญฉบับอนาธิปไตยล่ะ ฉบับนายเหวง โตจิราการ หรือ ก็คงเป็นฉบับเดียวกับของคนเสื้อแดงซึ่งแฝงไว้ซึ่งลัทธิอนาธิปไตย ซึ่งนางธิดา ไม่ได้ปฏิเสธเกี่ยวกับการแก้ไข ม.112 เธอว่า “หากจะแก้ไขเราต้องใช้องค์ความรู้มาคุยกัน ไม่ใช่นำความเกลียดชังมาพูดคุยกัน”

แต่ความจริงแล้วบรรดาลูกสมุนเสื้อแดงในอาณัติของนางธิดา ก็ใช้สื่อสังคมทางคอมพิวเตอร์ล่วงเกินให้ร้ายสถาบันอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันกระแส “แดงไม่เอาเจ้า” มีการทำงานอย่างเป็นระบบ กำลังล่ารายชื่อเพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่มีแกนนำนิติราษฎร์โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล ในทางกลับกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้แสดงและวางจุดยืนของตนเองและของกองทัพบกไว้ชัดเจนว่า “หน้าที่ของเรา เราเป็นทหารรักษาพระองค์ และถวายสัตย์ปฏิญาณตนทุกปี ทหารมีจิตสำนึกอยู่อย่างหนึ่ง คือ ทหารอยู่คู่กับสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด”

หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุขและสันติแล้ว ต้องประกาศแยกตัวจากกลุ่มเสื้อแดงซีกซ้ายจัด และแสดงตนว่ามีศรัทธาในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของชาติ ตนเองต้องพร้อมและประกาศที่จะปกป้องสถาบันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช และที่สำคัญในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะต้องยุติการสนับสนุนคนเสื้อแดงที่ศรัทธาในความรุนแรงทุกรูปแบบ
กำลังโหลดความคิดเห็น