ที่รัฐสภา วานนี้ (4 ม.ค.) นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรีพิจารณากรณีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เสนอมายังกระทรวงมหาดไทย ให้ครม.เห็นชอบในหลักการการเจรจาและทำการตกลงกับผู้ขายรถและเรือดับเพลิงในการดำเนินการคดีอนุญาโตตุลาการ ระหว่างประเทศกรณีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามที่กระทรวงมหาดไทยนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
โดย ครม.มีมติให้กระทรวงมหาดไทยรับไปแจ้งให้กทม.ปฏิบัติตามที่ อัยการสูงสุดและกฤษฎีกาเสนอ เนื่องจากครม.เห็นควรว่าการตั้งอนุญาโตตุลาการ สามารถตั้งขึ้นได้เอง ครม.ไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้อง อีกทั้งระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของกทม. ต่างจากระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานอื่นของรัฐ ขณะเดียวกันเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องในส่วนของนโยบาย แต่เกี่ยวข้องทางด้านกฎหมาย ทั้งนี้เรื่องนี้เป็นเรื่องของกรอบกฎหมายและระเบียบของกรุงเทพมหานครด้วย
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม.กรณีที่ประชุมส.ส พรรคเพื่อไทยเป็นห่วงที่จะเป็นแพะรับบาปกรณีที่กทม.เสนอให้ครม.เห็นชอบแนวทางการเจรจากับบริษัทสไตเออร์เด็มเลอร์ฯผู้ขายรถดับเพลิง โดยจะเปิดช่องให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม. พ้นจากความผิด ว่า ถ้าจะเข้า ครม.ต้องมีทางออกที่ดีเพราะเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องผ่านกฤษฎีกา ต้องผ่านหน่วยงานหลายหน่วย แม้ว่าต้องเสนอครม.ได้เลย แต่ก็ต้องดูว่าในส่วนของกฤษฎีกาและฝ่ายอื่นๆ เขามีความเห็นว่าอย่างไร ต้องนำมาพิจารณาเป็นความเห็นร่วมกัน ซึ่งการบรรจุเป็นระเบียบวาระไม่ได้หมายความว่าจะให้พิจารณาได้ทันที
รายงานข่าวแจ้งว่าก่อนหน้านั้น ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยมีมติ รมว.มหาดไทย ยับยั้ง กทม.เสนอ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ในหลักการเจรจาทำความตกลงระหว่าง กทม. กับบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ จำกัด ผู้ขายรถและเรือดับเพลิง ซึ่งขณะนี้เรื่องได้อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ โดยการนำเสนอครั้งนี้มีประเด็นที่น่าสนใจคือ กทม. เสนอให้บริษัทผู้ขายยอมรับว่าข้อตกลงซื้อขายไม่มีผลผูกพันมาแต่แรก ซึ่งสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดังนั้นเงินที่บริษัทผู้ขายได้รับต้องคืนให้ กทม. และรัฐบาล ซึ่งประเด็นดังกล่าว พรรคเพื่อไทยเกรงว่าอาจเป็นเหตุให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่า กทม. ผู้ถูกกล่าวหา ใช้เป็นข้อต่อสู้คดีในศาลฎีกาได้ โดยอ้างมติ ครม. ในเรื่องนี้ ซึ่งจะทำให้ ครม. ชุดปัจจุบันตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาของ ป.ป.ช. ทั้งคณะ เพราะ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดในเรื่องนี้แล้ว
**ครม.ยำเละกทม.เล่นการเมือง
แหล่งข่าวจาก ครม. เปิดเผยว่า กทม.ได้ไปเจรจากับผู้ขายให้ยอมรับว่าข้อตกลงซื้อขายไม่มีผลผูกพันมาแต่แรก และกทม.จะซื้อรถและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์ที่นำส่งมาแล้ว และจะเสนอให้ครม.ให้องค์กรปกครองท้องถิ่นรับซื้ออุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยส่วนหนึ่งด้วยปรากฎว่า ทั้งนายกฯและครม. รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเห็นตรงว่าไม่ใช่เรื่องที่ครม.ต้องมาพิจารณา มีความเห็นหรือมีมติใด ๆ ให้มีมติส่งเรื่องกลับไปให้กทม.ดำเนินการเอง
นายกฯได้เริ่มเปิดฉากบอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเราไม่ใช่เหรอ กทม.ไปจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงผ่านบริษัทสไตเออร์ฯ แล้ววันนี้ก็มีปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของอนุญาโตตุลาการ พอถึงเวเลาทที่กทม.จะเพลี่ยงพล้ำให้กับบริษัท สไตเออร์ฯแล้วต้องการมาขอมติครม. ซึ่งความเป็นจริงครม.ไม่ได้ว่าอะไร ด้านร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นี่ต้องชมเลยว่ากทม.เขาเข้าใจการเมือง เรื่องนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยไปแล้วว่า บางคนผิด บางคนไม่ผิด ถึงขั้นที่ต้องหลุดจากการเป็นผู้ว่าฯกทม.ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราไม่ต้องไปทำอะไร
เรื่องนี้ครม.ไม่ควรจะมีความเห็นใด ๆ กทม.นี่ก็เหมือนกันเป็นอีกรัฐอิสระหนึ่ง ที่ไม่เคยขึ้นตรงกับรัฐบาลเลย แต่วันดีคืนดีพอจะเป็นจะตายขึ้นมาก็มาร้องหาให้รัฐบาลมาเป็นกันชน ซึ่งไม่ได้กินเราหรอก
เช่นเดียวกับที่นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม. กล่าวว่า ถูกต้องแล้วที่ท่านนายกฯและร.ต.อ.เฉลิม พูด ครม.ไปมีความเห็นไม่ได้ และครม.เราไม่มีความเห็น เพราะกทม.โยนเผือกร้อนมาใส่ครม. ซึ่งครม.ไม่ควรจะมีความเห็น และถึงมีความเห็นก็ไปมีความเห็นไม่ได้ เรื่องนี้ทางกระทรวงมหาดไทยเสนอเข้ามา ก็ให้กระทรวงมหาดไทยไปบอกกทม.ให้สู้คดีต่อไป แล้วถ้าเกิดจะมีผลทางกฎหมายหรืออนุญาโตตุลาการว่าอย่างไรก็ปฏิบัติตามนั้น ครม.ไม่สามารถมีความเห็นได้
ซึ่งนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย ได้แต่นั่งนิ่งเงียบไม่ได้ว่าอะไร ทั้งนี้นายกฯยังได้ถามย้ำว่าถ้าครม.ไม่มีความเห็นเรื่องนี้จะต้องถามความ เห็นจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาก่อนหรือไม่ว่าเราทำถูกต้องตามข้อกฎหมาย หรือเปล่า ซึ่งทั้งร.ต.อ.เฉลิม และเลขาธิการครม. กล่าวเหมือนกันว่า ไม่ต้อง เพราะไม่เกี่ยวกับเรา รัฐบาลไม่สามารถให้ความเห็นได้
โดย ครม.มีมติให้กระทรวงมหาดไทยรับไปแจ้งให้กทม.ปฏิบัติตามที่ อัยการสูงสุดและกฤษฎีกาเสนอ เนื่องจากครม.เห็นควรว่าการตั้งอนุญาโตตุลาการ สามารถตั้งขึ้นได้เอง ครม.ไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้อง อีกทั้งระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของกทม. ต่างจากระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานอื่นของรัฐ ขณะเดียวกันเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องในส่วนของนโยบาย แต่เกี่ยวข้องทางด้านกฎหมาย ทั้งนี้เรื่องนี้เป็นเรื่องของกรอบกฎหมายและระเบียบของกรุงเทพมหานครด้วย
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม.กรณีที่ประชุมส.ส พรรคเพื่อไทยเป็นห่วงที่จะเป็นแพะรับบาปกรณีที่กทม.เสนอให้ครม.เห็นชอบแนวทางการเจรจากับบริษัทสไตเออร์เด็มเลอร์ฯผู้ขายรถดับเพลิง โดยจะเปิดช่องให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม. พ้นจากความผิด ว่า ถ้าจะเข้า ครม.ต้องมีทางออกที่ดีเพราะเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องผ่านกฤษฎีกา ต้องผ่านหน่วยงานหลายหน่วย แม้ว่าต้องเสนอครม.ได้เลย แต่ก็ต้องดูว่าในส่วนของกฤษฎีกาและฝ่ายอื่นๆ เขามีความเห็นว่าอย่างไร ต้องนำมาพิจารณาเป็นความเห็นร่วมกัน ซึ่งการบรรจุเป็นระเบียบวาระไม่ได้หมายความว่าจะให้พิจารณาได้ทันที
รายงานข่าวแจ้งว่าก่อนหน้านั้น ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยมีมติ รมว.มหาดไทย ยับยั้ง กทม.เสนอ ครม. พิจารณาให้ความเห็นชอบ ในหลักการเจรจาทำความตกลงระหว่าง กทม. กับบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ จำกัด ผู้ขายรถและเรือดับเพลิง ซึ่งขณะนี้เรื่องได้อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ โดยการนำเสนอครั้งนี้มีประเด็นที่น่าสนใจคือ กทม. เสนอให้บริษัทผู้ขายยอมรับว่าข้อตกลงซื้อขายไม่มีผลผูกพันมาแต่แรก ซึ่งสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดังนั้นเงินที่บริษัทผู้ขายได้รับต้องคืนให้ กทม. และรัฐบาล ซึ่งประเด็นดังกล่าว พรรคเพื่อไทยเกรงว่าอาจเป็นเหตุให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่า กทม. ผู้ถูกกล่าวหา ใช้เป็นข้อต่อสู้คดีในศาลฎีกาได้ โดยอ้างมติ ครม. ในเรื่องนี้ ซึ่งจะทำให้ ครม. ชุดปัจจุบันตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาของ ป.ป.ช. ทั้งคณะ เพราะ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดในเรื่องนี้แล้ว
**ครม.ยำเละกทม.เล่นการเมือง
แหล่งข่าวจาก ครม. เปิดเผยว่า กทม.ได้ไปเจรจากับผู้ขายให้ยอมรับว่าข้อตกลงซื้อขายไม่มีผลผูกพันมาแต่แรก และกทม.จะซื้อรถและเรือดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์ที่นำส่งมาแล้ว และจะเสนอให้ครม.ให้องค์กรปกครองท้องถิ่นรับซื้ออุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยส่วนหนึ่งด้วยปรากฎว่า ทั้งนายกฯและครม. รวมทั้งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเห็นตรงว่าไม่ใช่เรื่องที่ครม.ต้องมาพิจารณา มีความเห็นหรือมีมติใด ๆ ให้มีมติส่งเรื่องกลับไปให้กทม.ดำเนินการเอง
นายกฯได้เริ่มเปิดฉากบอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเราไม่ใช่เหรอ กทม.ไปจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงผ่านบริษัทสไตเออร์ฯ แล้ววันนี้ก็มีปัญหาการบังคับใช้กฎหมายของอนุญาโตตุลาการ พอถึงเวเลาทที่กทม.จะเพลี่ยงพล้ำให้กับบริษัท สไตเออร์ฯแล้วต้องการมาขอมติครม. ซึ่งความเป็นจริงครม.ไม่ได้ว่าอะไร ด้านร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นี่ต้องชมเลยว่ากทม.เขาเข้าใจการเมือง เรื่องนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยไปแล้วว่า บางคนผิด บางคนไม่ผิด ถึงขั้นที่ต้องหลุดจากการเป็นผู้ว่าฯกทม.ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เราไม่ต้องไปทำอะไร
เรื่องนี้ครม.ไม่ควรจะมีความเห็นใด ๆ กทม.นี่ก็เหมือนกันเป็นอีกรัฐอิสระหนึ่ง ที่ไม่เคยขึ้นตรงกับรัฐบาลเลย แต่วันดีคืนดีพอจะเป็นจะตายขึ้นมาก็มาร้องหาให้รัฐบาลมาเป็นกันชน ซึ่งไม่ได้กินเราหรอก
เช่นเดียวกับที่นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม. กล่าวว่า ถูกต้องแล้วที่ท่านนายกฯและร.ต.อ.เฉลิม พูด ครม.ไปมีความเห็นไม่ได้ และครม.เราไม่มีความเห็น เพราะกทม.โยนเผือกร้อนมาใส่ครม. ซึ่งครม.ไม่ควรจะมีความเห็น และถึงมีความเห็นก็ไปมีความเห็นไม่ได้ เรื่องนี้ทางกระทรวงมหาดไทยเสนอเข้ามา ก็ให้กระทรวงมหาดไทยไปบอกกทม.ให้สู้คดีต่อไป แล้วถ้าเกิดจะมีผลทางกฎหมายหรืออนุญาโตตุลาการว่าอย่างไรก็ปฏิบัติตามนั้น ครม.ไม่สามารถมีความเห็นได้
ซึ่งนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย ได้แต่นั่งนิ่งเงียบไม่ได้ว่าอะไร ทั้งนี้นายกฯยังได้ถามย้ำว่าถ้าครม.ไม่มีความเห็นเรื่องนี้จะต้องถามความ เห็นจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาก่อนหรือไม่ว่าเราทำถูกต้องตามข้อกฎหมาย หรือเปล่า ซึ่งทั้งร.ต.อ.เฉลิม และเลขาธิการครม. กล่าวเหมือนกันว่า ไม่ต้อง เพราะไม่เกี่ยวกับเรา รัฐบาลไม่สามารถให้ความเห็นได้