ASTVผู้จัดการรายวัน-สภาผู้แทนราษฎณเปิดให้ชำแหละร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 55 รวม 3 วันรวด 4-6 ม.ค.นี้ เผยคมนาคมอู้ฟู่ รับเพิ่ม 7.5 พันล้านบาท ท่องเที่ยว 3.5 พันล้าน กองทัพได้เพิ่ม 1.4 พันล้าน ส่วนแรงงานโดนปรับลดสูงสุด 1 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 4-6 ม.ค.นี้ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยนิติบัญญัติ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 (พ.ร.บ.งบฯ) จำนวน 2,380,000 ล้านบาท ในวาระ 2 และ วาระ 3 หลังจากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2555 เสร็จแล้ว
ทั้งนี้ มีรายละเอียดที่น่าสนใจ คือ มีหน่วยงานที่ถูกพิจารณาปรับเพิ่มงบประมาณสูงสุด คือ งบประมาณของกระทรวงคมนาคม ได้รับการปรับเพิ่มงบประมาณ เป็น 88,852 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 81,310 ล้านบาท ได้รับการพิจารณาเพิ่มงบ ประมาณ 7,542 ล้านบาท
รองลงมา ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปรับงบเพิ่มเป็น 10,264 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 6,754 ล้านบาท ได้เพิ่ม 3,510 ล้านบาท , กระทรวงศึกษาธิการ ปรับเพิ่มงบเป็น 420,490 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 418,616 ล้านบาท ได้เพิ่ม 1,874 ล้านบาท, งบกลางในการควบคุมของกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ได้ปรับเพิ่ม เป็น422,211 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 420,601 ล้านบาท ได้เพิ่ม 1,610 ล้านบาท, กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ ได้รับการปรับเพิ่มงบเป็น 168,887 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 167,446 ล้านบาท ได้เพิ่ม 1,441 ล้านบาท โดยงบประมาณในส่วนของแผนงานเสริมสร้างระบบป้องกันประเทศของทุกเหล่าทัพ จะได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น เฉลี่ยกว่า 100 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานในกำกับ ปรับเพิ่มเป็น 285,254 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 283,875 ล้านบาท ได้เพิ่ม 1,379 ล้านบาท โดยเป็นการปรับเพิ่มในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมที่ดิน, กระทรวงการคลัง และหน่วยงานในกำกับ ได้รับการปรับเพิ่มงบเป็น 191,415 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 190,981 ล้านบาท ได้เพิ่ม 474 ล้านบาท รวมถึงหน่วยงานของรัฐสภา ปรับเพิ่มงบเป็น 6,257 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 5,829 ล้านบาท ได้เพิ่ม 428 ล้านบาท, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรับเพิ่มงบเป็น 25,584 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 24,611 ล้านบาท ได้เพิ่ม 973 ล้านบาท
สำหรับหน่วยงานที่ถูกพิจารณาปรับลดงบประมาณสูงสุด ได้แก่ กระทรวงแรงงาน ปรับลดงบเป็น 16,316 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 27,265 ล้านบาท ถูกลดงบประมาณลง 10,949 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปรับลดงบเป็น 76,721 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 77,993 ล้านบาท ถูกลด 1,272 ล้านบาท โดยมีส่วนงานที่ถูกปรับลดที่สำคัญ คือ แผนงานส่งเสริมการบริหาจัดการน้ำอย่างบูรณาการของสำนักปลัด ลดลง 1,281 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 1,363 ล้านบาท และกรมชลประทาน ปรับลดงบเป็น 42,919 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 43,297 ล้านบาท
กระทรวงสาธารณสุข ปรับลดงบเป็น 91,996 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 93,056 ล้านบาท ถูกลด 1,060 ล้านบาท , กระทรวงอุตสาหกรรม ปรับลดงบเป็น 5,737 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 6,297 ล้านบาท ถูกลด 560 ล้านบาท, กระทรวงยุติธรรม ปรับลดงบเป็น 17,946 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 18,204 ล้านบาท ถูกลด 258 ล้านบาท, กระทรวงวัฒนธรรม ปรับลดงบเป็น 5,467 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 5,690 ล้านบาท ถูกลด 223 ล้านบาท, กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปรับลดงบเป็น 8,052 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 8,222 ล้านบาท ถูกลด 170 ล้านบาท , กระทรวงการต่างประเทศ ปรับลดงบเป็น 7,598 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 7,733 ล้านบาท ถูกลด 135 ล้านบาท
นอกจากนั้น ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานในกำกับ ถูกปรับลดงบเป็น 22,123 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 22,485 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ คือ ส่วนของแผนงานส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปรับลดงบเป็น 126 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 526 ล้านบาท ถือว่าเป็นส่วนของแผนงาน 1 ใน 4 แผนงานที่ถูกปรับลดงบมากที่สุด , กรมประชาสัมพันธ์ ปรับลดเป็น 1,565 ล้านบาท จากที่เสนอขอ 1,608 ล้านบาท , สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปรับลดเป็น499 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 513 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายที่ใช้ในกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน กรรมาธิการฯ ได้ตัดส่วนของกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่เสนอของบจำนวน 270 ล้านบาทออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 4-6 ม.ค.นี้ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมัยนิติบัญญัติ เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 (พ.ร.บ.งบฯ) จำนวน 2,380,000 ล้านบาท ในวาระ 2 และ วาระ 3 หลังจากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2555 เสร็จแล้ว
ทั้งนี้ มีรายละเอียดที่น่าสนใจ คือ มีหน่วยงานที่ถูกพิจารณาปรับเพิ่มงบประมาณสูงสุด คือ งบประมาณของกระทรวงคมนาคม ได้รับการปรับเพิ่มงบประมาณ เป็น 88,852 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 81,310 ล้านบาท ได้รับการพิจารณาเพิ่มงบ ประมาณ 7,542 ล้านบาท
รองลงมา ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปรับงบเพิ่มเป็น 10,264 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 6,754 ล้านบาท ได้เพิ่ม 3,510 ล้านบาท , กระทรวงศึกษาธิการ ปรับเพิ่มงบเป็น 420,490 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 418,616 ล้านบาท ได้เพิ่ม 1,874 ล้านบาท, งบกลางในการควบคุมของกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ได้ปรับเพิ่ม เป็น422,211 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 420,601 ล้านบาท ได้เพิ่ม 1,610 ล้านบาท, กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ ได้รับการปรับเพิ่มงบเป็น 168,887 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 167,446 ล้านบาท ได้เพิ่ม 1,441 ล้านบาท โดยงบประมาณในส่วนของแผนงานเสริมสร้างระบบป้องกันประเทศของทุกเหล่าทัพ จะได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น เฉลี่ยกว่า 100 ล้านบาท
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานในกำกับ ปรับเพิ่มเป็น 285,254 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 283,875 ล้านบาท ได้เพิ่ม 1,379 ล้านบาท โดยเป็นการปรับเพิ่มในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมที่ดิน, กระทรวงการคลัง และหน่วยงานในกำกับ ได้รับการปรับเพิ่มงบเป็น 191,415 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 190,981 ล้านบาท ได้เพิ่ม 474 ล้านบาท รวมถึงหน่วยงานของรัฐสภา ปรับเพิ่มงบเป็น 6,257 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 5,829 ล้านบาท ได้เพิ่ม 428 ล้านบาท, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรับเพิ่มงบเป็น 25,584 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 24,611 ล้านบาท ได้เพิ่ม 973 ล้านบาท
สำหรับหน่วยงานที่ถูกพิจารณาปรับลดงบประมาณสูงสุด ได้แก่ กระทรวงแรงงาน ปรับลดงบเป็น 16,316 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 27,265 ล้านบาท ถูกลดงบประมาณลง 10,949 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปรับลดงบเป็น 76,721 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 77,993 ล้านบาท ถูกลด 1,272 ล้านบาท โดยมีส่วนงานที่ถูกปรับลดที่สำคัญ คือ แผนงานส่งเสริมการบริหาจัดการน้ำอย่างบูรณาการของสำนักปลัด ลดลง 1,281 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 1,363 ล้านบาท และกรมชลประทาน ปรับลดงบเป็น 42,919 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 43,297 ล้านบาท
กระทรวงสาธารณสุข ปรับลดงบเป็น 91,996 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 93,056 ล้านบาท ถูกลด 1,060 ล้านบาท , กระทรวงอุตสาหกรรม ปรับลดงบเป็น 5,737 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 6,297 ล้านบาท ถูกลด 560 ล้านบาท, กระทรวงยุติธรรม ปรับลดงบเป็น 17,946 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 18,204 ล้านบาท ถูกลด 258 ล้านบาท, กระทรวงวัฒนธรรม ปรับลดงบเป็น 5,467 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 5,690 ล้านบาท ถูกลด 223 ล้านบาท, กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปรับลดงบเป็น 8,052 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 8,222 ล้านบาท ถูกลด 170 ล้านบาท , กระทรวงการต่างประเทศ ปรับลดงบเป็น 7,598 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 7,733 ล้านบาท ถูกลด 135 ล้านบาท
นอกจากนั้น ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานในกำกับ ถูกปรับลดงบเป็น 22,123 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 22,485 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ คือ ส่วนของแผนงานส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปรับลดงบเป็น 126 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 526 ล้านบาท ถือว่าเป็นส่วนของแผนงาน 1 ใน 4 แผนงานที่ถูกปรับลดงบมากที่สุด , กรมประชาสัมพันธ์ ปรับลดเป็น 1,565 ล้านบาท จากที่เสนอขอ 1,608 ล้านบาท , สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปรับลดเป็น499 ล้านบาท จากเดิมที่เสนอขอ 513 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายที่ใช้ในกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน กรรมาธิการฯ ได้ตัดส่วนของกองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่เสนอของบจำนวน 270 ล้านบาทออกไป
