ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นักลงทุนมั่นใจสถานการณ์ท่องเที่ยวเมืองหาดใหญ่ในช่วงขาขึ้น พบมีการลงทุนในด้านธุรกิจโรงแรมนับพันล้านบาทในรอบปี นายกสมาคมฯ เผย เตรียมจ่อก่อสร้างในปีหน้าอีก 3 - 5 แห่ง ซึ่งจะมีห้องพักเพิ่มขึ้นราว 1,000-2,500 ห้องในอนาคต
ธุรกิจท่องเที่ยวเมืองหาดใหญ่เริ่มผงาดอีกครั้ง หลังฝ่ามรสุมเหตุก่อการร้ายที่ลุกลามจาก 3 จชต. มาร่วม 4 ปี ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวคึกคัก นับเป็นสัญญาณสำคัญ ที่ส่งผลให้ธุรกิจในภาคบริการและเศรษฐกิจของความเป็นศูนย์กลางภาคใต้ตอนล่างมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมในรอบปี 2554 พบการเปลี่ยนแปลงในแง่การลงทุนอย่างคึกคัก ด้วยเม็ดเงินลงทุนทั้งจากชาวไทยและต่างชาติเข้ามาในพื้นที่นับพันล้านบาท ทั้งการซื้อกิจการโรงแรม เจ.บี.หาดใหญ่ กว่า 400 ห้องจากธนาคารทหารไทยของกลุ่มหรรษา ในนาม บริษัท หรรษาพลาซ่า จำกัด ด้วยวงเงินชนะการประมูล 700 ล้านบาท และงบประมาณในการปรับปรุงทั้งภายในและภายนอกอีก 200-300 ล้านบาท
แม้จะมีการยื้อยุดฉุดรั้งกับผู้เช่าดำเนินกิจการรายเก่าของธนาคารทหารไทยก็ตาม แต่คลี่คลายจนเปิดบริการอย่างเป็นทางการในนาม โรงแรมหรรษา เจ.บี. เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 54 โดยเน้นการแชร์สัดส่วนการจัดเลี้ยงและสัมมนาให้เป็นรายได้หลัก และทยอยปรับรูปโฉมภายนอกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นสยามสแควร์ของเมืองหาดใหญ่ ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ล้อมรอบด้วยสำนักงานให้เช่าที่มีอย่างหลากหลาย ทั้งด้านการเงิน เวดดิ้งสตูดิโอ และสถาบันกวดวิชาชื่อดังนั้น ก็คงไม่ยากนักอย่างแน่นอน
ส่วนโรงแรมมณเฑียร หาดใหญ่ ตั้งอยู่ ถ.นิพัทธ์อุทิศ 1 ซึ่งถูกธนาคารยึดในห้วงเวลาเดียวกับวิกฤตการณ์ที่เคยขึ้นกับโรงแรม เจ.บี.หาดใหญ่ ล่าสุดกลุ่มนักลงทุนในเครือโรงแรมโกลเด้นคราวน์ก็เข้ามาเจรจาเช่าดำเนินกิจการต่อนาน 30 ปี เพื่อปรับปรุงให้มีความทันสมัย โดยมีห้องพัก 160 ห้อง
เช่นเดียวกับกลุ่มทุนของสายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งมีทั้งคนไทย มาเลเซีย ที่มั่นใจศักยภาพของเมืองหาดใหญ่ในขณะนี้ นำร่องกิจการโรงแรมแห่งแรกของประเทศไทยด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัย ถูก และปลอดภัย ในนาม “ทูล โฮเต็ล” โดยทำสัญญาเช่าโรงแรมนิวเวิร์ล ซึ่งตั้งอยู่บน ถ.นิพัทธ์อุทิศ 2 นาน 30 ปี และเปิดบริการตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.54 ซึ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวมาเลเซียเป็นหลัก ก่อนจะขยายไปยังพัทยา ภูเก็ต และกรุงเทพฯ ในปี 2555 โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งหมดร่วม 600 ล้านบาท
ส่วนโรงแรมโนโวเทลเซ็นทารา หาดใหญ่ ได้รีแบรนด์พลิกโฉมใหม่ส่งท้ายปี 2554 เป็น “โรงแรมเซ็นทารา หาดใหญ่” เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 55 ภายหลังสิ้นสุดสัญญาแฟรนไชส์พันธมิตรทางธุรกิจกว่า 20 ปี พร้อมกับโรงแรมในเครืออีก 2 แห่ง คือที่กรุงเทพฯ และหัวหิน โดยมีการปรับปรุงการตกแต่งภายในและเฟอร์นิเจอร์ขนานใหญ่ ทั้งห้องพัก ห้องประชุมสัมมนา สปา สระว่ายน้ำ รวมถึงการบริการด้านอาหารให้มีความหลากหลายเพื่อลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ
นายสมชาติ พิมพ์ธนะพูนพร นายกสมาคมธุรกิจโรงแรมหาดใหญ่ - สงขลา กล่าวยอมรับว่า ภาวการณ์ท่องเที่ยวของเมืองหาดใหญ่เริ่มดีขึ้นตั้งแต่ปี 2552 ทำให้สายการบินทยอยเปิดเที่ยวบินเชื่อมโยงระหว่างภายในประเทศ และต่างประเทศ เช่น สายการบินไทเกอร์แอร์ได้เพิ่มเที่ยวบินอีกสัปดาห์ละ 2 เที่ยว เพื่อรองรับการเชื่อมต่อระหว่างสิงคโปร์-หาดใหญ่
สิ่งเหล่านี้ล้วนเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับคืนมา จนกระทั่งกลุ่มนักลงทุนกล้าที่จะลงทุนด้านห้องพัก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจองเต็มจนล้นทะลักในห้วงเทศกาลการท่องเที่ยวซึ่งจัดให้มีขึ้นตลอดทั้งปี ทำให้ห้องพักใน อ.หาดใหญ่ และเมืองสงขลาที่มีเกือบ 13,000 ห้อง ไม่เพียงพอต่อความต้องการโดยขณะนี้มีการเตรียมขยายและก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่อีก 3-5 แห่ง โดยอยู่ระหว่างการยื่นแบบและรออนุมัติผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และอาจจะกระตุ้นให้มีการหันมาปรับปรุงโรงแรมที่เคยปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เช่น โรงแรมเอ็มเพอเร่อร์ให้กลับมาเปิดบริการอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้
“ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครๆ ก็อยากลงทุนสร้างโรงแรมใหม่ทั้งนั้น ปี 2555 มีโรงแรมก่อสร้างและขยายหลายแห่งแน่นอน หลังจากที่แบบแปลนผ่านการอนุมัติ เช่น กลุ่มโรงเรียนสุวรรณวงศ์กำลังลงทุนสร้างโรงแรมใหม่ในย่านคลองเรียน ส่วนกลุ่มโรงแรมซากุระก็เทกโอเวอร์โรงแรมพิมานที่ถนน 30 เมตร เนื้อที่ 7 ไร่ ซึ่งมีทำเลดีมาก ที่จอดรถสะดวก น้ำท่วมน้อยกว่ากลางเมือง โดยก่อสร้างโรงแรมใหม่อีกเกือบ 500 ห้อง ส่วนโรงแรมนิวซีซั่นนั้นก็จะสร้างตึกขยายเพิ่มในด้านหลัง คาดว่าโดยรวมแล้วปลายปี 2555 หรือคาบเกี่ยวต้นปี 2556 จะเปิดบริการได้” นายสมชาติ กล่าวต่อและว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้จะมีแนวโน้มว่าห้องพักกำลังจะเพิ่มขึ้นในอีก 1-2 ปีข้างหน้าราว 1,000 2,500 ห้อง แต่หากไม่มีสถานการณ์ความไม่สงบ หรือน้ำท่วมเกิดขึ้นแล้ว ห้องพักที่มีจำนวนมากนั้นยังเป็นที่ต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน และสถานการณ์การแข่งขันด้านราคานั้นยังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นมามีการปรับราคาโรงแรมและการบริการขึ้นอย่างต่ำ 10% .เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และระดับราคาของเมืองหาดใหญ่ถือว่ายังต่ำกว่าหัวเมืองท่องเที่ยวอื่นของประเทศ
นายกสมาคมธุรกิจโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา กล่าวเสริมอีกว่า การท่องเที่ยวของเมืองหาดใหญ่จะมีความยั่งยืนรักษาระดับความคึกคักเช่นนี้ได้นานเท่าไหร่นั้น ยังขึ้นอยู่กับความมั่นคงปลอดภัยจากเหตุก่อการร้าย และการป้องกันน้ำท่วมเมือง ซึ่งหวังว่าทุกฝ่ายจะร่วมกันดำเนินแผนป้องกันอุทกภัยให้เต็มระบบ และยังคาดหวังถึงการขยายประตูสู่เมืองหาดใหญ่ ทั้งในโครงการด่านสะเดา เส้นทางมอเตอร์เวย์ ซึ่งเป็นด่านแรกที่จะนำนักท่องเที่ยวมาสู่เมืองหาดใหญ่และจังหวัดใกล้เคียงนั่นเอง