ASTVผู้จัดการรายวัน -กลุ่มครูในนครปฐม รวมกลุ่มเดินหน้าถกปัญหาภาพคลิป สาวนักเรียนชั้น ม.ต้น ใจถึงยืนบนเก้าอี้กลางห้องเรียนเผยทรวดทรงแค่ยกทรงและกางเกงขาสั้น เต้นยั่วโชว์เพื่อนร่วมชั้นเรียนว่อนเน๊ต วอนอย่าคิดตัดสินลงโทษเด็ก แต่ควรให้บ้านและโรงเรียน ร่วมมือจับตาดูพฤติกรรมเด็ก พร้อมยอมรับครูเครียดภาพข่าวที่เกิดขึ้นไม่กลัวผิดแต่สลดใจ พร้อมเดินหน้าช่วยแก้ปัญหาและทุกภาคส่วนต้องช่วยกันแก้ไขและป้องกัน
วานนี้ (30 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความเคลื่อนไหวในการติดตามข่าวภาพของนักเรียนสาวชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ได้แสดงพฤติกรรมใจกล้าเกินวัยก้าวขึ้นเก้าอี้เต้นท่ายั่วยวนแบบสาวโคโนตี้ พร้อมถอดกระโปรงเหลือเพียงกางเกงขาสั้นและถอดเสื้อนักเรียนเผยให้เห็นยกทรง โดยมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนหลายสิบคนล้มวงยืนดูพร้อมถ่ายคลิบวีดิโอกันอย่างสนุกสนาน และได้ถูกโพสต์ไว้ในเว็บไซด์ในเครือข่าว “ยูทูป”เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ซี่งหลังจากนั้น ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ) ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ครูประจำชั้นและผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะที่ปล่อยละเลยนักเรียนให้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ต่อมาได้มีการติดตามข่าวว่าภาพดังกล่าวเป็นสถานศึกษาใดและจังหวัดใด โดยเมื่อสืบค้นได้พบว่าต้นตอของข่าวได้ถูกเปิดประเด็นที่จังหวัดนครปฐม แต่ในเนื้อข่าวไม่ได้มีการระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งน่าจะมีสื่อมวลชนบางเล่มบางฉบับ หรือบางช่องไปพบต้นตอข่าวว่าน่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ทำให้นายนิมิต จันทร์วิมล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้สั่งการให้หน่วยงานทางการศึกษาในจังหวัดนครปฐม เร่งติดตามว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครปฐม หรือไม่หากพบให้เร่งดำเนินการในการติดตามแก้ไขปัญหาด่วนและไม่ยอมให้มีเหตุการณ์แบบนี้ในจังหวัดนครปฐมเด็ดขาด โดยสั่งการด่วนในวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา
ต่อมาวันนี้ นายทวีพล แพเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐมเขต 1 ในฐานะผู้ประสานงาน ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตั้งแต่เมื่อวานตลอดทั้งวันได้มีการติดตามเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนและประสานงานกับนายสมเกียรติ สรรคพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐมเขต 9 (สุพรรณบุรี-นครปฐม) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลโดยตรงแต่สำนักงานตั้งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้ช่วยกันเร่งสอบสวนโดยมีการตั้งคณะกรรมการและทีมงานเฉพาะกิจเข้ามาตรวจสอบในส่วนโรงเรียนต่างๆ ซึ่งในจังหวัดนครปฐม เขต 9 มีโรงเรียนมัธยม 29 แห่ง โรงเรียนขยายโอกาส เขต 1 จำนวน 19 แห่ง เขต 2 จำนวน 27 แห่ง ซึ่งผู้บริหารทุกแห่งได้ตรวจสอบตลอดทั้งวันและข้ามคืนมาจนวันนี้พบว่าเป็นที่แน่นอนว่า ไม่ใช่เหตุที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครปฐมแน่นอนทั้งเครื่องแต่งกาย รวมถึงสถานที่
จากนั้นล่าสุดยังได้ตรวจสอบไปถึงยังเก้าอี้แบบที่เรียกว่า โต๊ะแร็กเชอร์ ยิ่งยืนยันได้ว่าไม่ใช่จังหวัดนครปฐม เพราะโต๊ะเก้าอี้แบบนี้ไม่มีในจังหวัดนครปฐม ทุกโรงเรียน และได้รายงานความชัดเจนไปยังผู้บังคับบัญชาให้ทราบแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้หยุดดำเนินการในเรื่องนี้ โดยยังได้พยายามสืบค้นข้อมูลในการติดตามเรื่องดังกล่าว แต่ไม่ใช่ค้นหาคนผิด แต่ได้เร่งในการประสานงานเพื่อแก้ไขในเรื่องดังกล่าวไม่ว่าจะเกิดในที่สถาบันใด
นายทวีพล แพเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐมเขต 1 กล่าวว่า หลังจากเกิดข่าวดังกล่าวขึ้น ได้มีการเดินทางเข้าพบและประชุมกับผู้บริหารโรงเรียนต่างๆ พบว่าเมื่อช่วงเย็นวานทุกคนมีใบหน้าเครียดและไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะคนที่มีวิญญาณความเป็นครูนั้นยอมรับว่าหดหู่กับภาพที่ปรากฏและครูทุกคนไม่อยากให้เกิดเรื่องเหล่านี้
ที่สำคัญต้องให้สื่อเข้าใจว่าวันนี้อย่าทำร้ายเด็กและอย่าเพิ่งตำหนิเด็ก เด็กที่ดูในภาพน่าจะเป็นในระดับมัธยมต้นความคิดการตัดสินยังมีวุฒิภาวะน้อยนัก แต่เรื่องนี้พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ควรจะหันหน้ามาร่วมมือกับครูในโรงเรียนอย่างจริงจังได้แล้ว เพราะวันนี้พฤติกรรมเค้าก้าวหน้าไปไกลกว่าที่เราคิดและเรื่องนี้สังคมทุกส่วนต้องร่วมมือกัน วันนี้จึงไม่ใช่การติดตาม หรือตามหาตัวเด็กมาลงโทษเพียงอย่างเดียว และยังห่วงในเรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก โดยในความเป็นครูที่เป็นครูด้วยจิตวิญญาณนั้นทุกคนเป็นทุกข์ ดูจากที่ได้มีการประชุมกันนอกรอบทุกคนมีใบหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน
ฉะนั้น เรื่องนี้ไม่ควรปล่อยให้เป็นไฟไหม้ฟางแต่ควรแก้อย่างเป็นระบบเพื่อสร้างอนาคตให้เยาวชนได้เดินอย่างถูกทาง เพราะส่วนตัวไม่เคยกลัวการโยกย้าย ทำงานรับราชการกว่า 38 ปี มีการย้ายมาถึง 22 ครั้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ข้าราชการจะมีการโยกย้าย แต่ตนเองคิดว่าการศึกษาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครูต้องมีเอกภาพในการทำงาน หากทำงานตรงไหนแล้วไม่เข้าตาผู้บริหารก็พร้อมถูกพิจารณาแต่หลักการโดยรวมต้องคงไว้ และเรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งในการหามุมมองให้การศึกษาของเราด้วย ในส่วนตัวหากเป็นเหตุที่เกิดในจังหวัดนครปฐมตนเองก็พร้อมรับผิดชอบแต่ผลที่ได้ต้องเกิดประโยชน์กับเด็กเพราะครูเป็นผู้มีหน้าที่ให้การศึกษาและอนาคตกับเด็ก
ขณะเดียวกัน สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาจังหวัดนครปฐม ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้บริหารโรงเรียน 29 โรง ได้เตรียมนำเรื่องดังกล่าวมาเปิดประเด็นในการช่วยพัฒนาในการทำให้ครูเข้าถึงเด็กนักเรียนในจังหวัดนครปฐม ให้ได้มากขึ้นและประสานงานในการทำงานของครูให้ทำงานได้อย่างคล่องตัวในด้านการศึกษา แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ได้เกิดในจังหวัดนครปฐมและยังไม่ทราบว่าเกิดขึ้นที่ใด แต่นี่คืออีกหนึ่งบทเรียนของสังคมที่ต้องมีการเดินหน้าแก้ไขและปรับพฤติกรรมเด็กนักเรียนอย่างชัดเจนเพราะปัจจุบันแม้พ่อแม่ผู้ปกครองยังไม่สามารถเข้าถึงบุตรหลานได้อย่างลึกซึ้งและหวังให้โรงเรียนเป็นที่พึ่งแต่เด็กเองก็มีเสรีภาพในการติดตามสื่อได้ตลอดเวลาหลายช่องทางเกินกว่าที่ผู้ใหญ่จะติดตามได้ทัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสดังกล่าวผู้คร่ำหวอดในวงการศึกษาได้มองว่าหากจะหาต้นตอที่แท้จริงของภาพนั้นก็สามารถทำได้ไม่ยาก โดยต้องประสานงานไปยัง เว๊บไซด์ หรือกระทรวงไอซีที เพื่อหาต้นตอของคนที่โพสต์ภาพขึ้นมา เพราะคนที่โพสต์มานั้นค่อนข้างจะระวังตัว เนื่องจากมีการตัดเสียงในคลิปออกเพื่อไม่ให้ได้ยินว่าในห้องนั้นมีใครพูดจาอะไรกันบ้าง และเชื่อว่าไม่นานกลุ่มคนที่อยู่ในวงสังคมของโรงเรียนที่เกิดเหตุจะมีการรั่วไหลของข้อมูลแน่นอน ซึ่งยังได้ย้ำว่า การติดตามไม่ได้หมายถึงการนำเด็กมาลงโทษ แต่หมายถึงการนำเรื่องดังกล่าวมาแก้ปัญหาให้กับนักเรียนและนักศึกษาในทุกระดับเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้ขึ้นอีก
ทั้งนี้ ยังพบว่าการทำงานด้านการศึกษาของจังหวัดนครปฐม อาจจะดูไม่คล่องตัวเนื่องจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐมเขต 9 ได้ถูกโยกย้ายไปตั้งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี การประสานงานและดำเนินการในการบริหารงานอาจจะไม่คล่องตัวเหมือนที่เคยตั้งเขตการศึกษาแบบจังหวัดนั้นๆ แบบเดิม ซึ่งทำให้คณะทีมบริหารทำงานได้คล่องตัวกว่าเนื่องจากทราบพื้นที่และมีข้อมูลที่ชัดเจน
วานนี้ (30 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ติดตามความเคลื่อนไหวในการติดตามข่าวภาพของนักเรียนสาวชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ได้แสดงพฤติกรรมใจกล้าเกินวัยก้าวขึ้นเก้าอี้เต้นท่ายั่วยวนแบบสาวโคโนตี้ พร้อมถอดกระโปรงเหลือเพียงกางเกงขาสั้นและถอดเสื้อนักเรียนเผยให้เห็นยกทรง โดยมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนหลายสิบคนล้มวงยืนดูพร้อมถ่ายคลิบวีดิโอกันอย่างสนุกสนาน และได้ถูกโพสต์ไว้ในเว็บไซด์ในเครือข่าว “ยูทูป”เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ซี่งหลังจากนั้น ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ) ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ครูประจำชั้นและผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในฐานะที่ปล่อยละเลยนักเรียนให้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ต่อมาได้มีการติดตามข่าวว่าภาพดังกล่าวเป็นสถานศึกษาใดและจังหวัดใด โดยเมื่อสืบค้นได้พบว่าต้นตอของข่าวได้ถูกเปิดประเด็นที่จังหวัดนครปฐม แต่ในเนื้อข่าวไม่ได้มีการระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งน่าจะมีสื่อมวลชนบางเล่มบางฉบับ หรือบางช่องไปพบต้นตอข่าวว่าน่าจะเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ทำให้นายนิมิต จันทร์วิมล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้สั่งการให้หน่วยงานทางการศึกษาในจังหวัดนครปฐม เร่งติดตามว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครปฐม หรือไม่หากพบให้เร่งดำเนินการในการติดตามแก้ไขปัญหาด่วนและไม่ยอมให้มีเหตุการณ์แบบนี้ในจังหวัดนครปฐมเด็ดขาด โดยสั่งการด่วนในวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา
ต่อมาวันนี้ นายทวีพล แพเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐมเขต 1 ในฐานะผู้ประสานงาน ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตั้งแต่เมื่อวานตลอดทั้งวันได้มีการติดตามเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนและประสานงานกับนายสมเกียรติ สรรคพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐมเขต 9 (สุพรรณบุรี-นครปฐม) ซึ่งมีหน้าที่ดูแลโดยตรงแต่สำนักงานตั้งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้ช่วยกันเร่งสอบสวนโดยมีการตั้งคณะกรรมการและทีมงานเฉพาะกิจเข้ามาตรวจสอบในส่วนโรงเรียนต่างๆ ซึ่งในจังหวัดนครปฐม เขต 9 มีโรงเรียนมัธยม 29 แห่ง โรงเรียนขยายโอกาส เขต 1 จำนวน 19 แห่ง เขต 2 จำนวน 27 แห่ง ซึ่งผู้บริหารทุกแห่งได้ตรวจสอบตลอดทั้งวันและข้ามคืนมาจนวันนี้พบว่าเป็นที่แน่นอนว่า ไม่ใช่เหตุที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครปฐมแน่นอนทั้งเครื่องแต่งกาย รวมถึงสถานที่
จากนั้นล่าสุดยังได้ตรวจสอบไปถึงยังเก้าอี้แบบที่เรียกว่า โต๊ะแร็กเชอร์ ยิ่งยืนยันได้ว่าไม่ใช่จังหวัดนครปฐม เพราะโต๊ะเก้าอี้แบบนี้ไม่มีในจังหวัดนครปฐม ทุกโรงเรียน และได้รายงานความชัดเจนไปยังผู้บังคับบัญชาให้ทราบแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้หยุดดำเนินการในเรื่องนี้ โดยยังได้พยายามสืบค้นข้อมูลในการติดตามเรื่องดังกล่าว แต่ไม่ใช่ค้นหาคนผิด แต่ได้เร่งในการประสานงานเพื่อแก้ไขในเรื่องดังกล่าวไม่ว่าจะเกิดในที่สถาบันใด
นายทวีพล แพเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐมเขต 1 กล่าวว่า หลังจากเกิดข่าวดังกล่าวขึ้น ได้มีการเดินทางเข้าพบและประชุมกับผู้บริหารโรงเรียนต่างๆ พบว่าเมื่อช่วงเย็นวานทุกคนมีใบหน้าเครียดและไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะคนที่มีวิญญาณความเป็นครูนั้นยอมรับว่าหดหู่กับภาพที่ปรากฏและครูทุกคนไม่อยากให้เกิดเรื่องเหล่านี้
ที่สำคัญต้องให้สื่อเข้าใจว่าวันนี้อย่าทำร้ายเด็กและอย่าเพิ่งตำหนิเด็ก เด็กที่ดูในภาพน่าจะเป็นในระดับมัธยมต้นความคิดการตัดสินยังมีวุฒิภาวะน้อยนัก แต่เรื่องนี้พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ควรจะหันหน้ามาร่วมมือกับครูในโรงเรียนอย่างจริงจังได้แล้ว เพราะวันนี้พฤติกรรมเค้าก้าวหน้าไปไกลกว่าที่เราคิดและเรื่องนี้สังคมทุกส่วนต้องร่วมมือกัน วันนี้จึงไม่ใช่การติดตาม หรือตามหาตัวเด็กมาลงโทษเพียงอย่างเดียว และยังห่วงในเรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก โดยในความเป็นครูที่เป็นครูด้วยจิตวิญญาณนั้นทุกคนเป็นทุกข์ ดูจากที่ได้มีการประชุมกันนอกรอบทุกคนมีใบหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน
ฉะนั้น เรื่องนี้ไม่ควรปล่อยให้เป็นไฟไหม้ฟางแต่ควรแก้อย่างเป็นระบบเพื่อสร้างอนาคตให้เยาวชนได้เดินอย่างถูกทาง เพราะส่วนตัวไม่เคยกลัวการโยกย้าย ทำงานรับราชการกว่า 38 ปี มีการย้ายมาถึง 22 ครั้ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ข้าราชการจะมีการโยกย้าย แต่ตนเองคิดว่าการศึกษาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครูต้องมีเอกภาพในการทำงาน หากทำงานตรงไหนแล้วไม่เข้าตาผู้บริหารก็พร้อมถูกพิจารณาแต่หลักการโดยรวมต้องคงไว้ และเรื่องนี้จะเป็นอีกหนึ่งในการหามุมมองให้การศึกษาของเราด้วย ในส่วนตัวหากเป็นเหตุที่เกิดในจังหวัดนครปฐมตนเองก็พร้อมรับผิดชอบแต่ผลที่ได้ต้องเกิดประโยชน์กับเด็กเพราะครูเป็นผู้มีหน้าที่ให้การศึกษาและอนาคตกับเด็ก
ขณะเดียวกัน สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาจังหวัดนครปฐม ซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้บริหารโรงเรียน 29 โรง ได้เตรียมนำเรื่องดังกล่าวมาเปิดประเด็นในการช่วยพัฒนาในการทำให้ครูเข้าถึงเด็กนักเรียนในจังหวัดนครปฐม ให้ได้มากขึ้นและประสานงานในการทำงานของครูให้ทำงานได้อย่างคล่องตัวในด้านการศึกษา แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ได้เกิดในจังหวัดนครปฐมและยังไม่ทราบว่าเกิดขึ้นที่ใด แต่นี่คืออีกหนึ่งบทเรียนของสังคมที่ต้องมีการเดินหน้าแก้ไขและปรับพฤติกรรมเด็กนักเรียนอย่างชัดเจนเพราะปัจจุบันแม้พ่อแม่ผู้ปกครองยังไม่สามารถเข้าถึงบุตรหลานได้อย่างลึกซึ้งและหวังให้โรงเรียนเป็นที่พึ่งแต่เด็กเองก็มีเสรีภาพในการติดตามสื่อได้ตลอดเวลาหลายช่องทางเกินกว่าที่ผู้ใหญ่จะติดตามได้ทัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกระแสดังกล่าวผู้คร่ำหวอดในวงการศึกษาได้มองว่าหากจะหาต้นตอที่แท้จริงของภาพนั้นก็สามารถทำได้ไม่ยาก โดยต้องประสานงานไปยัง เว๊บไซด์ หรือกระทรวงไอซีที เพื่อหาต้นตอของคนที่โพสต์ภาพขึ้นมา เพราะคนที่โพสต์มานั้นค่อนข้างจะระวังตัว เนื่องจากมีการตัดเสียงในคลิปออกเพื่อไม่ให้ได้ยินว่าในห้องนั้นมีใครพูดจาอะไรกันบ้าง และเชื่อว่าไม่นานกลุ่มคนที่อยู่ในวงสังคมของโรงเรียนที่เกิดเหตุจะมีการรั่วไหลของข้อมูลแน่นอน ซึ่งยังได้ย้ำว่า การติดตามไม่ได้หมายถึงการนำเด็กมาลงโทษ แต่หมายถึงการนำเรื่องดังกล่าวมาแก้ปัญหาให้กับนักเรียนและนักศึกษาในทุกระดับเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้ขึ้นอีก
ทั้งนี้ ยังพบว่าการทำงานด้านการศึกษาของจังหวัดนครปฐม อาจจะดูไม่คล่องตัวเนื่องจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐมเขต 9 ได้ถูกโยกย้ายไปตั้งอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี การประสานงานและดำเนินการในการบริหารงานอาจจะไม่คล่องตัวเหมือนที่เคยตั้งเขตการศึกษาแบบจังหวัดนั้นๆ แบบเดิม ซึ่งทำให้คณะทีมบริหารทำงานได้คล่องตัวกว่าเนื่องจากทราบพื้นที่และมีข้อมูลที่ชัดเจน