ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ยังคงเป็นประเด็นที่ร้อนแรงไม่หยุดทีเดียว สำหรับ “คำทำนายของ ด.ช.ปลาบู่” หรือ “ด.ช.สุทัศน์ คำสี” ที่พยากรณ์ถึงโศกนาฏกรรมที่จะเกิดขึ้นในคืนวันปีใหม่ 2555 ว่า เขื่อนในจังหวัดตาก ซึ่งก็คือ “เขื่อนภูมิพล” จะถึงกัลปาวสาน กระทั่งส่งผลทำให้ “สำนักสงฆ์ลับแล” ซึ่งเป็นที่อยู่ของ “นายทองใบ คำสี” พ่อของ ด.ช.ปลาบู่เนืองแน่นไปด้วยประชาชนจากทั่วทุกสารทิศที่เดินทางมาดูข้อความคำทำนายที่ผู้เป็นพ่อเขียนไว้ในตอนที่ปลาบู่ได้เล่า และยังมีชีวิตอยู่ให้ฟังอย่างไม่ขาดสาย รวมทั้งมาดูภาพเขียนและภาพถ่ายของ ด.ช.ปลาบู่ว่ามีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่า มีประชาชนและผู้มีจิตศรัทธานำสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ทีวี ตู้เย็น ที่นอน มาบริจาคให้กับสำนักสงฆ์ และนายทองใบ บิดาของ ด.ช.ปลาบู่ เป็นจำนวนมากอีกด้วย
และผลพวงจากคำทำนายของ ด.ช.ปลาบู่ยังก่อให้เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อหน่วยงานและองค์กรที่รับผิดชอบดูแลเขื่อนภูมิพลอย่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) รวมทั้งจังหวัดตาก ซึ่งเป็นที่ตั้งของเขื่อนไปพร้อมๆ กัน จนต้องมีการจัดแถลงข่าวและจัดงานขึ้นที่เขื่อนภูมิพลเพื่อรับประกันความมั่นใจให้กับประชาชนที่อยู่ใต้เขื่อน
ก่อนหน้าที่นายสามารถ ลอยฟ้า ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก จะถูกเด้งเข้ากรุเพียงแค่ 1 วัน จังหวัดตากได้จัดให้มีการแถลงข่าว โดยนายสามารถยอมรับว่า หลังเกิดข่าวลือเรื่อง ด.ช.ปลาบู่ที่ทำนายไว้เมื่อ 38 ปีก่อนว่า เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก จะแตกในวันขึ้นปีใหม่ 2555 ซึ่งได้สร้างความตกอกตกใจ อกสั่น ขวัญแขวน ให้แก่ประชาชนในจังหวัดตาก และจังหวัดใกล้เคียงที่อยู่ใต้เขื่อนลงไป ดังนั้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสสยบข่าวลือจากคำทำนาย จังหวัดตากจึงได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก (อบจ.) และเขื่อนภูมิพล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กำหนดจัดงาน TAK COUNT DOWN ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2555 ในวันที่ 31 ธ.ค.2554 ตั้งแต่เวลา 19.00 น.เป็นต้นไป จนถึงรุ่งเช้าวันขึ้นปีใหม่ 1 ม.ค.2555 ณ บริเวณบนสันเขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงา
ทั้งนี้ กิจกรรมในงาน จะมีทั้งการแสดงดนตรี สลับกับการแสดงของชนเผ่า เช่น ระบำเกลียวเชือก ระบำเที่ยวเมืองตาก การแสดงนักเรียนโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ตาก โรงเรียนในอำเภอสามเงา โรงเรียนในบ้านตาก เป็นต้น โดยจะมีการประดับไฟแสงสีบนสันเขื่อนฯ และแพท่องเที่ยวในเขื่อนภูมิพลอย่างสวยงาม และเมื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2555 จะมีการจุดพลุ แสงสี เสียง ที่สวยงามเต็มท้องฟ้า และไฟน้ำตกข้อความสวัสดีปีใหม่ นอกจากนี้ ผู้ไปร่วมงานจะได้ร่วมลุ้นรางวัลใหญ่ อีกมากมายด้วย
ขณะที่ในส่วนของนายทองใบ ผู้เป็นพ่อนั้น หลังจากคำทำนายของ ด.ช.ปลาบู่แพร่สะพัดออกไป ก็ยังคงยืนยันกับประชาชนที่แห่แหนกันมาที่บ้านเหมือนเดิมว่า ในปี 2555 จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก โดยจะโดนทั้งไทย พม่า และกรุงเทพมหานครจมดินจมน้ำ เขื่อนจังหวัดตาก ก็จะพังในเวลายามสองในคืนปีใหม่คนไทยฉลองกันสนุกสนาน จะเกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย ในยามสอง คือ ประมาณเวลา 22.00 -24.00 น.
แต่ทั้งนี้นายทองใบได้ออกตัวอย่างแรงเช่นกันว่า เด็กชายปลาบู่ ไม่ได้บอกว่าจะเกิดขึ้นปีใหม่ของไทย หรือสากล แต่มั่นใจว่า จะเกิดปี 2555 นี้อย่างแน่นอน
ที่สำคัญคือ แม้ตัวแทนรัฐบาล หรือฝ่ายข้าราชการจะไม่เชื่อคำทำนายของ ด.ช.ปลาบู่ก็ตาม แต่นายทองใบประกาศชัดเจนว่า ไม่เชื่อก็ตามใจ แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน แต่ได้ฝากเตือนขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ควรที่จะออกมาอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย เพราะเหตุจะเกิดภายใน 3 ชั่วโมงเท่านั้น
นอกจากนั้น นายทองใบยังให้ข้อมูลด้วยว่า ขณะนี้มีประชาชนจากทุกสารทิศติดต่อที่จะเข้ามาอยู่ที่สำนักสงฆ์ลับแลในคืนตั้งวันที่ 29-31 ธันวาคม 2554 นี้กันเป็นจำนวนมากแล้ว และคาดว่าจะมีประชาชนหลั่งไหลเดินทางมาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้จนล้นหลามอีกด้วย
เฉกเช่นเดียวกับนางสุริยา ยั่งยืน ชาวบ้านที่เดินทางมาดูเด็กชายปลาบู่ กล่าวว่า ตนเองเชื่อในคำทำนายของเด็กชายปลาบู่ ที่บอกว่าปลายปีนี้จะเกิดเขื่อนพัง เพราะเป็นเรื่องจริงที่เด็กชายปลาบู่ ได้ทำนายออกมาถูกเกือบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเกิดสึนามิ เกิดน้ำท่วมใหญ่ เครื่องบินชนตึก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ใครไม่เชื่อแต่ตนเองเชื่ออย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากที่บ้านของนายทองใบที่มีผู้คนพากันแห่แหนมาฟังคำทำนายแล้ว ที่เขื่อนภูมิพลก็เกิดปรากฏการณ์ตื่นคำทำนายของ ด.ช.ปลาบู่เกิดขึ้นตามมาเป็นระลอกเช่นกัน กล่าวคือหลังจากที่มีข่าวแพร่สะพัดทางอินเทอร์เน็ตว่า มีเต่าจำนวนนับพันตัวหนีขึ้นจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลไปอยู่บนภูเขาสูง ส่งผลทำให้ชาวบ้านเกิดความแตกตื่นและเชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นกับเขื่อนภูมิพลตามที่ ด.ช.ปลาบู่ทำนายไว้ว่า เขื่อนจะแตกในคืนวันขึ้นปีใหม่
ขณะเดียวกันประชาชนจำนวนไม่น้อยทั้งในจังหวัดตากและจังหวัดใกล้เคียงต่างพากันเดินทางมาพิสูจน์ความจริงที่เขื่อนภูมิพลเมื่อวันที่ 28 ธันวาคมเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เนื่องเพราะไม่พบเต่าแม้แต่ตัวเดียวหรือไม่เห็นแม้กระทั่งรอยเท้าเต่าอย่างที่เป็นข่าว พบเพียงฝูงปลาบึกจำนวนว่ายน้ำมาออกันอยู่บริเวณหน้าสันเขื่อนนับเป็นพันๆ ตัว
ทั้งนี้ เจ้าของเรือนแพที่ให้บริการนักท่องเที่ยวให้ข้อมูลว่า เป็นประจำทุกปีของเดือนธันวาคม ปลาบึกและเต่าจะหนีความหนาวเย็นขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำเพื่อรับไออุ่นจากแสงแดด โดยเฉพาะบรรดาเต่าที่หนีมาพึ่งแดดตามบริเวณโขดหิน และจับคู่ผสมพันธุ์ จากนั้นอีก 3 เดือนคือระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายนจะขึ้นมาอีกครั้งเพื่อวางไขตามชายหาด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ชาวบ้านเห็นจนชินตา ไม่ใช่ลางบอกเหตุแต่อย่างใด
สำหรับในทางวิชาการนั้น รศ.ดร.ปัญญาจารุศิริ' หัวหน้าหน่วยวิจัยธรณีวิทยาแผ่นดินไหว คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้ว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และไม่มีหลักฐานทางวิชาการรองรับ คนไทยมักจะเชื่อคำทำนายต่างๆ อยู่แล้วเลยจับมาโยงกัน ซึ่งแม้รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์จะเป็นรอยเลื่อนที่ยังมีพลัง และในทางธรณีวิทยาจะยังไม่มีเครื่องมือที่สามารถคำนวณได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นเมื่อไร แต่ปกติการสร้างเขื่อนนั้นมีการสร้างเพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวอยู่แล้ว โดยเฉพาะเขื่อนที่อยู่ใกล้แนวรอยเลื่อน สำหรับเขื่อนภูมิพลนั้นสามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 7.5 ริกเตอร์ ขณะที่เหตุแผ่นดินไหวของไทยที่จัดว่ารุนแรงนั้น จะอยู่ที่ประมาณ 5-6 ริกเตอร์ ดังนั้นจึงมั่นใจในความปลอดภัยได้”
แน่นอน สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นคือปรากฏการณ์ทางสังคมที่ไม่ธรรมดา จะเรียกว่าเป็นภาวะตื่นตระหนกของผู้คนในสังคมก็คงจะว่าได้
และสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือเป็นเพียงแค่คำทำนายลวงโลก แต่นั่นก็สะท้อนให้เห็นถึงอะไรบางอย่างที่ดำรงอยู่ในสังคมไทย และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ไข มิใช่ปล่อยให้เกิดขึ้นและผ่านไปในสายลมเท่านั้น