ASTVผู้จัดการออนไลน์ - หน่วยงานของหลายประเทศทำการค้นหากู้ภัยตลอด 3 วันที่ผ่านมา แต่ยังคงไร้วี่แววเรือวินาไลนส์ควีน (Vinalines Queen) เรือสินค้าขนาดระวางขับน้ำ 56,000 ตันของเวียดนาม ซึ่งสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยในบริเวณน้ำทะเลลึกที่สุดแห่งหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้หมู่เกาะฟิลิปปินส์ พร้อมกับลูกเรือชาวเวียดนามทั้ง 23 คน
เรือวินาไลนส์ควีน ซึ่งเป็นของบริษัท วินาไลนส์ บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจต่อเรือขนาดใหญ่ บรรทุกสินแร่นิกเกิลน้ำหนัก 54,400 ตัน ซึ่งเป็นอัตราปกติ จากท่าเรือโมโรวะลี ในอินโดนีเซีย ไปยังท่าเรือหนิงเต๋อ ของจีน และขาดการติดต่อกับบริษัทในเวียดนามไปเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.วันอาทิตย์ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา สื่อของทางการรายงาน
ข้อความล่าสุดที่กัปตันวินาไลนส์ควีน แจ้งเข้าไปยังบริษัทในกรุงฮานอย ก็คือ “เรือกำลังเอียงลงราว 18 องศา” จากนั้นเสียงก็ขาดหายไปในช่วงเวลาแห่งพายุลมแรงจัดและคลื่นสูง เยินจี๊ (Dan Tri) สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียดนามยอดนิยม กล่าว
บริษัทประกันภัยที่รับประกันวินาไลนส์ควีน ได้ขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยในไต้หวันและฟิลิปปินส์ในทันที แต่ทางการฟิลิปปินส์แจ้งให้ทราบว่า ขาดอุปกรณ์สำคัญและพายุคลื่นลมแรงมาก ทำให้ยังไม่สามารถออกค้นหาได้
จนกระทั่งเวลา 11.00 น.เศษ วันจันทร์ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา หน่วยกู้ภัยจากไต้หวัน จึงได้แจ้งให้วินาไลนส์ ทราบว่า ได้จัดส่งทั้งเรือและเครื่องบินกู้ภัยเข้าไปค้นหาวินาไลนส์ควีนกับลูกเรือในพื้นที่เกิดเหตุถึง 2 รอบแล้ว ไม่พบร่องรอยใดๆ
บริษัทประกันภัยในเวียดนามได้แจ้งขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยในฮ่องกงและญี่ปุ่นให้ช่วยออกปฏิบัติการค้นหา แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานใดๆ ในอาณาบริเวณที่วินาไลนส์ควีนติดต่อเป็นครั้งสุดท้าย
การสูญหายของเรือวินาไลนส์ควีน ที่มีความยาวตลอดลำเรือ 190 เมตร กำลังตกเป็นข่าวใหญ่ในเว็บไซต์ของบริษัทเดินเรือและกระดานข่าวในอุตสาหกรรมเรือเดินสมุทรและการขนส่งสินค้าทั่วโลก หลายแห่งได้ออกแนะนำเรือของตนควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้เขต “สะดือทะเล” ในยามนี้ และขณะเดียวกัน ก็ขอให้ช่วยสอดส่องหาร่องรอยของเรือเวียดนามเคราะห์ร้าย
หนังสือพิมพ์พิมพ์ไซง่อนเตี๊ยบถิ (Sai Gon Tiep Thi) หรือ “ข่าวการตลาดไซ่ง่อน” ได้รายงานบนเว็บไซต์ในคืนวันอังคาร 27 ธ.ค.ว่า หน่วยค้นหาของญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ได้หยุดค้นหาตั้งแต่เวลาเที่ยงวันเดียวกัน เพื่อร่วมกันวางแผนใหม่
ในขณะเดียวกัน หน่วยข้อมูลชายฝั่งเวียดนามรายงานข่าวชิ้นล่าสุด ว่า เครื่องบินค้นหาของญี่ปุ่นได้พบคราบน้ำมันลอยอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุปริมาณมาก แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ารั่วจากเรือวินาไลนส์ควีนหรือไม่
สภาพอากาศโดยทั่วไปในบ่ายวันอังคาร 27 ธ.ค.และในตอนเช้าวันพุธนี้ดีขึ้นอย่างมาก แต่อาณาบริเวณที่เชื่อว่าเรือจมลงนั้นมีความลึกราว 5,000 เมตร ไม่เหมาะที่จะส่งประดาน้ำลงค้นหา ไซ่ง่อนเตี๊ยบถิ อ้างคำพูดของ นายเหวียนแองหวู (Nguyen Anh Vu) ผู้อำนวยการใหญ่ศูนย์ประสานงานค้นหาและกู้ภัยทางทะเลเวียดนาม
เรือวินาไลนส์ควีนต่อในญี่ปุ่น บริษัทเดินเรือเวียดนามซื้อและนำเข้าประจำการในกองเรือสินค้าในปี 2005 เป็นเรือเดินทะเลยุคใหม่ติดอุปกรณ์ทันสมัยครบครัน พร้อมอุปกรณ์สื่อสารที่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ในทุกสภาพภูมิอากาศ และอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่สามารถทำให้ระบุตำแหน่งได้ แม้ว่าเรือจะจมหายไปมิดก็ตาม
หลายปีมานี้วินาไลนส์ควีน เคยขนส่งสินค้าหลากหลาย โดยแล่นผ่านทุกย่านน้ำของโลก แล่นข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากหลายต้นทางในทวีปยุโรปไปยังท่าเรือนิวยอร์กในสหรัฐฯ มาหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ หรือ สัญญาณใดๆ ออกไปจากเครื่องมือทันสมัยบนเรือยักษ์ลำนี้ ทำให้การค้นหาเพื่อให้การช่วยเหลือยากลำบาก ไซ่ง่อนเตี๊ยบถิกล่าว
เรือวินาไลนส์ควีน ซึ่งเป็นของบริษัท วินาไลนส์ บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจต่อเรือขนาดใหญ่ บรรทุกสินแร่นิกเกิลน้ำหนัก 54,400 ตัน ซึ่งเป็นอัตราปกติ จากท่าเรือโมโรวะลี ในอินโดนีเซีย ไปยังท่าเรือหนิงเต๋อ ของจีน และขาดการติดต่อกับบริษัทในเวียดนามไปเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.วันอาทิตย์ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา สื่อของทางการรายงาน
ข้อความล่าสุดที่กัปตันวินาไลนส์ควีน แจ้งเข้าไปยังบริษัทในกรุงฮานอย ก็คือ “เรือกำลังเอียงลงราว 18 องศา” จากนั้นเสียงก็ขาดหายไปในช่วงเวลาแห่งพายุลมแรงจัดและคลื่นสูง เยินจี๊ (Dan Tri) สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียดนามยอดนิยม กล่าว
บริษัทประกันภัยที่รับประกันวินาไลนส์ควีน ได้ขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยในไต้หวันและฟิลิปปินส์ในทันที แต่ทางการฟิลิปปินส์แจ้งให้ทราบว่า ขาดอุปกรณ์สำคัญและพายุคลื่นลมแรงมาก ทำให้ยังไม่สามารถออกค้นหาได้
จนกระทั่งเวลา 11.00 น.เศษ วันจันทร์ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา หน่วยกู้ภัยจากไต้หวัน จึงได้แจ้งให้วินาไลนส์ ทราบว่า ได้จัดส่งทั้งเรือและเครื่องบินกู้ภัยเข้าไปค้นหาวินาไลนส์ควีนกับลูกเรือในพื้นที่เกิดเหตุถึง 2 รอบแล้ว ไม่พบร่องรอยใดๆ
บริษัทประกันภัยในเวียดนามได้แจ้งขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยกู้ภัยในฮ่องกงและญี่ปุ่นให้ช่วยออกปฏิบัติการค้นหา แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานใดๆ ในอาณาบริเวณที่วินาไลนส์ควีนติดต่อเป็นครั้งสุดท้าย
การสูญหายของเรือวินาไลนส์ควีน ที่มีความยาวตลอดลำเรือ 190 เมตร กำลังตกเป็นข่าวใหญ่ในเว็บไซต์ของบริษัทเดินเรือและกระดานข่าวในอุตสาหกรรมเรือเดินสมุทรและการขนส่งสินค้าทั่วโลก หลายแห่งได้ออกแนะนำเรือของตนควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้เขต “สะดือทะเล” ในยามนี้ และขณะเดียวกัน ก็ขอให้ช่วยสอดส่องหาร่องรอยของเรือเวียดนามเคราะห์ร้าย
หนังสือพิมพ์พิมพ์ไซง่อนเตี๊ยบถิ (Sai Gon Tiep Thi) หรือ “ข่าวการตลาดไซ่ง่อน” ได้รายงานบนเว็บไซต์ในคืนวันอังคาร 27 ธ.ค.ว่า หน่วยค้นหาของญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ได้หยุดค้นหาตั้งแต่เวลาเที่ยงวันเดียวกัน เพื่อร่วมกันวางแผนใหม่
ในขณะเดียวกัน หน่วยข้อมูลชายฝั่งเวียดนามรายงานข่าวชิ้นล่าสุด ว่า เครื่องบินค้นหาของญี่ปุ่นได้พบคราบน้ำมันลอยอยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุปริมาณมาก แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ารั่วจากเรือวินาไลนส์ควีนหรือไม่
สภาพอากาศโดยทั่วไปในบ่ายวันอังคาร 27 ธ.ค.และในตอนเช้าวันพุธนี้ดีขึ้นอย่างมาก แต่อาณาบริเวณที่เชื่อว่าเรือจมลงนั้นมีความลึกราว 5,000 เมตร ไม่เหมาะที่จะส่งประดาน้ำลงค้นหา ไซ่ง่อนเตี๊ยบถิ อ้างคำพูดของ นายเหวียนแองหวู (Nguyen Anh Vu) ผู้อำนวยการใหญ่ศูนย์ประสานงานค้นหาและกู้ภัยทางทะเลเวียดนาม
เรือวินาไลนส์ควีนต่อในญี่ปุ่น บริษัทเดินเรือเวียดนามซื้อและนำเข้าประจำการในกองเรือสินค้าในปี 2005 เป็นเรือเดินทะเลยุคใหม่ติดอุปกรณ์ทันสมัยครบครัน พร้อมอุปกรณ์สื่อสารที่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ในทุกสภาพภูมิอากาศ และอุปกรณ์ส่งสัญญาณที่สามารถทำให้ระบุตำแหน่งได้ แม้ว่าเรือจะจมหายไปมิดก็ตาม
หลายปีมานี้วินาไลนส์ควีน เคยขนส่งสินค้าหลากหลาย โดยแล่นผ่านทุกย่านน้ำของโลก แล่นข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากหลายต้นทางในทวีปยุโรปไปยังท่าเรือนิวยอร์กในสหรัฐฯ มาหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ หรือ สัญญาณใดๆ ออกไปจากเครื่องมือทันสมัยบนเรือยักษ์ลำนี้ ทำให้การค้นหาเพื่อให้การช่วยเหลือยากลำบาก ไซ่ง่อนเตี๊ยบถิกล่าว