00 บรรยากาศช่วงปลายปีแบบนี้ดูซึมๆเซาๆ ไม่ค่อยมีใครอยากเคลื่อนไหวอะไรออกมาให้ชัดเจนนัก ทุกฝ่ายต่างรอจังหวะขับเคลื่อนกันหลังปีใหม่เป็นต้นไปกันทั้งนั้น ที่เห็นอาการกันล่วงหน้าแน่นอนแล้วก็คือ วาระแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ที่หลายคนประสานเสียงตรงกันว่า “เอาแน่” เพียงแต่ว่ายังไม่ตกผลึกว่าจะแก้ไขอย่างไร มีประเด็นใดบ้าง แม้ว่าสังเกตจากความเคลื่อนไหววูบวาบในเงามืดเวลานี้ เป็นลักษณะเตรียมความพร้อม รอเสียง “นกหวีด” เท่านั้น
00 เอาเป็นว่าในปีหน้า (2555) ที่เห็นชัดๆ ก็คือจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากฝั่ง ทักษิณ ชินวัตร ผ่านทางรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวอีกด้านก็ย่อมเห็นความเคลื่อนไหวคัดค้าน เพราะกำลังจับจ้องดูว่า เป็นการแก้ไขเพื่อลบล้างความผิดและให้ประโยชน์กับ ทักษิณ และนักการเมืองเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประโยชน์ชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อพิจารณากันแล้ว รัฐธรรมนูญไม่ได้มีอุปสรรคต่อการบริหารราชการ มีแต่เป็นอุปสรรคต่อนักการเมืองชั่วๆ ที่ต้องถูกตรวจสอบเข้มข้น ทำให้ขยับตัวลำบาก จึงทุรนทุราย
00 เวลานี้มีการจับตากันว่า จะให้ลงประชามติก่อนแก้ไขหรือเปล่า เพราะแม้จะอ้างว่ามาจาก “มดลูกเผด็จการ” แต่ก็ได้รับการรับรองจากประชาชนถึง 14.7 ล้านเสียง ดังนั้นหากจะทำอะไรกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็ต้องเกรงใจกันบ้าง และงานนี้ ประชาธิปัตย์ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ควรหุบปากไปด้วย เพราะที่ผ่านมาเมื่อครั้งเป็นรัฐบาล ก็สมคบกันชำเราไปแล้วรอบหนึ่ง ด้วยการแก้ไขในเรื่องแบ่งเขตให้เล็กลง ก็เพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองของตัวเอง เพียงแต่ว่าดันผิดแผนกลับส่งผลดีกับพรรคเพื่อไทย และทักษิณ ทำให้ต้องพ่ายแพ้ยับเยินกว่าเดิมอีก
00 หากจำกันได้ ตอนนั้น อภิสิทธิ์ ก็ตระบัตสัตย์ ไม่ยอมทำประชามติ กลับรวบรัดเดินหน้าแก้ไข โดยไม่สนใจความรู้สึกชาวบ้าน มาคราวนี้ก็ต้องอึกอัก กลัวโดนย้อนศร อย่างไรก็ดี นาทีนี้ประชาชนต้องพึ่งพาตัวเอง ต้องรู้เท่าทันนักการเมือง เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนมันก็ไม่ได้แตกต่างกัน ดังนั้นที่น่าแก้ไขมากที่สุด และเป็นปัญหามากที่สุดก็คือ นักการเมือง ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ จำไว้
00 นี่ก็ส่งสัญญาณมาชัดเหมือนกันว่าต้องมีการปรับ ครม. แน่นอน ซึ่งก็ฟันธงได้เหมือนกันว่า น่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี แต่ดูแล้วน่าจะเป็น “ปรับเล็ก” สับเปลี่ยนเก้าอี้ให้คนอื่นเข้ามานั่งบ้าง เป็นการแก้ปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยเสียมากกว่า อย่างไรก็ดี ที่น่าจับตาก็คือ “ขยักที่สอง” นั่นคือการปรับตำแหน่งสำคัญในช่วงหลังเดือน พ.ค. หลังจากที่พวกบ้านเลขที่ 111 พ้นโทษแบนออกมา นั่นแหละ แต่มองอีกด้านหนึ่ง มันก็น่าห่วงเหมือนกัน เพราะเวลานี้พวก “แถวสองแถวสาม” กำลังใหญ่คับเมือง ที่ผ่านมาเคยเป็นแค่ลูกไล่ หรือตัวสำรอง เมื่อ “ขาใหญ่” กำลังจะกลับมา มันก็ต้องขัดขวางกันหน่อย อีกทั้งเวลานี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ถึงตอนนั้นแหละ น่าจับตาว่าจะฟัดกันบ้านแตกหรือเปล่า สำหรับตัวบุคคลที่ต้องเข้ามามีบทบาทแน่นอน ก็ต้องนี่เลย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แม้ว่ารายนี้อาจจะผันไปลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ตามฝันเดิม แต่เมื่อพิจารณาจากบรรยากาศที่เป็นลบ อาจต้องชักขากลับมาเป็น รมต.ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีพรรคร่วมต่างพรรค ก็ต้องเปลี่ยน ไล่เรียงจาก ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ต้องจองไว้ให้ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ แม้แต่ พลังชล ตัว สนธยา คุณปลื้ม ก็กำลังซอยเท้ารออยู่ รับรองว่า มาแน่ !!
00 เอาเป็นว่าในปีหน้า (2555) ที่เห็นชัดๆ ก็คือจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากฝั่ง ทักษิณ ชินวัตร ผ่านทางรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวอีกด้านก็ย่อมเห็นความเคลื่อนไหวคัดค้าน เพราะกำลังจับจ้องดูว่า เป็นการแก้ไขเพื่อลบล้างความผิดและให้ประโยชน์กับ ทักษิณ และนักการเมืองเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประโยชน์ชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย เพราะเมื่อพิจารณากันแล้ว รัฐธรรมนูญไม่ได้มีอุปสรรคต่อการบริหารราชการ มีแต่เป็นอุปสรรคต่อนักการเมืองชั่วๆ ที่ต้องถูกตรวจสอบเข้มข้น ทำให้ขยับตัวลำบาก จึงทุรนทุราย
00 เวลานี้มีการจับตากันว่า จะให้ลงประชามติก่อนแก้ไขหรือเปล่า เพราะแม้จะอ้างว่ามาจาก “มดลูกเผด็จการ” แต่ก็ได้รับการรับรองจากประชาชนถึง 14.7 ล้านเสียง ดังนั้นหากจะทำอะไรกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ก็ต้องเกรงใจกันบ้าง และงานนี้ ประชาธิปัตย์ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ควรหุบปากไปด้วย เพราะที่ผ่านมาเมื่อครั้งเป็นรัฐบาล ก็สมคบกันชำเราไปแล้วรอบหนึ่ง ด้วยการแก้ไขในเรื่องแบ่งเขตให้เล็กลง ก็เพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองของตัวเอง เพียงแต่ว่าดันผิดแผนกลับส่งผลดีกับพรรคเพื่อไทย และทักษิณ ทำให้ต้องพ่ายแพ้ยับเยินกว่าเดิมอีก
00 หากจำกันได้ ตอนนั้น อภิสิทธิ์ ก็ตระบัตสัตย์ ไม่ยอมทำประชามติ กลับรวบรัดเดินหน้าแก้ไข โดยไม่สนใจความรู้สึกชาวบ้าน มาคราวนี้ก็ต้องอึกอัก กลัวโดนย้อนศร อย่างไรก็ดี นาทีนี้ประชาชนต้องพึ่งพาตัวเอง ต้องรู้เท่าทันนักการเมือง เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนมันก็ไม่ได้แตกต่างกัน ดังนั้นที่น่าแก้ไขมากที่สุด และเป็นปัญหามากที่สุดก็คือ นักการเมือง ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ จำไว้
00 นี่ก็ส่งสัญญาณมาชัดเหมือนกันว่าต้องมีการปรับ ครม. แน่นอน ซึ่งก็ฟันธงได้เหมือนกันว่า น่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี แต่ดูแล้วน่าจะเป็น “ปรับเล็ก” สับเปลี่ยนเก้าอี้ให้คนอื่นเข้ามานั่งบ้าง เป็นการแก้ปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยเสียมากกว่า อย่างไรก็ดี ที่น่าจับตาก็คือ “ขยักที่สอง” นั่นคือการปรับตำแหน่งสำคัญในช่วงหลังเดือน พ.ค. หลังจากที่พวกบ้านเลขที่ 111 พ้นโทษแบนออกมา นั่นแหละ แต่มองอีกด้านหนึ่ง มันก็น่าห่วงเหมือนกัน เพราะเวลานี้พวก “แถวสองแถวสาม” กำลังใหญ่คับเมือง ที่ผ่านมาเคยเป็นแค่ลูกไล่ หรือตัวสำรอง เมื่อ “ขาใหญ่” กำลังจะกลับมา มันก็ต้องขัดขวางกันหน่อย อีกทั้งเวลานี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว ถึงตอนนั้นแหละ น่าจับตาว่าจะฟัดกันบ้านแตกหรือเปล่า สำหรับตัวบุคคลที่ต้องเข้ามามีบทบาทแน่นอน ก็ต้องนี่เลย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แม้ว่ารายนี้อาจจะผันไปลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ตามฝันเดิม แต่เมื่อพิจารณาจากบรรยากาศที่เป็นลบ อาจต้องชักขากลับมาเป็น รมต.ดีกว่า นอกจากนี้ยังมีพรรคร่วมต่างพรรค ก็ต้องเปลี่ยน ไล่เรียงจาก ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ต้องจองไว้ให้ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ แม้แต่ พลังชล ตัว สนธยา คุณปลื้ม ก็กำลังซอยเท้ารออยู่ รับรองว่า มาแน่ !!