ศูนย์ข่าวภูเก็ต-นักลงทุนไทยและต่างชาติยังหอบเงินเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงแรม รีสอร์ตในฝั่งอันดามัน ตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเขาหลัก เกาะลันตาและภูเก็ต เหตุยังเชื่อมั่นในศักยภาพที่อันดามันยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวยุโรปและเอเชีย
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนด้านโรงแรมที่พักของจังหวัดกระบี่ในปี 2555 เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต ว่า เชื่อว่าการลงทุนในด้านโรงแรมที่พักในปี 2555 ในภาพรวมน่าจะชะลอตัวจากปีที่ผ่านมาๆ เนื่องจากขณะนี้จำนวนห้องพักที่มีอยู่ในปัจจุบันประมาณ 30,000 ห้อง เป็นจำนวนที่มากเกินความต้องการของนักท่องเที่ยว จึงทำให้การลงทุนในเรื่องของโรงแรมที่พักไม่คึกคักอย่างแน่นอน คาดว่ามีการลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10 % เงินลงทุนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
สำหรับพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว เช่น หาดอ่าวนาง หาดไร่เลย์ ต.อ่าวนาง พื้นที่ก่อสร้างค่อนข้างจะแออัด ส่วนหาดคลองม่วง ต.หนองทะเล การลงทุนเริ่มอิ่มตัว ซึ่งขณะนี้นักลงทุนจะหันไปลงทุนในพื้นที่เกาะลันตา อ.เกาะลันตา และ หาดยาว ต.เหนือคลอง ซึ่งถือว่ายังมีพื้นที่ก่อสร้างอีกมาก นักลงทุนเพิ่งเริ่มเข้าไปลงทุนสร้างโรงแรมที่พัก ซึ่งยังมีไม่มากนักสามารถลงทุนได้อีกมาก
ส่วนนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในกระบี่ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนชาวไทย ส่วนนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่จะเข้ามาซื้อกิจการโรงแรมต่อจากคนไทย และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
นายอิทธิฤทธิ์ กล่าวเพิ่มว่า สิ่งที่นักลงทุนกำลังให้ความสนใจและเริ่มหันมาลงทุนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ น่าจะเป็นท่าเรือมารีนา ซึ่งมองว่ายังมีอนาคต เนื่องจากขณะนี้ได้มีภาครัฐและเอกชนได้ลงทุนสร้างท่าเรือมารีนาแล้ว 2 แห่ง โดยแห่งแรกเป็นท่าเทียบเรือมารีนาของเทศบาลเมืองกระบี่ และแห่งที่สอง เป็นของเอกชน สร้างในพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง ซึ่งเปิดให้บริการไปแล้ว จึงเชื่อว่าทิศทางการลงทุนยังสดใส
ด้านนายประพฤทธิ์ ข้อเพชร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา เปิดเผยถึงสถานการณ์การลงทุนด้านโรงแรม รีสอร์ต ในพื้นที่เขาหลัก จ.พังงา ในปีหน้า ว่า การลงทุนด้านโรงแรมที่พัก บริเวณเขาหลักตลอดจนหาดใกล้เคียงในอ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นศักยภาพของเขาหลักที่ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากยุโรป เยอรมนี สแกนดิเนเวีย ที่ต้องการการพักผ่อนที่เป็นธรรมชาติและเงียบสงบ ทำให้นักลงทุนจากนอกพื้นที่เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นทุกๆปี จึงได้ขยายการลงทุนเข้ามาในพื้นที่ตลอดอย่างต่อเนื่อง
ในปีหน้าคาดว่าจะมีห้องพักเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,500 ห้อง มูลค่าการลงทุนตั้งแต่ปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ทำให้ในปีหน้าเขาหลักจะมีห้องพักไม่ต่ำกว่า 6,500 ห้อง ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนที่จะเกิดสึนามิที่เขาหลักมีห้องพักประมาณ 5,000 ห้อง
นายประพฤทธิ์ เผยอีกว่า นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในเขาหลักขณะนี้จะเป็นนักลงทุนด้านโรงแรม รีสอร์ต จากจังหวัดภูเก็ตเป็นหลัก เช่น กลุ่มกะตะกรุ๊ป กลุ่มอคาเดีย กลุ่มกะตะธานี กลุ่มเกรซแลนด์ กลุ่มโอเซียน และกลุ่มซันวิง เป็นต้น โดยการลงทุนมีขนาดตั้งแต่ 150-300 ห้อง กระจายไปตามชายหาดที่ได้รับความนิยม
ด้านนางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต(ททท.) กล่าวว่า การลงทุนด้านโรงแรมที่พักในภูเก็ตเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 1-2 ปีที่ผ่านมาโรงแรมเกิดขึ้นตลอดและเชื่อว่าหลังจากนี้อีก 2-3 ปี การลงทุนด้านโรงแรมและที่พักจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลขณะนี้ภูเก็ตมีโรงแรมที่พักที่ถูกต้อง 43,000 ห้อง และในปีนี้มีโรงแรมใหม่เกิดขึ้นอีก 9-10 แห่ง ห้องพักเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ห้อง ในปี 2555 นี้ คาดว่าจะมีโรงแรมเกิดเพิ่มขึ้นประมาณ 7 แห่ง ห้องพักไม่ต่ำกว่า 2,000 ห้อง
จากการเพิ่มขึ้นของโรงแรมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดสงครามการลดราคาห้องพักในภูเก็ตและปัญหาดังกล่าวก็จะเกิดขึ้นต่อไป ตราบใดที่ยังมีการลงทุนด้านโรงแรมเพิ่มขึ้นทุกๆปี แม้ว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวจะดีขึ้นทุกปี แต่ผู้ประกอบการจะขายห้องพักให้ราคาที่ถูกลง และอัตราการเข้าพักก็จะลดลง ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ประสบปัญหารายได้ลดลง ทั้งๆที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตเพิ่มขึ้นทุกปี
นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุนด้านโรงแรมที่พักของจังหวัดกระบี่ในปี 2555 เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่กำลังเติบโต ว่า เชื่อว่าการลงทุนในด้านโรงแรมที่พักในปี 2555 ในภาพรวมน่าจะชะลอตัวจากปีที่ผ่านมาๆ เนื่องจากขณะนี้จำนวนห้องพักที่มีอยู่ในปัจจุบันประมาณ 30,000 ห้อง เป็นจำนวนที่มากเกินความต้องการของนักท่องเที่ยว จึงทำให้การลงทุนในเรื่องของโรงแรมที่พักไม่คึกคักอย่างแน่นอน คาดว่ามีการลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10 % เงินลงทุนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
สำหรับพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว เช่น หาดอ่าวนาง หาดไร่เลย์ ต.อ่าวนาง พื้นที่ก่อสร้างค่อนข้างจะแออัด ส่วนหาดคลองม่วง ต.หนองทะเล การลงทุนเริ่มอิ่มตัว ซึ่งขณะนี้นักลงทุนจะหันไปลงทุนในพื้นที่เกาะลันตา อ.เกาะลันตา และ หาดยาว ต.เหนือคลอง ซึ่งถือว่ายังมีพื้นที่ก่อสร้างอีกมาก นักลงทุนเพิ่งเริ่มเข้าไปลงทุนสร้างโรงแรมที่พัก ซึ่งยังมีไม่มากนักสามารถลงทุนได้อีกมาก
ส่วนนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในกระบี่ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนชาวไทย ส่วนนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่จะเข้ามาซื้อกิจการโรงแรมต่อจากคนไทย และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
นายอิทธิฤทธิ์ กล่าวเพิ่มว่า สิ่งที่นักลงทุนกำลังให้ความสนใจและเริ่มหันมาลงทุนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ น่าจะเป็นท่าเรือมารีนา ซึ่งมองว่ายังมีอนาคต เนื่องจากขณะนี้ได้มีภาครัฐและเอกชนได้ลงทุนสร้างท่าเรือมารีนาแล้ว 2 แห่ง โดยแห่งแรกเป็นท่าเทียบเรือมารีนาของเทศบาลเมืองกระบี่ และแห่งที่สอง เป็นของเอกชน สร้างในพื้นที่ ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง ซึ่งเปิดให้บริการไปแล้ว จึงเชื่อว่าทิศทางการลงทุนยังสดใส
ด้านนายประพฤทธิ์ ข้อเพชร นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา เปิดเผยถึงสถานการณ์การลงทุนด้านโรงแรม รีสอร์ต ในพื้นที่เขาหลัก จ.พังงา ในปีหน้า ว่า การลงทุนด้านโรงแรมที่พัก บริเวณเขาหลักตลอดจนหาดใกล้เคียงในอ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นศักยภาพของเขาหลักที่ยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากยุโรป เยอรมนี สแกนดิเนเวีย ที่ต้องการการพักผ่อนที่เป็นธรรมชาติและเงียบสงบ ทำให้นักลงทุนจากนอกพื้นที่เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นทุกๆปี จึงได้ขยายการลงทุนเข้ามาในพื้นที่ตลอดอย่างต่อเนื่อง
ในปีหน้าคาดว่าจะมีห้องพักเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,500 ห้อง มูลค่าการลงทุนตั้งแต่ปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ทำให้ในปีหน้าเขาหลักจะมีห้องพักไม่ต่ำกว่า 6,500 ห้อง ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนที่จะเกิดสึนามิที่เขาหลักมีห้องพักประมาณ 5,000 ห้อง
นายประพฤทธิ์ เผยอีกว่า นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในเขาหลักขณะนี้จะเป็นนักลงทุนด้านโรงแรม รีสอร์ต จากจังหวัดภูเก็ตเป็นหลัก เช่น กลุ่มกะตะกรุ๊ป กลุ่มอคาเดีย กลุ่มกะตะธานี กลุ่มเกรซแลนด์ กลุ่มโอเซียน และกลุ่มซันวิง เป็นต้น โดยการลงทุนมีขนาดตั้งแต่ 150-300 ห้อง กระจายไปตามชายหาดที่ได้รับความนิยม
ด้านนางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต(ททท.) กล่าวว่า การลงทุนด้านโรงแรมที่พักในภูเก็ตเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 1-2 ปีที่ผ่านมาโรงแรมเกิดขึ้นตลอดและเชื่อว่าหลังจากนี้อีก 2-3 ปี การลงทุนด้านโรงแรมและที่พักจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลขณะนี้ภูเก็ตมีโรงแรมที่พักที่ถูกต้อง 43,000 ห้อง และในปีนี้มีโรงแรมใหม่เกิดขึ้นอีก 9-10 แห่ง ห้องพักเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ห้อง ในปี 2555 นี้ คาดว่าจะมีโรงแรมเกิดเพิ่มขึ้นประมาณ 7 แห่ง ห้องพักไม่ต่ำกว่า 2,000 ห้อง
จากการเพิ่มขึ้นของโรงแรมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดสงครามการลดราคาห้องพักในภูเก็ตและปัญหาดังกล่าวก็จะเกิดขึ้นต่อไป ตราบใดที่ยังมีการลงทุนด้านโรงแรมเพิ่มขึ้นทุกๆปี แม้ว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวจะดีขึ้นทุกปี แต่ผู้ประกอบการจะขายห้องพักให้ราคาที่ถูกลง และอัตราการเข้าพักก็จะลดลง ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ประสบปัญหารายได้ลดลง ทั้งๆที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตเพิ่มขึ้นทุกปี