ASTVผู้จัดการรายวัน - เจอกันครึ่งทาง! บอร์ดแบงก์ชาติรับหลักการแก้กฎหมายปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือซอฟท์โลนช่วยเหลือน้ำท่วม แต่ขอให้ พ.ร.ก.ระบุปล่อยแค่ครั้งเดียว อย่าเปิดช่องทำผิดวินัยการเงินซ้ำซาก โต้ "รองฯ กิตติรัตน์" กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25% เป็นการประคองเศรษฐกิจให้ฟื้นแบบมองยาวๆ ไปในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
จากกรณีนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) แก้กฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อให้ ธปท.ปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ให้กับสถาบันการเงิน เพื่อนำไปปล่อยกู้ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนั้น เมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.) ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กกธ.) หรือ บอร์ดแบงก์ชาติ กล่าวว่า การประชุมบอร์ดแบงก์ชาติเมื่อวานนี้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ได้เสนอแนวทางการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โดยกระทรวงการคลัง เพื่อแก้ พ.ร.บ.ธปท.ให้สามารถกลับมาปล่อยซอฟท์โลน เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีปัญหาน้ำท่วม ซึ่ง กกธ.ได้รับทราบในหลักการที่จะไปดำเนินการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขในการร่าง พ.ร.ก.
“การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยเป็นเรื่องที่ดี เพราะครั้งนี้เป็นน้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่ง ธปท.ควรให้ความช่วยเหลือประชาชน และหากคิดเป็นวงเงินช่วยเหลือถือว่าภาระที่เป็นตัวเงินไม่มาก" ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวและว่า กกธ.กังวลในเรื่องของการสุ่มเสี่ยงที่จะผิดวินัยการเงินต่อเนื่อง (Moral Hazard) เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องไม่ควรทำและผิดธรรมาภิบาล ดังนั้น การแก้ไขกฎหมายควรจะทำเพื่อการให้สินเชื่อกรณีพิเศษครั้งนี้เพียงครั้งเดียว วงเงินจำกัด และไม่เปิดช่องในร่าง พ.ร.ก.ให้สามารถทำเช่นนี้ได้อีก”
ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ กล่าวว่า ทางบอร์ดแบงก์ชาติเตือนไปว่า การร่าง พ.ร.ก.ควรจะดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อความน่าเชื่อถือของ ธปท.
ส่วนเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น เท่าที่ผู้ว่าการฯรายงาน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทั้ง 7 คน เห็นตรงกันว่า ควรจะลดดอกเบี้ยเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงจากภาวะน้ำท่วม แต่ 5 คนได้เสนอให้ลดดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นเสียงข้างมากนั้น มองว่า การลดดอกเบี้ยค่อยทำแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อดูสถานการณ์ในอนาคต มากกว่าที่จะลงพรวดเดียวในอัตราที่มาก เพื่อให้การดำเนินนโยบายการสอดคล้องกับเศรษฐกิจประเทศมากที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมมนา “ซ่อม สร้าง วาระบูรณะประเทศไทย หลังมหาอุทกภัย” ในหัวข้อ "ฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นความเชื่อมั่น" ว่า ขอตั้งคำถามกับ ธปท.ว่าน้ำท่วมขนาดนี้ลดดอกเบี้ยแค่ 0.25% เหมาะสมแล้วหรือไม่
นายกิตติรัตน์ยังกล่าวอีกว่า การประชุม กนง.ครั้งต่อไป ต้องการให้พิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม ทั้งภาคครัวเรือน เอสเอ็มอี ธุรกิจขนาดใหญ่ต่างต้องการสินเชื่อกู้เงินในการฟื้นฟู เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงย่อมมีภาระต้นทุน จึงต้องการให้ กนง.พิจารณาปัจจัยดังกล่าว เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการปรับดอกเบี้ยในครั้งต่อไป พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของ ธปท. เพียงแต่เป็นการแสดงความเห็นต่อสาธารณะเท่านั้น.
**บิ๊กกสิกรฯชี้ศก.ปีหน้ายังง่อนแง่น**
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) กล่าวว่า เศรษฐกิจในปี 2555 นั้น ก็อยู่ในภาวะง่อนแง่นทั่วโลก ทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีการใช้จ่ายที่เกินตัวมานาน ขณะที่้เศรษฐกิจประเทศในแถบอาเซียน บางประเทศก็ต้องประสบภัยพิบัติ ส่วนประเทศจีนก็เติบโตได้ดี แต่ต้องระวังเรื่องการเติบโตที่รวดเร็วเกินไป ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน ส่วนประเทศแถบอาหรับก็ยังมีปัญหาหลายเรื่อง อาทิ เรื่องการเมือง
"โดยสรุปแล้ว ปีหน้าในทุกๆภูมิภาคก็มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ หรือภัยธรรมชาติ ส่วนประเทศไทยที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตประมาณ 4-5% เป็นระดับกลางๆซึ่งก็ดีอยู่แล้ว"
ดั้งนั้น ในปีหน้าภาคเอกชนก็จะพยายามบริหารความเสี่ยง และประคองธุรกิจให้สามารถดำเนินต่อไปได้ เนื่องจากโอกาสดีๆทางธุรกิจยังไม่ค่อยมี
สำหรับในส่วนของระบบธนาคารพาณิชย์นั้น คงมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ หากจีดีพีเติบโตประมาณ 4-5% สินเชื่อก็คงจะโตประมาณ 9-10% จะโตเกินกว่าจีดีพีไม่ได้ เพราะจะเป็นการปล่อยสินเชื่อที่หละหลวม
จากกรณีนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) แก้กฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อให้ ธปท.ปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ให้กับสถาบันการเงิน เพื่อนำไปปล่อยกู้ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนั้น เมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.) ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กกธ.) หรือ บอร์ดแบงก์ชาติ กล่าวว่า การประชุมบอร์ดแบงก์ชาติเมื่อวานนี้ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. ได้เสนอแนวทางการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โดยกระทรวงการคลัง เพื่อแก้ พ.ร.บ.ธปท.ให้สามารถกลับมาปล่อยซอฟท์โลน เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีปัญหาน้ำท่วม ซึ่ง กกธ.ได้รับทราบในหลักการที่จะไปดำเนินการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขในการร่าง พ.ร.ก.
“การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยเป็นเรื่องที่ดี เพราะครั้งนี้เป็นน้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่ง ธปท.ควรให้ความช่วยเหลือประชาชน และหากคิดเป็นวงเงินช่วยเหลือถือว่าภาระที่เป็นตัวเงินไม่มาก" ม.ร.ว.จัตุมงคลกล่าวและว่า กกธ.กังวลในเรื่องของการสุ่มเสี่ยงที่จะผิดวินัยการเงินต่อเนื่อง (Moral Hazard) เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องไม่ควรทำและผิดธรรมาภิบาล ดังนั้น การแก้ไขกฎหมายควรจะทำเพื่อการให้สินเชื่อกรณีพิเศษครั้งนี้เพียงครั้งเดียว วงเงินจำกัด และไม่เปิดช่องในร่าง พ.ร.ก.ให้สามารถทำเช่นนี้ได้อีก”
ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ กล่าวว่า ทางบอร์ดแบงก์ชาติเตือนไปว่า การร่าง พ.ร.ก.ควรจะดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อความน่าเชื่อถือของ ธปท.
ส่วนเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น เท่าที่ผู้ว่าการฯรายงาน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทั้ง 7 คน เห็นตรงกันว่า ควรจะลดดอกเบี้ยเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงจากภาวะน้ำท่วม แต่ 5 คนได้เสนอให้ลดดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นเสียงข้างมากนั้น มองว่า การลดดอกเบี้ยค่อยทำแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อดูสถานการณ์ในอนาคต มากกว่าที่จะลงพรวดเดียวในอัตราที่มาก เพื่อให้การดำเนินนโยบายการสอดคล้องกับเศรษฐกิจประเทศมากที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมมนา “ซ่อม สร้าง วาระบูรณะประเทศไทย หลังมหาอุทกภัย” ในหัวข้อ "ฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นความเชื่อมั่น" ว่า ขอตั้งคำถามกับ ธปท.ว่าน้ำท่วมขนาดนี้ลดดอกเบี้ยแค่ 0.25% เหมาะสมแล้วหรือไม่
นายกิตติรัตน์ยังกล่าวอีกว่า การประชุม กนง.ครั้งต่อไป ต้องการให้พิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม ทั้งภาคครัวเรือน เอสเอ็มอี ธุรกิจขนาดใหญ่ต่างต้องการสินเชื่อกู้เงินในการฟื้นฟู เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงย่อมมีภาระต้นทุน จึงต้องการให้ กนง.พิจารณาปัจจัยดังกล่าว เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการปรับดอกเบี้ยในครั้งต่อไป พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของ ธปท. เพียงแต่เป็นการแสดงความเห็นต่อสาธารณะเท่านั้น.
**บิ๊กกสิกรฯชี้ศก.ปีหน้ายังง่อนแง่น**
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) กล่าวว่า เศรษฐกิจในปี 2555 นั้น ก็อยู่ในภาวะง่อนแง่นทั่วโลก ทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีการใช้จ่ายที่เกินตัวมานาน ขณะที่้เศรษฐกิจประเทศในแถบอาเซียน บางประเทศก็ต้องประสบภัยพิบัติ ส่วนประเทศจีนก็เติบโตได้ดี แต่ต้องระวังเรื่องการเติบโตที่รวดเร็วเกินไป ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน ส่วนประเทศแถบอาหรับก็ยังมีปัญหาหลายเรื่อง อาทิ เรื่องการเมือง
"โดยสรุปแล้ว ปีหน้าในทุกๆภูมิภาคก็มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ หรือภัยธรรมชาติ ส่วนประเทศไทยที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตประมาณ 4-5% เป็นระดับกลางๆซึ่งก็ดีอยู่แล้ว"
ดั้งนั้น ในปีหน้าภาคเอกชนก็จะพยายามบริหารความเสี่ยง และประคองธุรกิจให้สามารถดำเนินต่อไปได้ เนื่องจากโอกาสดีๆทางธุรกิจยังไม่ค่อยมี
สำหรับในส่วนของระบบธนาคารพาณิชย์นั้น คงมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ หากจีดีพีเติบโตประมาณ 4-5% สินเชื่อก็คงจะโตประมาณ 9-10% จะโตเกินกว่าจีดีพีไม่ได้ เพราะจะเป็นการปล่อยสินเชื่อที่หละหลวม