xs
xsm
sm
md
lg

ต้องหน้าด้านจริงๆ ด้านหนักๆ จึงทำได้

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

เมื่อตอนที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บอกว่าจะคืนหนังสือเดินทางให้ ทักษิณ ชินวัตร เป็นของขวัญปีใหม่ หรืออาจจะเร็วกว่านี้โดยจะให้เป็นของขวัญวันคริสต์มาส ผู้คนทั้งหลายรับฟังแล้วก็ยังงงๆ ว่าจะทำได้อย่างไร เพราะแม้ ทักษิณ ชินวัตร จะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แต่ก็เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่กำลังอยู่ระหว่างหนีคุกหนีตะราง เนื่องจากคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอกจากนั้นยังมีหมายจับ และคดีค้างศาลอยู่อีกหลายคดี

แต่สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีต่างประเทศ ก็ทำไปแล้ว ทำไปก่อนหน้าที่มาบอกต่อสาธารณะว่าจะคืนหนังสือเดินทางให้ทักษิณ พฤติกรรมของสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล จึงเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะต้องมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แต่กลับมีพฤติกรรมปกปิด ซ่อนเร้น อำพราง หากเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นข้าราชการประจำไม่บอกให้นักการเมืองฝ่ายค้านรู้ สาธารณชนทั้งหลายก็อาจจะยังไม่รู้พฤติกรรมอันน่าอับอายของ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นแน่

และเมื่อสังคมจับได้ไล่ทัน สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังพยายามจะโยนไปให้ข้าราชการประจำ โดยกล่าวว่า ทักษิณยื่นคำร้องขอผ่านสถานทูตไทยที่กรุงอาบูดาบี ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นช่วงรัฐบาลชุดที่แล้วได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของทักษิณ เมื่อ 12 เมษายน 2552 ซึ่งยกเลิกตามระเบียบว่าการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2545 ในข้อ 23 (7) ที่ระบุว่าให้ยกเลิกหรือเรียกคืนหนังสือเดินทางเมื่อเห็นว่าอยู่ต่างประเทศ อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศไทยและต่างประเทศได้ ซึ่งขณะนี้ตนเป็นรัฐมนตรีเห็นว่าเมื่อพิจารณาคำร้องการขอหนังสือเดินทางของ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือขัดต่อระเบียบดังกล่าว จึงขอให้ยกเลิกคำสั่งที่ออกมาโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว ดังนั้นการออกหนังสือเดินทางจึงเป็นเรื่องของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศจะพิจารณาต่อไป

แล้วในที่สุดก็พิจารณาออกหนังสือเดินทางให้ คำร้องขอมาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 และหนังสือเดินทางของทักษิณก็เสร็จในวันที่ 26 ตุลาคม 2554 จากนั้นสุนัขรับใช้ของทักษิณก็คาบหนังสือเดินทางไปมอบให้ทักษิณถึงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนทอดตัวลงไปเป็นสุนัขรับใช้ทักษิณอย่างสุดจิตสุดใจ เพราะทักษิณอาจจะเลี้ยงดูพวกเขาดียิ่งกว่าพ่อบังเกิดเกล้า เป็นต้น ให้ทรัพย์สินเงินทอง ให้ตำแหน่งแห่งที่ ซึ่งหากไม่มีทักษิณแล้ว เขาอาจจะไม่มีวันที่จะได้ตำแหน่งแห่งที่ก็ได้

แต่ไม่ควรที่จะเอาหลักการ เอาหลักปฏิบัติที่ถูกต้องดีงามหรือสิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายของสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ท่องจนคล่องปากยิ่งกว่า นกแก้ว นกขุนทองว่า นิติรัฐมาทำลาย หาไม่ผู้คนที่ได้ยินได้ฟังว่ารัฐบาลนี้ไม่คิด ไม่ทำเพื่อคนคนเดียว คือ คำโกหก ตอแหลอย่างหน้าด้านๆ เท่านั้นเอง

ดังได้กล่าวแล้ว ทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาแล้วให้จำคุก 2 ปี ยังมีคดีอื่นอีกที่ศาลออกหมายจับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้าที่รัฐบาลชุดที่แล้วจะถอนหนังสือเดินทางคือเหตุการณ์เดือนเมษายน 2552 ที่ทักษิณประกาศจะเดินนำหน้าคนเสื้อแดงเข้ากรุงเทพฯ

จากนั้นก็มีความพยายามที่จะเผาบ้านเผาเมือง และก็มาเผาให้เกิดความเสียหายหนักๆ ในอีก 1 ปีถัดมา จะรักทักษิณ ชอบทักษิณ เคารพทักษิณยิ่งกว่าพ่อ ก็ต้องเป็นเรื่องส่วนตัวที่ใครจะรักจะชอบกันได้ แต่เมื่อทักษิณคือนักโทษหนีคุกตามคำพิพากษาของศาล หน้าที่ของบ้านเมืองของรัฐบาลก็คือ เอานักโทษหนีคุกมาเข้าคุก หรืออย่างไม่ทำอะไรเลย ก็อยู่เฉยๆ

ส่วนจะช่วยให้พ้นโทษด้วยการนิรโทษกรรม ด้วยนโยบายปรองดองก็ทำไป ถ้าหากทำได้ แต่ระหว่างที่ยังทำไม่ได้ ยังให้ทักษิณพ้นผิดไม่ได้ ยังยกเลิกหมายจับไม่ได้ การอ้างระเบียบ อ้างกฎเกณฑ์ที่ตัวกำหนดขึ้นมาเพื่อทำหนังสือเดินทางให้ทักษิณของ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ก็เท่ากับเห็นว่าอีกหนึ่งอำนาจคือ อำนาจตุลาการไม่มีความหมาย

ทักษิณจะได้หนังสือเดินทางของประเทศไทยหรือไม่ได้อาจจะมองว่าไม่สำคัญ เพราะทุกวันนี้ ทักษิณก็เดินทางไปไหนมาไหนด้วยหนังสือเดินทางของมอนเตเนโกรอยู่แล้ว แต่การกระทำของ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ก็เพื่อที่จะเหยียบย่ำระเบียบปฏิบัติ การทำหน้าที่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศว่า กูเป็นรัฐมนตรี กูจะสั่งอย่างไรก็ได้ ข้าราชการจะต้องปฏิบัติ พรรคของกูได้เสียงข้างมาก พวกกูได้อำนาจรัฐแล้ว กูจะทำอย่างไรกับประเทศนี้ก็ได้

ส่วนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ตอหลดตอแหลไปวันๆ ว่า “ไม่รู้ค่ะ ไม่ทราบค่ะ รัฐบาลนี้จะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน จะไม่ทำเพื่อคนคนเดียวค่ะ เราเคารพนิติรัฐค่ะ”ทุกครั้งที่ สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ลนลานรับใช้ทักษิณนับตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่ได้สนใจหน้าที่จริงๆ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเลยแม้แต่น้อย

สิ่งที่พวกเขาทำอยู่ทุกวันนี้วิญญูชนทั้งหลายก็คงจะรู้จะเห็นกันแล้วว่า ถ้าหากมียางอายอยู่บ้าง ก็จะไม่กล้าพูด กล้าทำ ต้องอาศัยคุณสมบัติที่ค่อนข้างจะพิเศษคือ ต้องหน้าด้านเอามากๆ จึงกล้าพูด กล้าทำในสิ่งเหล่านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น