ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติเผยยอดเงินประกันภัยจากต่างประเทศไหลเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็น 2 พันล้านเหรียญ หรือ 6 หมื่นล้านบาท ไม่กระทบค่าเงินบาทมากนักเพราะเงินคนไทยไหลออกไปลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติเกิดภาวะ Risk off แต่ค่าเงินระยะต่อไปอาจผันผวนตามเศรษฐกิจโลก
นายประสาร ไตรรัน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มเห็นเงินประกันภัยจากต่างประเทศไหลเข้ามาเพื่อชดเชยความเสียหายจากน้ำท่วม โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลข้ามาแล้วประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 60,000 ล้านบาท แต่จะไม่กระทบเงินบาทให้แข็งค่ามากนัก เพราะในช่วงเดียวกันก็มีนไทยลงทุนต่างประเทเพิ่มขึ้น
รวมถึงนักลงทุนต่างชาติที่เคยเข้ามาก็นำเงินออกไปบ้างจากการเป็นห่วงปัญหาหนี้สินในยุโรป จึงมีการขายสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงแล้วหันไปถือสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (Risk off) มากขึ้น ทำให้ช่วงนี้เงินทุนเคลื่อนย้ายค่อนข้างสมดุล
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มค่าเงินบาทในระยะต่อไป จะค่อนข้างผันผวน เพราะ ภาวะเศรษกิจโลกที่ยังไม่นิ่ง ตามข่าวทั้งดีร้ายที่มากระทบตลาด ช่วงสั้นอาจมีเงินไหลออกบ้างตามภาวะRisk off แต่คาดว่าในระยะยาวยังจะมีทุนไหลเข้าเอเชีย จากภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง" นายประสารกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ธปท.อนุญาตให้ภาคเอกชนสามารถนำเงินตราต่างประทศเก็บไว้ในบัญชี FCD ซึ่งไม่ได้จำกัดวงเงิน ทำให้เงินประกันจากต่างประเทศที่ไหลเขามาสามารถไหลเข้าเก็บไว้ในบัญชีนี้ได้ รวมถึงบริษัทแม่ในต่าประเทศต้องการสั่งซื้อเครื่องจักรมาปรับปรุงหรือซ่อมแซม ก็นำเงินมาเก็บในบัญชีได้เช่นกัน ซึ่งคาดว่าเงินนี้จะเริ่มเข้าช่วงไตรมาสแรกของปี 55 ทำให้ค่าเงินบาทไม่แข็งจากปัจจัยเงินไหลเข้ามากนัก
***ไทย-จีนลงนามอัดฉีดหยวน
ผู้ว่า ธปท.เปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ธปท.กับธนาคารกลางจีนจะลงนามสัญญา Birateral Swap Agreement มูลค่า 7 พันล้านหยวน เพื่อรองรับธุรกรรมการค้าสกุลเงินหยวนระหว่างประเทศในยามฉุกเฉิน ซึ่งสัญญาดังกล่าวเป็น 1 ใน 5 สัญญาที่รัฐบาลจีนกับไทยร่วมทำข้อตกลงกัน
"ในกรณีฉุกเฉิน ภาคธุรกิจอาจไม่สามารถหาเงินหยวนได้ ก็มาติดต่อ ธปท. ซึ่งเราจะประสางานไปยังธนาคารกลางจีนให้ ซึ่งเหมือนยืมมีกำหนดเวลาแล้วค่อยนำมาคืนภายหลัง" ผู้วาธปท.กล่าว
นอกจากนี้ ในเร็วๆ นี้จะปิดให้ลงทุนใน Interbank Bond Market ส่วนเรื่องของ QFII ยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของทางการจีน.
นายประสาร ไตรรัน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มเห็นเงินประกันภัยจากต่างประเทศไหลเข้ามาเพื่อชดเชยความเสียหายจากน้ำท่วม โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลข้ามาแล้วประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 60,000 ล้านบาท แต่จะไม่กระทบเงินบาทให้แข็งค่ามากนัก เพราะในช่วงเดียวกันก็มีนไทยลงทุนต่างประเทเพิ่มขึ้น
รวมถึงนักลงทุนต่างชาติที่เคยเข้ามาก็นำเงินออกไปบ้างจากการเป็นห่วงปัญหาหนี้สินในยุโรป จึงมีการขายสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงแล้วหันไปถือสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (Risk off) มากขึ้น ทำให้ช่วงนี้เงินทุนเคลื่อนย้ายค่อนข้างสมดุล
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มค่าเงินบาทในระยะต่อไป จะค่อนข้างผันผวน เพราะ ภาวะเศรษกิจโลกที่ยังไม่นิ่ง ตามข่าวทั้งดีร้ายที่มากระทบตลาด ช่วงสั้นอาจมีเงินไหลออกบ้างตามภาวะRisk off แต่คาดว่าในระยะยาวยังจะมีทุนไหลเข้าเอเชีย จากภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง" นายประสารกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ธปท.อนุญาตให้ภาคเอกชนสามารถนำเงินตราต่างประทศเก็บไว้ในบัญชี FCD ซึ่งไม่ได้จำกัดวงเงิน ทำให้เงินประกันจากต่างประเทศที่ไหลเขามาสามารถไหลเข้าเก็บไว้ในบัญชีนี้ได้ รวมถึงบริษัทแม่ในต่าประเทศต้องการสั่งซื้อเครื่องจักรมาปรับปรุงหรือซ่อมแซม ก็นำเงินมาเก็บในบัญชีได้เช่นกัน ซึ่งคาดว่าเงินนี้จะเริ่มเข้าช่วงไตรมาสแรกของปี 55 ทำให้ค่าเงินบาทไม่แข็งจากปัจจัยเงินไหลเข้ามากนัก
***ไทย-จีนลงนามอัดฉีดหยวน
ผู้ว่า ธปท.เปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ ธปท.กับธนาคารกลางจีนจะลงนามสัญญา Birateral Swap Agreement มูลค่า 7 พันล้านหยวน เพื่อรองรับธุรกรรมการค้าสกุลเงินหยวนระหว่างประเทศในยามฉุกเฉิน ซึ่งสัญญาดังกล่าวเป็น 1 ใน 5 สัญญาที่รัฐบาลจีนกับไทยร่วมทำข้อตกลงกัน
"ในกรณีฉุกเฉิน ภาคธุรกิจอาจไม่สามารถหาเงินหยวนได้ ก็มาติดต่อ ธปท. ซึ่งเราจะประสางานไปยังธนาคารกลางจีนให้ ซึ่งเหมือนยืมมีกำหนดเวลาแล้วค่อยนำมาคืนภายหลัง" ผู้วาธปท.กล่าว
นอกจากนี้ ในเร็วๆ นี้จะปิดให้ลงทุนใน Interbank Bond Market ส่วนเรื่องของ QFII ยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาของทางการจีน.