กลายเป็น “เฉลิมรายวัน” เรตติ้งกระฉูดติดลมบนไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับอดีตสารวัตรนินจา...ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี
นอกจากลีลาดุดัน ก้าวร้าวรุนแรง เปรี้ยงๆ ดังเสียงฟ้าฟาด เย้ยฟ้าท้าดิน พูดจามีภาษาปะกิตประเภทเยสโนโอเค โคคาโคลาผสมแล้ว ฯพณฯ เฉลิมยังรู้ไปทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่เป็น “ประเด็นร้อน”...
ไม่เชื่อท่านผู้อ่านลองไล่เรียงดูสิว่าเรื่องใหญ่ๆ เรื่องร้อนๆ ในบ้านเมืองของเรายามนี้มีเรื่องอะไรที่ “เฉลิม” ไม่รู้เรื่องบ้าง รู้ไปหมด ยิ่งบางเรื่องชงเองกินเองทำไมจะไม่รู้...
- กรณีโจรปล้นบ้านปลัดคมนาคม “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” มี ส.ส.เพื่อไทยชงหวานตั้งกระทู้ถามสดให้รองนายกฯ ของเราลากยาวมาตั้งแต่สภาเขาดินยันตึกไทยคู่ฟ้า
- หลังเอกอัครทูตญี่ปุ่นเข้าพบ “เฉลิม” ออกมาพูดชี้นำว่า..ช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 10 เม.ย. 2553 เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่
- กรณีคนร้ายวางระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเมื่อ 6 ธ.ค. 2554 “เฉลิม” ประกาศว่าจะจับคนร้ายให้ได้ใน 3 วัน บัดนี้ผ่านไปแล้วนับสิบวัน...
- จากกรณีการวางระเบิด “เฉลิม” นำมาร่ายยาววิเคราะห์เองเออเองว่า..เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการล้มรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีการเกาะกลุ่มเคลื่อนไหวกันอยู่ บุคคลสำคัญคนหนึ่งคือคนที่เป็นพาร์กินสัน...มือสั่น
- อยู่มาอีกวัน ในฐานะที่เป็นรองนายกฯ กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯพณฯ เฉลิมพูดขึ้นมาดังๆ ว่า..รู้แล้วๆ ทีมฆ่าเสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) มีนายตำรวจใหญ่ยศพล.ต.อ.เป็นแม่งาน....
-ฯลฯ-
นั่นคือตัวอย่างการรู้ไปทุกเรื่องของคนชื่อ “เฉลิม อยู่บำรุง” ซึ่งที่จริงถ้าจะว่าไปแล้วการที่ “เฉลิม” พูดได้ทุกวันๆ ละหลายสิบนาทีมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกตินัก เพราะทุกยุคทุกสมัยที่ “เฉลิม” อยู่ในอำนาจก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ เพียงแต่รอบนี้ความถี่ของการพูด ลีลาการพูดค่อนข้างจะเย้ยฟ้าท้าดินมากไปหน่อย โดยเฉพาะตอนที่กล่าวถึงตัวละครที่เคลื่อนไหวล้มรัฐบาลว่าเป็นคนที่เป็นโรค “พาร์กินสัน” และ “มือสั่น” นั้นกลายเป็นประเด็นร้อน..ทอล์คออฟเดอะทาวน์..ว่า “เฉลิม” หมายถึงใคร เพราะถ้า “เฉลิม” จะหมายถึง ป.ประสงค์ สุ่นศิริ ที่มีอาการมือสั่นบ้างประสาคนสูงวัย คนอย่าง “เฉลิม” ก็น่าจะระบุออกมาเลย หรือไม่ก็บอกว่า ป.คาบไปป์ อะไรเทือกโน้นยังจะชัดเจนกว่า..
ก็ช่วยไม่ได้ที่นาทีนี้บางที ฯพณฯ เฉลิมอาจจะแอบใจสั่นอยู่บ้าง เพราะคำพูด “พาร์กินสัน”, ”มือสั่น”
มีพรรคพวกมาถามผมว่าทำไม “เฉลิม” พูดบ่อย มีจุดประสงค์หรือหวังผลทางการเมืองหรือหวังผลอะไรกันแน่...ครั้นผมจะตอบพรรคพวกว่า อย่าไปสนใจ อย่าไปเอานิยมนิยายกับ “เฉลิม” เอาสมองไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า ก็รู้ดีว่าไม่ตรงกับจริตของผู้ถามที่ชอบให้วิเคราะห์ ผมก็เลยสรุปไปว่าเป็นยุทธการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว...
1) ไม่มีอะไรในกอไผ่มากไปกว่า “เฉลิม” กำลังมีความสุขสำราญกับตำแหน่งหน้าที่เป็นรองนายกฯ ดูแลตำรวจ..โอ้โหถึงแม้ยังไม่สุดยอดยังไม่ใช่นายกฯ แต่มันเป็นอะไรที่ชีวิตนี้ได้สัมผัสกับความหอมหวานแห่งอำนาจ...แปลไทยเป็นไทยว่า มันเป็นห้วงเวลาของการ “โชว์พาว” สำแดงบารมี แผ่รังสีให้สังคมได้แลเห็น..
2) ผลพลอยได้อย่างมากก็คือ การพูดของ “เฉลิม” เป็นการแย่งพื้นที่สื่อพื้นที่ข่าว เบี่ยงเบนกระแสข่าวหลักเรื่องความล้มเหลวของรัฐบาล โยนโจทย์ใหม่ข่าวใหม่ให้สื่อมวลชนมาสนใจกับข่าวกึ่งจริงกึ่งปล่อย..
3) ทั้งหลายทั้งปวง “เฉลิม” ย่อมวาดหวังว่า ถ้าบุญพาวาสนาส่ง ดีไม่ดีวันหนึ่งหาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือนายกฯ ปูกลายเป็น “ปูเดี้ยง” ขึ้นมา เขาก็คือว่าที่นายกฯ คนหนึ่ง ดังนั้นภายใต้การโชว์บารมีสร้างความสุขให้กับตัวเองแล้ว ทุกช็อตทุกเม็ดแห่งความเคลื่อนไหวก็เพื่อให้เข้าตาคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นสำคัญด้วย...
สรุปว่าไม่ว่าใครจะมอง “เฉลิม” อย่างไรก็ตาม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าโดยความเป็นอยู่จริง “เฉลิม” เป็นตัวละครการเมืองตัวสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม และยังต้องดูกันต่อไปว่าต่อคำกล่าวที่ว่า “เฉลิมอยู่ที่ไหนหัวหน้าตายหมด” จะเป็นจริงหรือไม่ เพราะวันนี้หัวหน้าของ “เฉลิม” มี 2 คนคือ ยิ่งลักษณ์กับทักษิณ...
ทั้งพี่ทั้งน้องจะมาตายพร้อมกันด้วยฝีมือของเป็ดเหลิมเช่นนั้นหรือ...!!??
พูดถึง “สารวัตรนินจา”..เฉลิม อยู่บำรุง ก็อดนึกถึงปี 2534 ไม่ได้ ตอนนั้น “เฉลิม” เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล “ชาติชาย” กำกับดูแล อสมท ในช่วงการเมืองตึงเครียด มีเสียงฮึ่มๆ มาจากคนในกองทัพ “เฉลิม” เอารถโมบาย (รถถ่ายทอดสด) ของช่อง 9 อสมท ไปจอดซุ่มอยู่แถววัดย่านบางแค นัยว่าเพื่อเตรียมการถ่ายทอดสดต่อต้านการปฏิวัติ...
แต่ไม่ทันได้ถ่ายทอดสด รัฐบาลชาติชายถูกนายทหารที่นำโดย จปร. 5 ในนามคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) รัฐประหารยึดอำนาจ พร้อมยัดข้อหา “รัฐบาลบุฟเฟ่ต์คาบิเนต” ให้เป็นที่เรียบร้อย ทั้งๆ ที่เหตุผลของการยึดอำนาจจริงๆ ในครั้งนั้นก็คือ การกระชับและสถาปนาอำนาจของกลุ่มนายทหาร จปร. 5 และคณะ...
วันนี้ปี 2554 บริบททางสังคมการเมืองมีทั้งเหมือนและแตกต่างกับปี 2534 ที่ต่างกันบ้างก็คือวันนั้นกองทัพภายใต้รหัส 0143 แน่นปึ้ก เป็นเอกภาพ แต่วันนี้กองทัพถูกแบ่งแยกแตกขั้วด้วยการเมือง ทหารหาญที่ทำหน้าที่ในช่วงคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองกำลังถูกกระทำให้เป็นจำเลย...
แต่ปี 2534 และ 2554 ที่เหมือนกันก็คือ มีตัวละครการเมืองที่ชื่อ “เฉลิม” เป็นตัวสร้างสีสันและเป็นสายล่อฟ้า...
บางคนบอกว่าให้นับถอยหลังอายุรัฐบาลนี้ได้เลย บางคนบอกว่ารัฐบาลนี้จะเดินหน้าไปอีกนาน
แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าจะนับถอยหลังหรือนับเดินหน้า...ยังน่าแป็นห่วงอนาคตประเทศไทย...ที่มากไปด้วยคนที่รู้ทุกเรื่องแต่ไม่เห็นทำดีสักเรื่อง ดีแต่แบล็กเมล์ ตีกิน หากินกับอำนาจ!!!!
samr_rod@hotmail.com
นอกจากลีลาดุดัน ก้าวร้าวรุนแรง เปรี้ยงๆ ดังเสียงฟ้าฟาด เย้ยฟ้าท้าดิน พูดจามีภาษาปะกิตประเภทเยสโนโอเค โคคาโคลาผสมแล้ว ฯพณฯ เฉลิมยังรู้ไปทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องที่เป็น “ประเด็นร้อน”...
ไม่เชื่อท่านผู้อ่านลองไล่เรียงดูสิว่าเรื่องใหญ่ๆ เรื่องร้อนๆ ในบ้านเมืองของเรายามนี้มีเรื่องอะไรที่ “เฉลิม” ไม่รู้เรื่องบ้าง รู้ไปหมด ยิ่งบางเรื่องชงเองกินเองทำไมจะไม่รู้...
- กรณีโจรปล้นบ้านปลัดคมนาคม “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” มี ส.ส.เพื่อไทยชงหวานตั้งกระทู้ถามสดให้รองนายกฯ ของเราลากยาวมาตั้งแต่สภาเขาดินยันตึกไทยคู่ฟ้า
- หลังเอกอัครทูตญี่ปุ่นเข้าพบ “เฉลิม” ออกมาพูดชี้นำว่า..ช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 10 เม.ย. 2553 เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่
- กรณีคนร้ายวางระเบิดหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเมื่อ 6 ธ.ค. 2554 “เฉลิม” ประกาศว่าจะจับคนร้ายให้ได้ใน 3 วัน บัดนี้ผ่านไปแล้วนับสิบวัน...
- จากกรณีการวางระเบิด “เฉลิม” นำมาร่ายยาววิเคราะห์เองเออเองว่า..เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการล้มรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีการเกาะกลุ่มเคลื่อนไหวกันอยู่ บุคคลสำคัญคนหนึ่งคือคนที่เป็นพาร์กินสัน...มือสั่น
- อยู่มาอีกวัน ในฐานะที่เป็นรองนายกฯ กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯพณฯ เฉลิมพูดขึ้นมาดังๆ ว่า..รู้แล้วๆ ทีมฆ่าเสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล) มีนายตำรวจใหญ่ยศพล.ต.อ.เป็นแม่งาน....
-ฯลฯ-
นั่นคือตัวอย่างการรู้ไปทุกเรื่องของคนชื่อ “เฉลิม อยู่บำรุง” ซึ่งที่จริงถ้าจะว่าไปแล้วการที่ “เฉลิม” พูดได้ทุกวันๆ ละหลายสิบนาทีมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกตินัก เพราะทุกยุคทุกสมัยที่ “เฉลิม” อยู่ในอำนาจก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ เพียงแต่รอบนี้ความถี่ของการพูด ลีลาการพูดค่อนข้างจะเย้ยฟ้าท้าดินมากไปหน่อย โดยเฉพาะตอนที่กล่าวถึงตัวละครที่เคลื่อนไหวล้มรัฐบาลว่าเป็นคนที่เป็นโรค “พาร์กินสัน” และ “มือสั่น” นั้นกลายเป็นประเด็นร้อน..ทอล์คออฟเดอะทาวน์..ว่า “เฉลิม” หมายถึงใคร เพราะถ้า “เฉลิม” จะหมายถึง ป.ประสงค์ สุ่นศิริ ที่มีอาการมือสั่นบ้างประสาคนสูงวัย คนอย่าง “เฉลิม” ก็น่าจะระบุออกมาเลย หรือไม่ก็บอกว่า ป.คาบไปป์ อะไรเทือกโน้นยังจะชัดเจนกว่า..
ก็ช่วยไม่ได้ที่นาทีนี้บางที ฯพณฯ เฉลิมอาจจะแอบใจสั่นอยู่บ้าง เพราะคำพูด “พาร์กินสัน”, ”มือสั่น”
มีพรรคพวกมาถามผมว่าทำไม “เฉลิม” พูดบ่อย มีจุดประสงค์หรือหวังผลทางการเมืองหรือหวังผลอะไรกันแน่...ครั้นผมจะตอบพรรคพวกว่า อย่าไปสนใจ อย่าไปเอานิยมนิยายกับ “เฉลิม” เอาสมองไปคิดเรื่องอื่นดีกว่า ก็รู้ดีว่าไม่ตรงกับจริตของผู้ถามที่ชอบให้วิเคราะห์ ผมก็เลยสรุปไปว่าเป็นยุทธการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว...
1) ไม่มีอะไรในกอไผ่มากไปกว่า “เฉลิม” กำลังมีความสุขสำราญกับตำแหน่งหน้าที่เป็นรองนายกฯ ดูแลตำรวจ..โอ้โหถึงแม้ยังไม่สุดยอดยังไม่ใช่นายกฯ แต่มันเป็นอะไรที่ชีวิตนี้ได้สัมผัสกับความหอมหวานแห่งอำนาจ...แปลไทยเป็นไทยว่า มันเป็นห้วงเวลาของการ “โชว์พาว” สำแดงบารมี แผ่รังสีให้สังคมได้แลเห็น..
2) ผลพลอยได้อย่างมากก็คือ การพูดของ “เฉลิม” เป็นการแย่งพื้นที่สื่อพื้นที่ข่าว เบี่ยงเบนกระแสข่าวหลักเรื่องความล้มเหลวของรัฐบาล โยนโจทย์ใหม่ข่าวใหม่ให้สื่อมวลชนมาสนใจกับข่าวกึ่งจริงกึ่งปล่อย..
3) ทั้งหลายทั้งปวง “เฉลิม” ย่อมวาดหวังว่า ถ้าบุญพาวาสนาส่ง ดีไม่ดีวันหนึ่งหาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือนายกฯ ปูกลายเป็น “ปูเดี้ยง” ขึ้นมา เขาก็คือว่าที่นายกฯ คนหนึ่ง ดังนั้นภายใต้การโชว์บารมีสร้างความสุขให้กับตัวเองแล้ว ทุกช็อตทุกเม็ดแห่งความเคลื่อนไหวก็เพื่อให้เข้าตาคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นสำคัญด้วย...
สรุปว่าไม่ว่าใครจะมอง “เฉลิม” อย่างไรก็ตาม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าโดยความเป็นอยู่จริง “เฉลิม” เป็นตัวละครการเมืองตัวสำคัญที่ไม่อาจมองข้าม และยังต้องดูกันต่อไปว่าต่อคำกล่าวที่ว่า “เฉลิมอยู่ที่ไหนหัวหน้าตายหมด” จะเป็นจริงหรือไม่ เพราะวันนี้หัวหน้าของ “เฉลิม” มี 2 คนคือ ยิ่งลักษณ์กับทักษิณ...
ทั้งพี่ทั้งน้องจะมาตายพร้อมกันด้วยฝีมือของเป็ดเหลิมเช่นนั้นหรือ...!!??
พูดถึง “สารวัตรนินจา”..เฉลิม อยู่บำรุง ก็อดนึกถึงปี 2534 ไม่ได้ ตอนนั้น “เฉลิม” เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล “ชาติชาย” กำกับดูแล อสมท ในช่วงการเมืองตึงเครียด มีเสียงฮึ่มๆ มาจากคนในกองทัพ “เฉลิม” เอารถโมบาย (รถถ่ายทอดสด) ของช่อง 9 อสมท ไปจอดซุ่มอยู่แถววัดย่านบางแค นัยว่าเพื่อเตรียมการถ่ายทอดสดต่อต้านการปฏิวัติ...
แต่ไม่ทันได้ถ่ายทอดสด รัฐบาลชาติชายถูกนายทหารที่นำโดย จปร. 5 ในนามคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) รัฐประหารยึดอำนาจ พร้อมยัดข้อหา “รัฐบาลบุฟเฟ่ต์คาบิเนต” ให้เป็นที่เรียบร้อย ทั้งๆ ที่เหตุผลของการยึดอำนาจจริงๆ ในครั้งนั้นก็คือ การกระชับและสถาปนาอำนาจของกลุ่มนายทหาร จปร. 5 และคณะ...
วันนี้ปี 2554 บริบททางสังคมการเมืองมีทั้งเหมือนและแตกต่างกับปี 2534 ที่ต่างกันบ้างก็คือวันนั้นกองทัพภายใต้รหัส 0143 แน่นปึ้ก เป็นเอกภาพ แต่วันนี้กองทัพถูกแบ่งแยกแตกขั้วด้วยการเมือง ทหารหาญที่ทำหน้าที่ในช่วงคนเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองกำลังถูกกระทำให้เป็นจำเลย...
แต่ปี 2534 และ 2554 ที่เหมือนกันก็คือ มีตัวละครการเมืองที่ชื่อ “เฉลิม” เป็นตัวสร้างสีสันและเป็นสายล่อฟ้า...
บางคนบอกว่าให้นับถอยหลังอายุรัฐบาลนี้ได้เลย บางคนบอกว่ารัฐบาลนี้จะเดินหน้าไปอีกนาน
แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าจะนับถอยหลังหรือนับเดินหน้า...ยังน่าแป็นห่วงอนาคตประเทศไทย...ที่มากไปด้วยคนที่รู้ทุกเรื่องแต่ไม่เห็นทำดีสักเรื่อง ดีแต่แบล็กเมล์ ตีกิน หากินกับอำนาจ!!!!
samr_rod@hotmail.com