00 ไม่รู้ว่าการออกมายื่นเงื่อนไข 6 ข้อ ของคนรับใช้เรื่องกฎหมาย อย่าง นพดล ปัทมะ ซึ่งก็มีทั้งการนิรโทษกรรม แก้รธน. แก้พ.ร.บ.กลาโหม เป้าหมายเพื่อให้ ทักษิณ ชินวัตร ได้ประโยชน์ ทั้งในเรื่องกลับมามีอำนาจ และได้เงินคืน สรุปก็คือเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวล้วนๆ เมื่อเสนอแบบนี้มันก็แหงอยู่แล้วว่าต้องมีเสียงด่า เสียงก้อนอิฐเขวี้ยงกลับมา ด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้ต้องเฉไฉไปเป็นอื่น อ้างว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของ “ลิ่วล้อ” เท่านั้น ท่าทีดังกล่าวที่เกิดอาจมองได้หลายแง่หลายมุม อย่างหนึ่งก็คือเป็นการ “โยนหินถามทาง” เหมือนกับหยั่งดูกระแสสังคม ว่าตอบรับแค่ไหน และเมื่อดูอารมณ์แล้วเสียงด่าเริ่มดังกันขรม มันก็ต้องเริ่มถอยกรูด ออกมาตั้งหลักชั่วคราวก่อน
00 หากพิจารณาตามความเป็นจริงก็ต้องยอมรับบรรยากาศมันเปลี่ยนไป จากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะชาวบ้านเริ่มหูตาสว่างมากขึ้น (แม้ไม่ใช่ทั้งหมด) มิหนำซ้ำ รัฐบาลน้องสาว ที่ตั้งใจ “โคลนนิ่ง” มาอย่างดี กลับถูกภัยธรรมชาติน้ำท่วมประจานออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ชาวบ้านได้เห็นว่า ที่แท้ “สมองกลวง” นี่หว่า สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แล้วอย่างนี้ยังคิดหน้าด้านขอใช้ “สิทธิพิเศษ” ให้พี่ชายอีกหรือ เดี๋ยวก็ยันไปโน่นหรอก อารมณ์น่าจะออกมาประมาณนั้นแหละ เพราะหากเปรียบเทียบกับอารมณ์ก่อนหน้านี้ เชื่อว่ากระแสช่วยทักษิณ น่าจะแรง เพราะเห็นว่าเป็นเทวดา เป็นความหวัง แต่ปัจจุบันทำท่ากลายเป็นตัวป่วน ตัวถ่วงความเจริญของชาติไปแล้ว เพราะบรรยากาศกำลังอยู่ในช่วงของการช่วยเหลือชาวบ้าน แต่นี่ดันจะมา “ช่วยเหลือแม้ว” ทุเรศจริงๆ ไอ้เวร !!
00 จริงยิ่งกว่าจริง สำหรับการปรับ ครม.ซึ่งคาดว่าต้องมีขึ้นในราวต้นปี เพื่อลดแรงกดดันต่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองเพื่อลดแรงกดดันภายในพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะมีหลายคนที่ต้องซอยเท้าเก้อ กำลังลุ้นรอเก้าอี้อยู่ไม่น้อย สาม ทำให้เกิดภาพลักษณ์การเคลื่อนไหวของรัฐบาล อย่างน้อยเพื่อซื้อเวลาไปถึงพฤษภาคมปีหน้า วันที่พวกบ้านเลขที่ 111 จะหลุดออกมาเปลี่ยนมือ แต่สรุปก็คือ งานนี้ปรับเพื่อ “ประคองปู” ไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากนั้นค่อยมาว่ากัน
00 ไม่รู้ว่าพูดเองหรือใครสั่งให้พูด สำหรับ เฉลิม อยู่บำรุง เพราะการที่พูดทุกเรื่อง รู้ทุกเรื่อง รับรองว่ามันไม่มีผลดี เพราะชาวบ้านเขาจะเหม็นขี้หน้า แถมย้อนกลับไปดูแบ็กราวด์ ทบทวนคดีเก่าๆ ขึ้นมามันก็ยิ่งติดลบ และอย่าประมาทอารมณ์ของคน โดยเฉพาะในสังคมในโลกออนไลน์ ว่าเขาก่นด่ากันอย่างไร หลายวันมานี่เหมือนกับว่าชักรำคาญขึ้นทุกวัน รู้นั่น รู้นี่รู้ไปหมด ยกเว้นรู้จักตัวเอง แถมทุกคดีที่พูดก็ยังจับใครไม่ได้ แต่ดันบอกว่ารู้ว่าใครทำ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ สารพัด ทางที่ดีหุบปากแล้วทำงานไม่ดีกว่าหรือ อ้อ... ยังไม่ลืมว่า “เหลิมเข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด” !!
00 บรรยากาศในรัฐบาลเวลานี้ รมต.ไม่เป็นอันทำงาน เพราะมัวแต่เช็กข่าว วิ่งเต้นเข้าหาเจ๊นั่น เจ๊นี่ เพื่อให้ตัวเองได้นั่งเก้าอี้ต่อไป บางคนชาวบ้านไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีชื่อเป็น รมต.กับเขาด้วย เพราะไม่เคยมีผลงาน ไม่เคยเป็นข่าว แต่กลายเป็นว่า พอมีเรื่องปรับครม.ก็แอ็กทีฟขึ้นมาทันควัน แถมยังรู้วิธีการวิ่งเสียด้วย จะเข้าออกอย่างไร กรณีของ บุญรื่น ศรีธเรศ รมช.ศึกษาฯ ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่รู้ว่ามีรมต.ชื่อแบบนี้อยู่ในโลก แต่ดันมีข่าวออกมา และเจ้าตัวก็ยอมรับว่าไปพบแม้ว มาเรียบร้อยแล้ว ทุด !!
00 หากพิจารณาตามความเป็นจริงก็ต้องยอมรับบรรยากาศมันเปลี่ยนไป จากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะชาวบ้านเริ่มหูตาสว่างมากขึ้น (แม้ไม่ใช่ทั้งหมด) มิหนำซ้ำ รัฐบาลน้องสาว ที่ตั้งใจ “โคลนนิ่ง” มาอย่างดี กลับถูกภัยธรรมชาติน้ำท่วมประจานออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ชาวบ้านได้เห็นว่า ที่แท้ “สมองกลวง” นี่หว่า สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว แล้วอย่างนี้ยังคิดหน้าด้านขอใช้ “สิทธิพิเศษ” ให้พี่ชายอีกหรือ เดี๋ยวก็ยันไปโน่นหรอก อารมณ์น่าจะออกมาประมาณนั้นแหละ เพราะหากเปรียบเทียบกับอารมณ์ก่อนหน้านี้ เชื่อว่ากระแสช่วยทักษิณ น่าจะแรง เพราะเห็นว่าเป็นเทวดา เป็นความหวัง แต่ปัจจุบันทำท่ากลายเป็นตัวป่วน ตัวถ่วงความเจริญของชาติไปแล้ว เพราะบรรยากาศกำลังอยู่ในช่วงของการช่วยเหลือชาวบ้าน แต่นี่ดันจะมา “ช่วยเหลือแม้ว” ทุเรศจริงๆ ไอ้เวร !!
00 จริงยิ่งกว่าจริง สำหรับการปรับ ครม.ซึ่งคาดว่าต้องมีขึ้นในราวต้นปี เพื่อลดแรงกดดันต่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองเพื่อลดแรงกดดันภายในพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะมีหลายคนที่ต้องซอยเท้าเก้อ กำลังลุ้นรอเก้าอี้อยู่ไม่น้อย สาม ทำให้เกิดภาพลักษณ์การเคลื่อนไหวของรัฐบาล อย่างน้อยเพื่อซื้อเวลาไปถึงพฤษภาคมปีหน้า วันที่พวกบ้านเลขที่ 111 จะหลุดออกมาเปลี่ยนมือ แต่สรุปก็คือ งานนี้ปรับเพื่อ “ประคองปู” ไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากนั้นค่อยมาว่ากัน
00 ไม่รู้ว่าพูดเองหรือใครสั่งให้พูด สำหรับ เฉลิม อยู่บำรุง เพราะการที่พูดทุกเรื่อง รู้ทุกเรื่อง รับรองว่ามันไม่มีผลดี เพราะชาวบ้านเขาจะเหม็นขี้หน้า แถมย้อนกลับไปดูแบ็กราวด์ ทบทวนคดีเก่าๆ ขึ้นมามันก็ยิ่งติดลบ และอย่าประมาทอารมณ์ของคน โดยเฉพาะในสังคมในโลกออนไลน์ ว่าเขาก่นด่ากันอย่างไร หลายวันมานี่เหมือนกับว่าชักรำคาญขึ้นทุกวัน รู้นั่น รู้นี่รู้ไปหมด ยกเว้นรู้จักตัวเอง แถมทุกคดีที่พูดก็ยังจับใครไม่ได้ แต่ดันบอกว่ารู้ว่าใครทำ กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ สารพัด ทางที่ดีหุบปากแล้วทำงานไม่ดีกว่าหรือ อ้อ... ยังไม่ลืมว่า “เหลิมเข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด” !!
00 บรรยากาศในรัฐบาลเวลานี้ รมต.ไม่เป็นอันทำงาน เพราะมัวแต่เช็กข่าว วิ่งเต้นเข้าหาเจ๊นั่น เจ๊นี่ เพื่อให้ตัวเองได้นั่งเก้าอี้ต่อไป บางคนชาวบ้านไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีชื่อเป็น รมต.กับเขาด้วย เพราะไม่เคยมีผลงาน ไม่เคยเป็นข่าว แต่กลายเป็นว่า พอมีเรื่องปรับครม.ก็แอ็กทีฟขึ้นมาทันควัน แถมยังรู้วิธีการวิ่งเสียด้วย จะเข้าออกอย่างไร กรณีของ บุญรื่น ศรีธเรศ รมช.ศึกษาฯ ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่รู้ว่ามีรมต.ชื่อแบบนี้อยู่ในโลก แต่ดันมีข่าวออกมา และเจ้าตัวก็ยอมรับว่าไปพบแม้ว มาเรียบร้อยแล้ว ทุด !!