xs
xsm
sm
md
lg

คุก38ปีตร.มะเขือเทศ "ไอ้กี้ร์"ลุ้นประกันวันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลลงโทษจำคุก 38 ปี “ส.ต.ต.”ตำรวจมะเขือเทศ มือยิงอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม ศาลชี้หลักฐานชัด ขณะที่ภรรยา"ไอ้กี้ร์" ยื่นขอประกันตัวสามี อ้างเหตุถูกคุกคามหมายชีวิต ศาลเบิกตัวฟังไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราววันนี้ "เหลิม" ปัดชี้นำคดี 16 ศพ ด้าน"เดียร์"ยันเห็นตรงกันตำรวจเป็นคนสอยเสธ.แดง "มาร์ค"แขวะก็แค่นักเล่านิทานรายวัน "เทือก"เตรียมหาช่องเอาผิดละเว้นปฏิบัติหน้าที่

วานนี้ (13 ธ.ค.) เวลา 09.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 803 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2317/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อายุ 44 ปี อดีตตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันกระทำผิดฐานก่อการร้าย กระทำให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ร่วมกันมีปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไปในเมือง ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2553 จำเลยกับพวกอีก 1 คน ร่วมกันใช้เครื่องยิงจรวด อาร์พีจี 2 เล็งและยิงลูกระเบิดไปยังอาคารกระทรวงกลาโหม เขตพระนคร ทำให้นายศักดิ์ หาญสงคราม ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ สายเคเบิลโทรศัพท์ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เสียหายเป็นเงินจำนวน 39,421 บาท จำเลยกับพวกมีความมุ่งหมายเพื่อขู่เข็ญ บังคับ รัฐบาลไทยให้ยุบสภา ทั้งยังสร้างความปั่นป่วนให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน การกระทำของจำเลยกับพวกดังกล่าวเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือการก่อการร้ายของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยมีเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 2 จำนวน 1 กระบอก ลูกระเบิดแบบสังหาร เอ็ม 67 จำนวน 3 ลูก ปืนกลมือ (เอ็ม 3) ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืน .45 จำนวน 48 นัดเหตุเกิดที่แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงพระนคร เขตพระนคร แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เกี่ยวพันกัน

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีพยาน 2 ปาก เบิกความยืนยันว่า พบจำเลยก่อนเกิดเหตุระเบิด เมื่อจำเลยเข้ามาสอบถามพูดคุยด้วย แม้ว่าในเวลานั้นเป็นช่วงเวลากลางคืน แต่มีแสงสว่างเพียงพอที่พยานจะสามารถจดจำใบหน้าจำเลยได้ นอกจากนี้ ยังมีพยานที่จดจำใบหน้าจำเลย หลังก่อเหตุเมื่อจำเลยรีบร้อนลงจากรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตศ 9818 กรุงเทพมหานคร เนื่องจากมีพิรุธที่รถบุบ กระจกแตก และขับขี่น่าหวาดเสียว อีกทั้งผลการตรวจพิสูจน์ลายนิ้วมือของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พบว่าลายนิ้วมือแฝงที่พบบนประตูรถกระบะดังกล่าว ตรงกับลายมือนิ้วข้างขวาของจำเลย รวมทั้งเสื้อแจ็กเกตที่ตรวจยึดได้ภายในรถนั้นมีรูปแบบสารพันธุกรรมของจำเลยติดอยู่ เชื่อว่าพยานทุกปากเบิกความไปตามจริง มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องกับรถคันเกิดเหตุ เมื่อจำเลยเป็นผู้ครอบครองรถกระบะดังกล่าว ย่อมเป็นผู้ใช้เอกสารป้ายทะเบียนรถปลอมด้วย

จากการตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด พบรถกระบะของจำเลยขับผ่านเข้าไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุ จากนั้นมีภาพแสงเปลวเพลิงระเบิดที่ถนนแพร่งภูธร เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับรถจำเลย ประกอบกับรถกระบะของจำเลยที่จอดทิ้งไว้ในลักษณะมีกุญแจรถเสียบคาไว้ ตรวจพบเครื่องยิงระเบิดอาร์พีจี 2 กระจกด้านซ้ายแตก กระจกที่บริเวณที่นั่งตอนหลังแตก มีคราบเขม่าภายในรถ แสดงถึงการยิงจากในรถ เชื่อว่าจำเลยร่วมกับพวกยิงระเบิดดังกล่าวมีเป้าหมายที่กระทรวงกลาโหม แต่ลูกระเบิดไปติดที่สายเคเบิลจึงเกิดระเบิดก่อนถึงเป้าหมาย ขณะเกิดเหตุอยู่ในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มีการก่อวินาศกรรมหลายแห่ง รัฐบาลขณะนั้นจึงประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีการออกข้อกำหนดให้ประชาชนปฏิบัติตาม แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปลอดภัย วันเกิดเหตุกลุ่ม นปช.ชุมนุมที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่จำเลยกลับไม่ใยดี ก่อเหตุดังกล่าวการกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ สร้างความปั่นป่วน จึงมีความผิดฐานก่อการร้าย

พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 วรรคหนึ่ง, 221, 222, 258 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265, 295 ประกอบมาตรา 80, 358, 371, 376, 83 พ.ร.บ.ปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8ทวิวรรคหนึ่ง, 38, 55, 72 ทวิวรรคสอง, 74, 78 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม จำคุก 2 ปี สำหรับความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย ฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ฐานร่วมกันพยายามทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ฐานร่วมกันยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดในที่ชุมชน เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น อันเป็นบทลงโทษหนักสุด จำคุก 20 ปี ฐานร่วมกันมีเครื่องยิงจรวดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ในครอบครอง จำคุก 5 ปี และความผิดตาม พ.ร.บ.ปืนฯ พ.ศ. 2490 ฐานพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไปในเมือง ทางสาธารณะ จำคุก 1ปี รวมจำคุกจำเลยเป็นเวลา 38 ปี และให้ริบของกลาง

**ศาลนัดไต่สวนประกันตัว“ไอ้กี้ร์”วันนี้

วันเดียวกันที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายวาสุเทพ ศรีโสดา ทนายความนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. จำเลยในคดีร่วมกันก่อการร้าย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวนายอริสมันต์ ครั้งที่ 2 รวม 3 คดี ประกอบด้วย คดีก่อการร้าย น.ส.ศันสนีย์ นวลสนิท เป็นนายประกันวางเงินสดจำนวน 4 ล้านบาท คดีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หมายเลขคดีดำที่ อ.4177/2552 และคดีหมิ่นประมาท พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) หมายเลขคดีดำที่ 1463/2553 นางระพิพรรณ พงษ์เรืองรอง อายุ 38 ปี ภรรยานายอริสมันต์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ตีราคา 1,350,600 บาท ขอประกันตัว

นายวาสุเทพ กล่าวว่า ในคำร้องได้อธิบายให้ศาลทราบถึงเหตุผลที่นายอริสมันต์ ต้องหลบหนี เนื่องจากถูกคุกคาม ทำให้ไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต โดยเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2553 มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาดักรอที่สนามเชียงราย ก่อนมีกลุ่มคนเสื้อแดงช่วยกันจับกุมตัวไว้นำส่งสถานีตำรวจลงบันทึกประจำวันเหตุการณ์ที่ 2 โดยเมื่อวันที่ 13 ม.ค.2553 มีกลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถสะกดรอยตามขณะออกจากบ้านไปจนถึงทางด่วนจึงสามารถจับกุมผู้ติดตามไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.ห้วยขวาง และกองปราบปรามได้ และสุดท้ายมีการบุกจับกุมตัวนายอริสมันต์ ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค โดยการใช้ความรุนแรง ทั้งพังประตูและระเบิดควัน โดยคาดว่าศาลจะมีคำสั่งในช่วงเย็นวันนี้
ต่อมาเวลา 15.50 น. ศาลพิเคราะห์คำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายอริสมันต์ จำเลย คดีร่วมกันก่อการร้ายแล้ว เห็นควรให้มีการไต่สวนคำร้องและพยานในวันนี้ (14 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. เพื่อมีคำสั่งต่อไป โดยศาลมีคำสั่งให้เบิกตัวนายอริสมันต์ จำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ฯ เพื่อร่วมพิจารณาด้วย

***“เหลิม”โต้ เปล่าชี้นำคดี 16 ศพ

วันเดียวกันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสืบสวนคดี 16 ศพ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลดูแลอยู่ ว่า ภาพรวมเรียบร้อยดี คดีชันสูตรพลิกศพของนายฮิโรยูกิ ช่างภาพชาวญี่ปุ่น จะส่งอัยการ ตนขอย้ำว่าไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับคดี พรรคประชาธิปัตย์อย่าสับสน ที่เขาเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผอ.ศอฉ.ไปสอบสวน เพราะอัยการเขาสั่งตำรวจ คดีนี้มันเป็นคดีชันสูตรพลิกศพ การที่อัยการมาร่วมสอบด้วย นั่นหมายความว่าตายโดยการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่ตนชี้นำ กฎหมายเขาเขียนไว้อย่างนั้นตามป.วิอาญา มาตรา 150 วรรค 3 ส่วนรายละเอียดและทิศทางที่สำนักข่าวรอยเตอร์ส่งมา ก็คล้ายกับที่ตำรวจสอบ สรุปก็คือว่าที่ผ่านมามันปล่อยปละละเลย มันปกปิดช่วยเหลือ มารอบนี้เอาจริงเอาจังตามกฎหมาย ไม่ผิดก็สบายๆ หากผิดก็ต้องรับโทษ ตนบอกตำรวจอย่าเก็บเรื่อง อย่ากลัวและอย่าแกล้ง ตนไม่หาเรื่อง ตนอายุ 64 ปีหรอก หากเขาไม่ผิดแล้วไปสร้างหลักฐานเท็จ ต่อไปใครเป็นรัฐบาลตนก็ติดคุกสิ

เมื่อถามถึงกรณีที่ระบุว่าชายชุดดำเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แสดงว่า สิ่งที่รัฐบาลชุดก่อนบอกว่ามีการจัดตั้งทหารพรานไม่จริงใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มี เดี๋ยวรอตัวละครอีก 2-3 ตัว แล้วจะเล่าให้ฟัง คือ มันมีกรณีไปยิง “อ้วน บัวใหญ่” การ์ดคนเสื้อแดง แล้วถูกจับคนหนึ่งเป็นยศชั้นประทวน แต่ตำรวจสัญญาบัตรที่เกี่ยวข้องนั้นก็มี ก็มีคนมาบอกตนพอบอกปั๊บ ก็สามารถโยงได้เลยว่าไปถึงใครบ้าง มีกี่นายพล

***"เดียร์"เห็นด้วยตำรวจสอยเสธ.แดง

วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย บุตรสาวของ พลตรี ขัตติยะ สวัสดิผล อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของพลตรี ขัตติยะ ว่า ตนได้รับข้อมูลจากการทำงานของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ โดย ร.ต.อ.เฉลิมระบุว่า การเสียชีวิตของพลตรี ขัตติยะ เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และวันนี้ ผ่านพ้นมา 1 ปี 7 เดือนแล้ว ตนจึงอยากวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพลตรี ขัตติยะ ออกมาสารภาพความจริง เพราะอีกไม่นานทุกคนก็ต้องรู้ว่าจริงอยู่แล้ว อย่าให้กรรมต้องลงโทษเองเลย

"ที่ผ่านมา ตนก็เคยน้อยใจว่าทุกคนลืมคุณพ่อของตนไปแล้ว แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้มีการพูดถึงการสอบสวนหาความจริงเกี่ยวกับ 91 ศพของคนเสื้อแดง ซึ่งมีคุณพ่อของตนรวมอยู่ด้วย ซึ่งข้อมูลที่ได้มาค่อนข้างตรงกับข้อมูลที่ตนมีอยู่ ก็ถือว่าตรงกัน ตนจึงเชื่อในการทำงานของ ร.ต.อ.เฉลิม ทั้งนี้ ในขณะนี้ตนก็รู้สึกชื่นใจที่ทุกคนยังไม่ลืม พลตรี ขัตติยะ และตนก็เชื่อในกฎหมายของประเทศไทย"น.ส.ชัตติยากล่าว

***"มาร์ค"อัด"เหลิม"นักเล่านิทาน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่าชายชุดดำที่ซุ้มยิงกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากภาคอีสาน ว่า หากร.ต.อ.เฉลิมรู้ข้อมูลมากขนาดนี้ ก็ควรใช้อำนาจดำเนินการเอาผิดกับคนเหล่านี้

“ผมไม่แน่ใจท่านมีหลานหรือเปล่า เพราะเห็นเล่านิทานเก่ง วันก่อนยังเล่านิทานอยู่เลยว่าไม่มีเสื้อดำ วันนี้เปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม พอผมกับคุณสุเทพ (เทือกสุบรรณ) หอบหลักฐานไปว่ามีชายชุดดำอยู่ในที่เกิดเหตุ ก็เลยเปลี่ยนใหม่หรือเปล่าไม่ทราบ ท่านดูจะรู้ไปเกือบทุกเรื่อง แต่ที่แปลก คือ ว่าถ้ารู้ขนาดนี้ และมีอำนาจ ทำไมไม่ดำเนินการ ไปจับกุมมาให้เห็นสังคมได้หายสงสัยจะได้สืบสาวกันไป วันนี้บอกว่าชายชุดดำเป็นตำรวจ แล้วมียิงประชาชนก็ต้องตอบต่อไปว่าชายชุดดำที่ยิงทหารชุดเดียวกันด้วยหรือเปล่า แล้วทำไมถึงต้องมีการเอาตำรวจมายิงทั้งประชาชนและทหารเพื่ออะไร ถึงจะได้ประโยชน์ แต่ก็ขอให้คนฟังใช้วิจารณญาณ ว่าจะเชื่อหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจควรจะออกหมายเรียกให้ร.ต.อ.เฉลิมไปให้การ เพราะว่ารู้ดีเหลือเกิน เพราะว่าพูดอย่างนี้พูดยังไงก็ได้ แต่การให้ปากคำ ถ้าให้การเท็จถือว่ามีความผิด”นายอภิสิทธิ์กล่าว

***เตรียมหาช่องเอาผิดดร.เหลิม

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายทหารบางราย ในเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ในช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค.2553 ว่า ร.ต.อ.เฉลิม ทำตัวน่ารำคาญ พูดทุกเรื่อง รู้ไปหมด ถ้ารู้ก็ดำเนินคดีเลย โดยตนจะหารือกับเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ทางกฎหมาย ถ้าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตนจะดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.เฉลิมเอง การที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาพูดเกี่ยวกับเนื้อหาในคดีเช่นนี้ ประชาชนคงคิดอยู่แล้วว่าที่ร.ต.อ.เฉลิม ทำหวังจะให้เข้าตานายใหญ่ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการปรับครม. ที่ใกล้จะถึงนี้หรือไม่ ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันไป

เมื่อถามว่าการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อ้างว่า มีนายตำรวจใส่ชุดดำไปยิงคนเสื้อแดง จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงคดีที่กำลังดำเนินการหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ แต่ถ้าร.ต.อ.เฉลิม รู้ก็ช่วยบอกให้ทราบด้วย ตนรู้มาจากอดีตนายตำรวจ ที่เป็นแกนำ นปช. ที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหว ช่วงที่มีชายชุดดำ ก็คือ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม ซึ่งไม่ทราบว่า จะเป็นคนเดียวกับที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุหรือไม่

เมื่อถามว่า มีความพยายามโยงไปว่า ผู้ที่ยิงเป็นนายตำรวจจาก จ.บุรีรัมย์ นายสุเทพ กล่าวว่า ยืนยันว่าการทำงานของรัฐบาลชุดที่แล้ว ไมได้สร้างสถานการณ์ แต่พยายามแก้ไข ป้องกัน ไม่ให้เกิดความสูญเสีย แต่คนพวกนี้ตั้งใจที่จะทำให้เกิดความรุนแรง เพื่อให้เกิดสงครามกลางเมือง ปลุกประชาชนให้ลุกฮือ เพื่อให้เกิดการปฏิวัติ ตามแผนก่อการร้ายทางการเมืองที่วางไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น