ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -นับเป็นการกระทำที่มิบังควรอย่างยิ่งของ 'น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' และทีมงานซึ่งดูแลเฟซบุ๊ก "Yingluck Shinawatra" ต่อกรณีที่อ้างว่าเกิดความผิดพลาดในการ เผยแพร่ข้อความ "?5 ธันวา รวมพลังคนไทย รวมหัวใจถวายพระพรชัยมงคล" เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่ภาพประกอบกลับเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) แทนที่จะเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในรัชกาลปัจจุบัน ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์และติติงอย่างหนักทั้งในสังคมออนไลน์และในหมู่ประชาชนทั่วไป
เพราะข้ออ้างในเรื่องความเลินเล่อผิดพลาดนั้นดูจะฟังไม่ขึ้น เนื่องด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 นั้นมีปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไป แม้แต่เด็กๆ ก็ยังจำได้ว่าองค์ไหนคือในหลวงรัชกาลที่ 9 ดังนั้น การจะบอกว่าทีมงานเข้าใจผิดจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อีกทั้งยังมีการขึ้นภาพดังกล่าวเป็นเวลากว่า 13 ชั่วโมง คือตั้งแต่ 10.00 น.กว่าๆ จนกระทั่งเวลา 23.58 น. โดยที่ไม่ได้รีบแก้ไข ทั้งๆ ที่ทันทีที่มีการโพสต์พระบรมฉายาลักษณ์ดังกล่าว ประชาชนคนไทยที่ที่ติดตามเฟซบุ๊ก "Yingluck Shinawatra" ต่างก็พากันท้วงติงและวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมดังขรมไปทั้งโลกออนไลน์
ที่น่าแปลกคือ แม้นายกฯยิ่งลักษณ์จะมอบหมายให้ นายบัญฑูร สุภัควณิช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือชี้แจงไปยังสำนักราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่นับตั้งแต่เกิดเรื่องนายกฯกลับไม่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ชี้แจงใดๆ โดยอ้างว่าได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กไปแล้ว แต่ก็กลับไม่มีใครได้เห็นคำชี้แจงที่ว่า
ขณะที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 'ฐิติมา ฉายแสง' ออกมาโบ้ยว่าเป็นความผิดของทีมงาน พร้อมทั้งประกาศตามหลังในอีก 3 วันถัดมาว่าได้ยกเลิกการจ้างทีมงานดังกล่าวแล้ว และทีมงานนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป แต่สังคมกลับมีคำถามตามมาว่าทีมงานที่ถูกอ้างถึงนั้นเป็นใคร เหตุใดจึงไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งการไล่ออกดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และเป็นไปได้อย่างไรที่ทีมงานที่เป็นคนนอกจะกล้าทำเรื่องอื้อฉาวขนาดนี้โดยไม่มีผู้ใหญ่ในพรรครู้เห็น เพราะหากดูโดยบริบททางการเมืองแล้วย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการจ้างทีมงานซึ่งเป็นคนนอกให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษา ดูแลจัดทำเฟซบุ๊กส่วนตัว คอยติดตามและถ่ายภาพการทำงานของบุคคลระดับนายกรัฐมนตรีเพื่อนำมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ แต่ผู้ที่จะมาทำหน้าที่เหล่านี้ได้น่าจะเป็นทีมงานของพรรคเพื่อไทยเอง
นอกจากจะถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงแล้ว ในภาคการเมืองก็หาได้นิ่งนอนใจกับการกระทำอันมิบังควรครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของฝ่ายค้าน หรือบรรดา ส.ว.ที่ต่างก็ออกมาตำหนินายกฯยิ่งลักษณ์อย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งเรียกร้องกดดันให้มีตรวจสอบและแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยนางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ระบุว่า แม้รัฐบาลจะขอพระราชทานอภัยโทษไปแล้ว แต่ถือว่ายังไม่พอ นายกฯควรออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอโทษกับประชาชนด้วย
“เรื่องนี้ต้องรับผิดชอบกันด้วย เพราะพลาดกันตลอด โดยเฉพาะเมื่อมาเกิดในช่วงวโรกาสสำคัญ รัฐบาลคงต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ทีมงานต้องออกมาชี้แจงว่าไปเอาภาพมาจากไหน เหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าชี้แจงไม่ได้ รัฐบาลต้องเป็นคนแจง เพราะประชาชนยังเกิดข้อสงสัยและกังขากันมาก” นางตรึงใจระบุ
แต่ความเคลือบแคลงใจต่อกรณีการโพสภาพผิดพลาดในเฟสบุ๊กของนายกฯยิ่งลักษณ์ก็เริ่มกระจ่างแจ่มชัดขึ้นเมื่อจิกซอว์ตัวต่อมาปรากฏให้เห็น หลังจากที่พบว่าวัดป่าเขาสวนกวางหรือวัดตาดฟ้า ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านหนองตะนา หมู่ที่ 9 ต.เขาสวนกวาง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น อันนับเป็นย่านหนึ่งของชุมชนคนเสื้อแดง ได้มีการนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ไปติดในซุ้มเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีตราพระปรมาภิไธย ภปร. และมีคำว่า “ ทรงพระเจริญ ” ตั้งอยู่หน้าวัด ในช่วงที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ น้อมเกล้าถวายพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ซึ่งสอดรับชี้ชัดว่าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) ที่ปรากฏบนเฟซบุ๊กของนายกฯยิ่งลักษณ์นั้นหาใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่อาจเป็นความจงใจที่ต้องสื่อ 'นัย' บางอย่าง
และแม้นายจารึก เหล่าประเสริฐ นายอำเภอเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น จะออกมาชี้แจงกรณีที่มีการตั้งพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (ร.8) หน้าวัดเขาสวนกวาง ว่า เนื่องจากทางวัดได้รับการประสานขอใช้สถานที่จากโครงการสวดมนต?เฉลิมพระเกียรติ เพื่อความสถิตสถาพรของแผ่นดินไทย ที่มี รศ.ดร.พิชัย โตวิวิชญ์ เป็นเลขาธิการโครงการ มาติดต่อขอใช้วัดเขาสวนกวางเป็นสถานที่จัดงานสวดมนต์ซึ่งจัดไปเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้รับแจ้งจากเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งว่าวัดนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ในหลวงทั้ง 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 7 รัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จฯมา จึงให้ใช้วัดแห่งนี้จัดงานสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ พร้อมกับนำภาพพระบรมฉายาลักษณ์ทั้ง 3 พระองค์มาตั้งไว้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่านอกจากพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 8 ซึ่งตั้งอยู่หน้าวัดแล้วก็มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ของรัชกาลที่ 7 ตั้งไว้หน้าถ้ำกินรี ภายในวัดเขาสวนกวางด้วย แต่กลับไม่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลปัจจุบันตั้งอยู่ภายในวัดเลย
ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือในช่วงที่ผ่านมาได้มีการหยิบยกกรณีการเสด็จสวรรคตของรัชกาลที่ 8 มาเล่าลือปล่อยข่าวในหมู่มวลชนคนเสื้อแดงในลักษณะที่บิดเบือนให้ร้ายสถาบัน ทั้งในพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลและในชุมชนเมือง โดยเฉพาะในจุดที่ถูกสถาปนาขึ้นเป็นหมู่บ้านเสื้อแดง มีขบวนการปั้นเรื่องปลุกระดมในสังคมออนไลน์ของเครือข่ายเสื้อแดง และกลุ่มคนบางสาขาอาชีพที่ถูกซื้อใจด้วยนโยบายประชานิยมจนคนเหล่านี้เต็มอกเต็มใจที่จะปวารณาตนป็นคนเสื้อแดง เช่น กลุ่มคนขับแท็กซี่ และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
แน่นอนว่าการสร้างเรื่องให้ร้ายสถาบันในครั้งนี้ย่อมมีเป้าประสงค์ที่ 'ไม่ธรรมดา' ถึงขั้นพลิกฟ้าคว่ำดิน โดยใช้มวลชนคนเสื้อแดงที่ถูกมอมเมาล้างสมองกับวาทกรรมเรื่องความเหลื่อมล้ำของ 'ไพร่' และ 'อำมาตย์' เป็น 'หมาก' ในการเดินเกม
ขณะที่หลายคนแปลกใจว่าเหตุใดรัฐบาลและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ภายใต้การกำกับดูแลของ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ จึงแกล้งหลับตาไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่มีเว็บไซต์หมิ่นสถาบันอยู่เต็มบ้านมเต็มเมือง และปล่อยให้เครือข่ายเสื้อแดงในเฟซบุ๊กโหมกระแสให้ร้ายสถาบันโดยไม่มีการติดตามตัวมาดำเนินคดี
อีกทั้งการกลับมามอบตัวของแกนนำระดับฮาร์ดคอร์ อย่าง 'ไอ้กี้ร์' อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ที่เคยประกาศก้องว่าจะทำให้ 'โรงพยาบาลศิริราช' หายไป ในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง ก่อนจะตะกายตึกหนีการจับกุมในคดีก่อการร้ายไปกบดานอยู่ในประเทศกัมพูชานั้นก็นับเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตายิ่ง เพราะคนขี้ขลาดอย่างอริสมันต์นั้นคงไม่ตัดสินใจกลับมามอบตัวง่ายๆ ถ้าไม่มั่นใจว่าจะหลุดคดี
นับแต่นี้ 'ขบวนการล้มเจ้า' อาจถูกปลุกให้ฮึกเหิมขึ้นอีกครั้ง ส่วนจะนำไปสู่สถานการณ์ที่ร้อนแรงเพียงใดนั้นยังมิอาจตอบได้
หากพูดกันแบบไม่อ้อมค้อมก็ต้องบอกว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ 'ปรากฏการณ์พระบรมฉายาลักษณ์ ร.8' คือปรากฏการณ์ของผู้ที่มุ่งร้ายต่อสถาบัน ซึ่งปั้นเรื่องให้ร้ายหมายสั่นคลอนสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศ โดยที่บุคคลเหล่านี้มิได้สำเหนียกระลึกถึงพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ท่านทรงเสียสละความสุขส่วนพระองค์ ทรงงานด้วยความเหนื่อยยากแทบไม่มีวันหยุดพักนับตั้งแต่ขึ้นครองสิริราชสมบัติ กระทั่งพระชนมายุล่วงเข้า 84 พรรษา แม้กำลังประชวรด้วยทรงล้าเพราะตรากตรำพระวรกายมาตลอดพระชนม์ชีพ แต่ก็ยังทรงห่วงใยประชาชน ทรงไถ่ถามและพระราชทานแนวทางแก้ไขปัญหาในเรื่องต่างๆ ด้วยหวังให้พสกนิกรของพระองค์ท่านอยู่ดีมีสุข
แล้วผู้ที่แอบอ้างหวังสูง ปั้นวาทกรรมความเหลี่ยมล้ำของ 'ไพร่' และ 'อำมาตย์' นั้นเล่า ชั่วชีวิตนี้ได้ทำความดีแม้เพียงเศษเสี้ยวแห่งละอองใต้ธุลีพระบาทของพระองค์หรือไม่ !! หรือได้แต่เพียงรับงานแลกเศษเงินจากใครบางคนที่หวังโค่นฟ้า !!