ASTVผู้จัดการรายวัน – “เมกะบางนา” เลื่อนเปิด 6 สัปดาห์ อ้างให้ผู้เช่าพร้อมเต็มที่ ทุ่ม งบตลาด 200 ล้าน เปิด 5 พ.ค.ปีหน้า มั่นใจศักยภาพประเทศไทย เล็งปรับแผนเร็วขึ้น 10 ปี จากเดิม 15 ปี ผุดครบ 3 สาขา
นายคริสเตียน โอลอฟเซน ประธานกรรมการฝ่ายจัดการ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ดูแลศูนย์การค้า เมกะบางนา เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมและปัจจัยลบทางด้านอื่นๆที่ผ่านมา ทางบริษัทและผู้ลงทุนต่างชาติ ยังคงให้ความมั่นใจ และมองว่าแนวโน้มของธุรกิจค้าปลีกไทยจะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีความยืดหยุ่นสูงมีความสามารถในการฟื้นตัวทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจได้รวดเร็ว รวมถึงกำลังซื้อ ถึงแม้จะกระทบบ้าง แต่ก็เป็นเฉพาะช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น เชื่อว่าจะฟื้นกลับมาได้ในเร็ววัน
ล่าสุดได้ปรับแผนการลงทุนขยายสาขาเพิ่มเร็วขึ้นเป็น 10 ปี จะขยายให้ได้รวม 3 สาขา นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป จากเดิมวางไว้ 15 ปี
ซึ่งอีก 2 สาขาที่จะขยายเพิ่มนั้นมีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จะมีคอนเซ็ปต์และขนาดใกล้เคียงกับที่เมกะบางนา งบลงทุนต่อสาขาไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
ส่วนเมกะบางนา เตรียมเปิดบริการวันที่ 5 พ.ค. 2555 ถึงแม้ว่าจะเลื่อนเปิดจากเดิมออกมาราว 6 สัปดาห์ก็ตาม แต่ก็เพื่อให้ผู้เช่าพื้นที่ มีเวลาในการตกแต่งร้านได้อย่างเต็มที่ และเพื่อให้เข้ากับธีมการเปิดตัวเท่านั้น ที่จะเล่นกับตัวเลข 5 ภายใต้งบการตลาด ตลอดปี 2555 จะใช้รวมกว่า 200 ล้านบาท
จะเริ่มใช้ในช่วงพรีโอเพ่นนิ่งตั้งแต่เดือนธ.ค.นี้เป็นต้นไป 30 ล้านบาท และที่เหลืออีก 170 ล้านบาท จะใช้ตั้งแต่วันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ปัจจุบันเมกะบางนา มียอดจองพื้นที่เช่าแล้วกว่า 92% ทั้งจากผู้ค้าชั้นนำในไทยและต่างประเทศ บนพื้นที่อาคารรวมกว่า 400,000 ตารางเมตร คิดเป็นจำนวนผู้เช่ากว่า 450 ราย และเป็นร้านค้าแบบเปิดอีก 335 ราย ประกอบด้วยโซน แฟชั่น คิดเป็น 34% ของพื้นที่ทั้งหมด, ฟู้ด 24% และที่เหลืออีก 42% จะเป็นพื้นที่ของ เทคโนโลยี, เวลเนส, โฮม, คิดส์ และแบงกิ้ง เน้นกลุ่มเป้าหมายหลักคือ แฟมิลี่ ผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้ว ตั้งแต่ระดับซีไปถึงเอ คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการวันละประมาณ 1 แสนคน หรือราว 40 ล้านคนต่อปี
โครงการเมกะบางนา ถือเป็นเดสติเนชั่นช้อปปิ้งแห่งใหม่บนย่านชานเมืองที่สมบูรณ์แบบไม่ต่างจากศูนย์การค้าในใจกลางเมือง บวกกับการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นดังนั้นจึงมีแบรนด์สินค้าใหม่ๆที่ยังไม่เคยเข้ามาลงทุนในไทยก็สนใจเข้ามาร่วมให้บริการไม่ต่ำกว่า 20-30 แบรนด์ เช่น ฟู้ด รีพับบลิก เป็นภัตตาคารชั้นนำจากสิงคโปร์, ฮิปโปโปเตมัส ร้านสเต็กจากฝรั่งเศส เป็นต้น
นายคริสเตียน กล่าวต่อว่า คาดว่าเมกะบางนา จะคืนทุนได้ภายใน10 ปีตามแผนที่วางไว้ หรืออาจจะเร็วกว่านั้นหลังจากลงทุน 10,000 กว่าล้านบาท เฉลี่ยต่อปีคาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
นายคริสเตียน โอลอฟเซน ประธานกรรมการฝ่ายจัดการ บริษัท เอสเอฟ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ดูแลศูนย์การค้า เมกะบางนา เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมและปัจจัยลบทางด้านอื่นๆที่ผ่านมา ทางบริษัทและผู้ลงทุนต่างชาติ ยังคงให้ความมั่นใจ และมองว่าแนวโน้มของธุรกิจค้าปลีกไทยจะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีความยืดหยุ่นสูงมีความสามารถในการฟื้นตัวทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจได้รวดเร็ว รวมถึงกำลังซื้อ ถึงแม้จะกระทบบ้าง แต่ก็เป็นเฉพาะช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น เชื่อว่าจะฟื้นกลับมาได้ในเร็ววัน
ล่าสุดได้ปรับแผนการลงทุนขยายสาขาเพิ่มเร็วขึ้นเป็น 10 ปี จะขยายให้ได้รวม 3 สาขา นับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป จากเดิมวางไว้ 15 ปี
ซึ่งอีก 2 สาขาที่จะขยายเพิ่มนั้นมีทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จะมีคอนเซ็ปต์และขนาดใกล้เคียงกับที่เมกะบางนา งบลงทุนต่อสาขาไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
ส่วนเมกะบางนา เตรียมเปิดบริการวันที่ 5 พ.ค. 2555 ถึงแม้ว่าจะเลื่อนเปิดจากเดิมออกมาราว 6 สัปดาห์ก็ตาม แต่ก็เพื่อให้ผู้เช่าพื้นที่ มีเวลาในการตกแต่งร้านได้อย่างเต็มที่ และเพื่อให้เข้ากับธีมการเปิดตัวเท่านั้น ที่จะเล่นกับตัวเลข 5 ภายใต้งบการตลาด ตลอดปี 2555 จะใช้รวมกว่า 200 ล้านบาท
จะเริ่มใช้ในช่วงพรีโอเพ่นนิ่งตั้งแต่เดือนธ.ค.นี้เป็นต้นไป 30 ล้านบาท และที่เหลืออีก 170 ล้านบาท จะใช้ตั้งแต่วันที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ปัจจุบันเมกะบางนา มียอดจองพื้นที่เช่าแล้วกว่า 92% ทั้งจากผู้ค้าชั้นนำในไทยและต่างประเทศ บนพื้นที่อาคารรวมกว่า 400,000 ตารางเมตร คิดเป็นจำนวนผู้เช่ากว่า 450 ราย และเป็นร้านค้าแบบเปิดอีก 335 ราย ประกอบด้วยโซน แฟชั่น คิดเป็น 34% ของพื้นที่ทั้งหมด, ฟู้ด 24% และที่เหลืออีก 42% จะเป็นพื้นที่ของ เทคโนโลยี, เวลเนส, โฮม, คิดส์ และแบงกิ้ง เน้นกลุ่มเป้าหมายหลักคือ แฟมิลี่ ผู้หญิงที่มีครอบครัวแล้ว ตั้งแต่ระดับซีไปถึงเอ คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการวันละประมาณ 1 แสนคน หรือราว 40 ล้านคนต่อปี
โครงการเมกะบางนา ถือเป็นเดสติเนชั่นช้อปปิ้งแห่งใหม่บนย่านชานเมืองที่สมบูรณ์แบบไม่ต่างจากศูนย์การค้าในใจกลางเมือง บวกกับการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นดังนั้นจึงมีแบรนด์สินค้าใหม่ๆที่ยังไม่เคยเข้ามาลงทุนในไทยก็สนใจเข้ามาร่วมให้บริการไม่ต่ำกว่า 20-30 แบรนด์ เช่น ฟู้ด รีพับบลิก เป็นภัตตาคารชั้นนำจากสิงคโปร์, ฮิปโปโปเตมัส ร้านสเต็กจากฝรั่งเศส เป็นต้น
นายคริสเตียน กล่าวต่อว่า คาดว่าเมกะบางนา จะคืนทุนได้ภายใน10 ปีตามแผนที่วางไว้ หรืออาจจะเร็วกว่านั้นหลังจากลงทุน 10,000 กว่าล้านบาท เฉลี่ยต่อปีคาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท