ตาก - หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 รวบแก๊งลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเข้ากรุงเทพฯ พบดัดแปลงปิกอัพซุกแรงงานเถื่อนใต้กระบะ แถมเจอตำรวจสืบสวนตากมีเอี่ยว ถึงขั้นนั่งคุมมากับรถขนต่างด้าว ทำหน้าที่เคลียร์ด่านฯให้
หลังจากน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล เริ่มคลี่คลายลงมาบ้างแล้วบรรดาแรงงานพม่าหนีน้ำท่วมช่วงก่อนหน้านี้ได้หลั่งไหลเดินทางกลับเข้าไปทำงานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการเดินทางต้องใช้วิธีผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมืองที่ขบวนการรับจ้างขนคนเถื่อนเหล่านี้มีหลายๆ วิธี และมักจะมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องเสมอ
ขณะที่ พ.อ.นพดล วัชรจิตบวร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานได้สั่งการกำลังทหารพรานตรวจเข้มตลอดแนวชายแดนไทย-พม่า ด้านพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ตรงข้าม จ.เมียวดี ของพม่า เพื่อป้องกันการลักลอบการเคลื่อนย้ายแรงงานเถื่อนมายังประเทศไทยอย่างเข้มงวด
ต่อมาระหว่าง พ.ท.สุพร เรื่อศรีจันทร์ รอง ผบ.ฉก.,พ.ท.วิรุทร ประดิษฐ เสธ.ผบ.ฉก.,พ.ต.ปรีชา ชมชาติ และกำลังทหารพราน ตั้งด่านที่ทางแยกเข้าบ้านปากห้วยแม่ปะ ต.แม่ปะ อ.แม่สอด ถนนเลียบชายแดนบ้านวังตะเคียน-บ้านวังแก้ว เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมาได้มีรถเก๋งโตโยต้าวีออส สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กท 3353 พิษณุโลก มีตำรวจระดับจ่า นายสิบตำรวจ สังกัดงานสืบสวน กองกำกับการภูธรตาก เป็นผู้ขับขี่นำหน้าคอยเคลียร์เจ้าหน้าที่ และมีปิกอัพโตโยต้าวีโก้สีบรอนซ์ติดตามมาอีก 3 คันหมายเลขทะเบียน บท 9511 กำแพงเพชร บม 7109 พิษณุโลก และ บย 6653 พิษณุโลก ตามลำดับ
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นโดยละเอียดพบรถยนต์ปิกอัพทั้ง 3 คันมีการดัดแปลงเจาะพื้นต่ำลงแล้วมีถาดพลาสติกปิดไว้ และมีแรงงานพม่าซุกซ่อนนอนอยู่ทั้ง 3 คันรวมเป็นหญิง 17 คนชาย 4 คน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมผู้ต้องหาที่ขับขี่ 4 คนรวมผู้ติดตามเป็นผู้หญิงอีก 1 คน ดังนี้ 1.นายจำรัส เสนแก้ว อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210/15 หมู่ 11 ต.น้ำรึม อ.เมือง จ.ตาก 2.นายวิบูลย์ โพธิมงคล อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 1 ต.น้ำรึม อ.เมือง จ.ตาก 3.นายชาญฤทธิ์ แก่นจันทร์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141/3 ถนนตากสิน อ.เมือง จ.ตาก 4.นางสุภาพร กันปี้ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 9 ต.น้ำรึม อ.เมือง จ.ตาก และ 5.จ.ส.ต.สราวุธ จินดา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับของกลางที่พบมีดังนี้ อาวุธปืนสั้น 3 กระบอก พร้อมกระสุน 99 นัด โทรศัพท์ 6 เครื่อง เงินสด 257,780 บาท
นางสาวมะเอ หนึ่งในแรงงานที่ถูกจับกุม กล่าวว่า ตนทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่กรุงเทพฯ เมื่อน้ำท่วมกรุงเทพฯนายจ้างให้เดินทางกลับบ้าน ขณะนี้น้ำลดแล้วก็จะเดินทางกลับไปทำงานจึงหาวิธีลักลอบเข้ากรุงเทพฯ โดยเสียค่าใช้จ่ายคนละ 14,000 บาท
นายจำรัส เสนแก้ว ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมกล่าวว่า เคยลักลอบขนมาแล้วหลายครั้ง นึกไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่จะมาตั้งด่าน ส่วนการลักลอบขนแรงงานใช้เส้นทางแม่ระมาด-บ้านตากไม่ได้ใช้ถนนเส้นแม่สอด-ตาก เนื่องจากมีด่านตรวจมาก
หลังจากน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑล เริ่มคลี่คลายลงมาบ้างแล้วบรรดาแรงงานพม่าหนีน้ำท่วมช่วงก่อนหน้านี้ได้หลั่งไหลเดินทางกลับเข้าไปทำงานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการเดินทางต้องใช้วิธีผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมืองที่ขบวนการรับจ้างขนคนเถื่อนเหล่านี้มีหลายๆ วิธี และมักจะมีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องเสมอ
ขณะที่ พ.อ.นพดล วัชรจิตบวร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานได้สั่งการกำลังทหารพรานตรวจเข้มตลอดแนวชายแดนไทย-พม่า ด้านพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ตรงข้าม จ.เมียวดี ของพม่า เพื่อป้องกันการลักลอบการเคลื่อนย้ายแรงงานเถื่อนมายังประเทศไทยอย่างเข้มงวด
ต่อมาระหว่าง พ.ท.สุพร เรื่อศรีจันทร์ รอง ผบ.ฉก.,พ.ท.วิรุทร ประดิษฐ เสธ.ผบ.ฉก.,พ.ต.ปรีชา ชมชาติ และกำลังทหารพราน ตั้งด่านที่ทางแยกเข้าบ้านปากห้วยแม่ปะ ต.แม่ปะ อ.แม่สอด ถนนเลียบชายแดนบ้านวังตะเคียน-บ้านวังแก้ว เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมาได้มีรถเก๋งโตโยต้าวีออส สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กท 3353 พิษณุโลก มีตำรวจระดับจ่า นายสิบตำรวจ สังกัดงานสืบสวน กองกำกับการภูธรตาก เป็นผู้ขับขี่นำหน้าคอยเคลียร์เจ้าหน้าที่ และมีปิกอัพโตโยต้าวีโก้สีบรอนซ์ติดตามมาอีก 3 คันหมายเลขทะเบียน บท 9511 กำแพงเพชร บม 7109 พิษณุโลก และ บย 6653 พิษณุโลก ตามลำดับ
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นโดยละเอียดพบรถยนต์ปิกอัพทั้ง 3 คันมีการดัดแปลงเจาะพื้นต่ำลงแล้วมีถาดพลาสติกปิดไว้ และมีแรงงานพม่าซุกซ่อนนอนอยู่ทั้ง 3 คันรวมเป็นหญิง 17 คนชาย 4 คน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมผู้ต้องหาที่ขับขี่ 4 คนรวมผู้ติดตามเป็นผู้หญิงอีก 1 คน ดังนี้ 1.นายจำรัส เสนแก้ว อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210/15 หมู่ 11 ต.น้ำรึม อ.เมือง จ.ตาก 2.นายวิบูลย์ โพธิมงคล อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 1 ต.น้ำรึม อ.เมือง จ.ตาก 3.นายชาญฤทธิ์ แก่นจันทร์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 141/3 ถนนตากสิน อ.เมือง จ.ตาก 4.นางสุภาพร กันปี้ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 9 ต.น้ำรึม อ.เมือง จ.ตาก และ 5.จ.ส.ต.สราวุธ จินดา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำหรับของกลางที่พบมีดังนี้ อาวุธปืนสั้น 3 กระบอก พร้อมกระสุน 99 นัด โทรศัพท์ 6 เครื่อง เงินสด 257,780 บาท
นางสาวมะเอ หนึ่งในแรงงานที่ถูกจับกุม กล่าวว่า ตนทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ที่กรุงเทพฯ เมื่อน้ำท่วมกรุงเทพฯนายจ้างให้เดินทางกลับบ้าน ขณะนี้น้ำลดแล้วก็จะเดินทางกลับไปทำงานจึงหาวิธีลักลอบเข้ากรุงเทพฯ โดยเสียค่าใช้จ่ายคนละ 14,000 บาท
นายจำรัส เสนแก้ว ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมกล่าวว่า เคยลักลอบขนมาแล้วหลายครั้ง นึกไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่จะมาตั้งด่าน ส่วนการลักลอบขนแรงงานใช้เส้นทางแม่ระมาด-บ้านตากไม่ได้ใช้ถนนเส้นแม่สอด-ตาก เนื่องจากมีด่านตรวจมาก
