นายปิลัญชัย ประดับพงศ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SST เปิดเผยว่าบริษัท
คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิปี 55 จะเติบโต 100% ซึ่งรายได้จะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท
เนื่องจาก รับรู้รายได้จากการเข้าไปซื้อหุ้นบริษัท มันแมน จำกัด บริษัท เอบีพี คาเฟ(ประเทศไทย) ซึ่งประกอบธุรกิจร้าน โอ บอง
แปงและบริษัทโกลเด้น โดนัท ซึ่งประกอบธุรกิจร้าน ดังกิ้น โดนัท ซึ่งร้านทั้ง 2 แห่งจะสร้างรายได้ 1,000 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้ใน
ไตรมาส1/55หรือไตรมาส2/55 อีก 1,000 ล้านบาทจะมาจากธุรกิจเดิมของบริษัทคือคลังสินค้า คลังเอกสาร และธุรกิจน้ำมันพืชทิพ
ทั้งนี้ หลังจากซื้อโอบองแปง และดังกิ้นโดนัท บริษัทมีแผน 10 ปี โดยตั้งเป้ารายได้จาก 1,000 ล้านบาทเป็น 3,000 ล้าน
บาท พร้อมกับเปิดร้านเพิ่มจากปัจจุบันทั้ง 2 แห่ง มี 200 สาขา เป็น 400 สาขา พร้อมกับผลักดันให้กำไรต่อสาขาเพิ่มขึ้น 3 เท่าจาก
ปัจจุบัน โดยแต่ละร้านจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 ล้านบาทต่อสาขา โดยปัจจุบันโอบองแปง มีสาขา 46 สาขา ส่วนดังกิ้นโดนัท 200
สาขา
สำหรับการที่บริษัทเข้าไปลงทุนใน 2 บริษัทนี้ เนื่องจากมองว่าเป็นการกระจายรายได้ของบริษัทและธุรกิจอาหารดัง
กล่าวมีกระแสเงินสดที่สูง บริษัทก็จะนำกระแสเงินสดที่ได้นำไปชำระเงินกู้ ซึ่งหลังจากเข้าไปซื้อ 2 บริษัทนี้ SST จะมีหนี้สินรวม
ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยในส่วนนโยบายการจ่ายเงินปันผลจากที่ผ่านมาบริษัทมีการจ่ายต่อเนื่องทุกปี แต่จากในช่วง 2 ปีนี้
บริษัทได้เข้าไปซื้อกิจการต่าง ๆ ทำให้บริษัทจะต้องนำเงินไปลดหนี้ก่อน ทำให้ผลตอบแทนการเงินลงทุนที่จะให้นักลงทุนอาจไม่ใช่
เงินปันผลแต่อาจจะเป็นรูปแบบอื่น
นายปิลัญชัยกล่าวว่าเงินลงทุนซื้อหุ้น 2 บริษัทดังกล่าววงเงิน 1,320 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินกู้จากสถาบันการเงิน 800
ล้านบาท และอีก 500 ล้านบาท จะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท โดยคาดว่าบริษัทจะเข้าไปบริหารงานใน 2 บริษัทได้ประมาณ
เดือนมกราคมปีหน้า โดยทีมผู้บริหารนั้นยังคงใช้ทีมงานเดิมของทั้ง 2 บริษัทเพื่อให้สามารถทำธุรกิจได้ต่อเนื่องไม่สะดุด ส่วนการที่
บริษัทจะเปลี่ยนหมวดการจดทะเบียนเป็นกลุ่มอาหาร หรือ โฮลดิ้งนั้นคงจะต้องอยู่ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นผู้
พิจารณาหลังจากที่สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทเปลี่ยนไปเป็นธุรกิจอาหาร 60% และอีก 30% เป็นธุรกิจน้ำมันพืช และ 10% เป็น
ธุรกิจคลังสินค้า
คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิปี 55 จะเติบโต 100% ซึ่งรายได้จะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท
เนื่องจาก รับรู้รายได้จากการเข้าไปซื้อหุ้นบริษัท มันแมน จำกัด บริษัท เอบีพี คาเฟ(ประเทศไทย) ซึ่งประกอบธุรกิจร้าน โอ บอง
แปงและบริษัทโกลเด้น โดนัท ซึ่งประกอบธุรกิจร้าน ดังกิ้น โดนัท ซึ่งร้านทั้ง 2 แห่งจะสร้างรายได้ 1,000 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้ใน
ไตรมาส1/55หรือไตรมาส2/55 อีก 1,000 ล้านบาทจะมาจากธุรกิจเดิมของบริษัทคือคลังสินค้า คลังเอกสาร และธุรกิจน้ำมันพืชทิพ
ทั้งนี้ หลังจากซื้อโอบองแปง และดังกิ้นโดนัท บริษัทมีแผน 10 ปี โดยตั้งเป้ารายได้จาก 1,000 ล้านบาทเป็น 3,000 ล้าน
บาท พร้อมกับเปิดร้านเพิ่มจากปัจจุบันทั้ง 2 แห่ง มี 200 สาขา เป็น 400 สาขา พร้อมกับผลักดันให้กำไรต่อสาขาเพิ่มขึ้น 3 เท่าจาก
ปัจจุบัน โดยแต่ละร้านจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 ล้านบาทต่อสาขา โดยปัจจุบันโอบองแปง มีสาขา 46 สาขา ส่วนดังกิ้นโดนัท 200
สาขา
สำหรับการที่บริษัทเข้าไปลงทุนใน 2 บริษัทนี้ เนื่องจากมองว่าเป็นการกระจายรายได้ของบริษัทและธุรกิจอาหารดัง
กล่าวมีกระแสเงินสดที่สูง บริษัทก็จะนำกระแสเงินสดที่ได้นำไปชำระเงินกู้ ซึ่งหลังจากเข้าไปซื้อ 2 บริษัทนี้ SST จะมีหนี้สินรวม
ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยในส่วนนโยบายการจ่ายเงินปันผลจากที่ผ่านมาบริษัทมีการจ่ายต่อเนื่องทุกปี แต่จากในช่วง 2 ปีนี้
บริษัทได้เข้าไปซื้อกิจการต่าง ๆ ทำให้บริษัทจะต้องนำเงินไปลดหนี้ก่อน ทำให้ผลตอบแทนการเงินลงทุนที่จะให้นักลงทุนอาจไม่ใช่
เงินปันผลแต่อาจจะเป็นรูปแบบอื่น
นายปิลัญชัยกล่าวว่าเงินลงทุนซื้อหุ้น 2 บริษัทดังกล่าววงเงิน 1,320 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินกู้จากสถาบันการเงิน 800
ล้านบาท และอีก 500 ล้านบาท จะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท โดยคาดว่าบริษัทจะเข้าไปบริหารงานใน 2 บริษัทได้ประมาณ
เดือนมกราคมปีหน้า โดยทีมผู้บริหารนั้นยังคงใช้ทีมงานเดิมของทั้ง 2 บริษัทเพื่อให้สามารถทำธุรกิจได้ต่อเนื่องไม่สะดุด ส่วนการที่
บริษัทจะเปลี่ยนหมวดการจดทะเบียนเป็นกลุ่มอาหาร หรือ โฮลดิ้งนั้นคงจะต้องอยู่ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นผู้
พิจารณาหลังจากที่สัดส่วนรายได้หลักของบริษัทเปลี่ยนไปเป็นธุรกิจอาหาร 60% และอีก 30% เป็นธุรกิจน้ำมันพืช และ 10% เป็น
ธุรกิจคลังสินค้า