ASTVผู้จัดการรายวัน- ทัพบายเออร์ทั่วโลก พบผู้ประกอบการเชียงใหม่ เจรจาธุรกิจผ่านเวที CTF นำเสนอสินค้าท่องเที่ยวเจาะตลาดครอบครัว ไมซ์ ฮันนีมูน ยอมรับปัญหาหลักคือขาดเที่ยวบินตรง ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ชู รีแบรนดิ้งเมืองผ่านโมเดลล้านนา หลังทราบข้อมูลนักท่องเที่ยวถดถอยต่อเนื่อง เหตุภาพล้านนาเสื่อม รองผู้ว่าททท.ตลาดเอเชียเผย สัญญาณต่างชาติเริ่มลดระดับการเตือนนักท่องเที่ยวจากอุทกภัย คาด ธันวาคมนี้กลับสู่ภาวะปรกติ
วานนี้(23 พ.ย.54) ในงาน เชียงใหม่ แอนด์ นอร์ท ทัวริสซึ่ม ฟอรัม 2011 หรือ CTF จังหวัดเชียงใหม่ นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการ ตลาด ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า งานนี้จะเป็นเวทีให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี มีโอกาสได้พบและเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อ ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งงานนี้จะจัดทุกๆ 2 ปี
สำหรับปีนี้ ททท.ได้เชิญ ผู้ซื้อ(บายเออร์) จากทั่วโลกมาร่วมงาน 226 ราย และเชิญสื่อมวลชนจากต่างประเทศร่วมทำข่าวอีกราว 30 ราย กิจกรรมปีนี้ นอกจากชมแหล่งท่องเที่ยวและพบผู้ขายในเชียงใหม่ เสร็จแล้วทั้งคณะจะเดินทางไปจังหวัดภูเก็จ เพื่อพบปะผู้ขายเช่นกัน ส่วนสื่อมวลชนที่ร่วมเดินทางมา จะสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร เพื่อจะได้รับทราบข้อเท็จจริง ว่า กทม. โดยเฉพาะพื้นที่ชั้นใน ยังเดินทางเที่ยวได้ตามปรกติ สนามบินสุวรรณภูมิก็ใช้งานได้เป็นปรกติเช่นกัน
“เชียงใหม่ เป็นเดสติเนชั่นที่ ชาวยุโรป โดยเฉพาะ อมเริกา และฝรั่งเศส ชื่นชอบมาก เพราะเด่นเรื่องของวัฒนธรรมวิถีชีวิต จึงเป้ยจุดขายสำคัญที่ ททท.จะนำเสนอ แต่ปัญหาสำคัญ คือ ยังไม่ค่อยมีเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศมาเชียงใหม่ ประกอบกับ แบรนด์เชียงใหม่ ยังไม่แข็งแกร่งมากเนื่องจากผู้ประกอบการยังไม่ทำตลาดเชิงรุก คือไม่ออกไปทำตลาดในต่างประเทศ การจัดงาน CTF เหมือนเป็นการเดินทางมาอัพเดทสินค้าท่องเที่ยว ซึ่งปีนี้ เรานำเสนอ ไนท์ซาฟารี และ อควาเรียม รวมถึง การท่องเที่ยวแบบหผจญภัย บราซิลและแอฟริกาใต้”
****ต่างชาติเริ่มลดระดับการเตือน****
ทางด้านนายสรรเสริญ เงารังสี รองผู้ว่าการ ตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า กล่าวในงานเสวนาพิเศษ “สร้างล้านนาโมเดลภาคการท่องเที่ยวที่สัมผัสได้” ว่า นโยบาย การปรับภาพลักษณ์เมืองเชียงใหม่ ให้เป็น ที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม (เชียงใหม่ เดอะ โมส สเปลนดิด ซิตี้ ออฟ คัลเจอร์) ทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน ในเชียงใหม่ ต้องร่วมมือกันวางแผนยุทธศาสตร์และดำเนินการให้เป็นรูปธรรมภายใน 3-5 ปี ในการสร้างเอกลักษณ์ล้านนา เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ส่วนงบประมาณ ควรระดมมาจาก งบประจำปี แต่ละหน่วยงานรัฐ พร้อมให้อินเซนทีฟจูงใจ กับทุกภาคส่วนที่เข้าร่วมโครงการ
นายสรรเสริญ กล่าวถึง สถานการณ์ท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศ ว่า ขณะนี้กว่า 34 ประเทศที่ประกาศเตือน นักท่องเที่ยวอันเนื่องจากเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทย เริ่มทยอยปรับลดระดับการเตือน ลงอย่างต่อเนื่อง คิดเป็น 70% ของที่ประกาศเตือนทั้หงมด ล่าสุด คาดว่าประเทศฮ่องกงจะยกเลิกการเตือน นัวนที่ 29 พ.ย.ศกนี้ ส่วนประเทศจีน เตรียมเข้าหารือกงศุลใหม่ประเทศจีนประจำประเทศไทย เพื่อขอหารือในข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศไทย เพื่อกงศุลจะได้นำไปรายงานต่อรัฐบาลจีนเผื่อจะยกเลิกประกาศเตือนนักท่องเที่ยว คาดภายในต้นเดือนธันวาคนศกนี้ ทั้งตลาด จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน จะเริมมีทริปการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาต่อเนื่อง โดยตลาดเอเชียก็จะเริ่มฟื้นตัวกลับเป็นปรกติ สำหรับจังหวัด เชียงใหม่ ตลาด ที่ ททท. จะนำไปโปรโมต เช่น จีน ในเมือง กวางโจว และ เฉินตู จากปัจจุบัน ตลาดหลักจากจีน คือเมืองคุนหมิง ส่วนเชี่ยงไฮ้ ต้องจัดชาร์เตอร์ไฟล์ทมาลง โดยจีน ชอบ อีโคทัวร์ ส่วนอินเดีย เน้นจับตลาดแต่งงาน ฮันนีมูลและอินเซนทีฟ
***ตลาดอินเดียขอเพิ่มร้านอาหาร*****
อย่างไรก็ตามจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศที่เข้าร่วมงาน CTF ครั้งนี้ พบว่า นายซุบาฮิม ซาราวจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีเอส ทราเวล แอนด์ ทัวร์ ไพรเวท จำกัด ประเทศอินเดีย กล่าวว่า เชียงใหม่ เป็นเมืองที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยกลุ่มเป้าหมายที่บริษัทจะขายทัวร์ เช่น ครอบครัว ฮันนีมูน อินเซนทีฟ และ สัมมนา โดยสิ่งที่เชียงใหม่ ต้องปรับ คือ ต้องการให้มีร้านอาหารอินเดียในเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น กิจกรรมท่องเที่ยวในเชียงใหม่ ที่ชาวอินเดียชื่นชอบ เช่น ไนท์ซาฟารี งานมหกรรมพืชสวนโลก ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวอินเดีย ที่เดินทางมาประเทศไทย 35% จะเดินทางเข้าเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ด้วย โดยมีวันพักในจังหวัดนี้ 2-3 คืน ใช้จ่าย 20,000 บาทต่อคน คิดเป็นค่าใช้จ่าย 1 ใน 3 ของทริปการเดินทาง อนาคตคาดเพิ่มสัดส่วนเป็น 40%
***ผู้ว่าฯเชียงใหม่ปรับ 1 อำเภอ1แหล่งท่องเที่ยว****
ทั้งนี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า แผน การสร้างภาพลักษณ์เชียงใหม่ให้เป็น เดสติเนชั่น แห่งวิถีชีวิต แห่งล้านนา ตามแผน“สร้างล้านนาโมเดลภาคการท่องเที่ยวที่สัมผัสได้” จะเริ่มดำเนินการภายใน 1 ปี นับจากนี้ เพื่อวางรากฐานให้เชียงใหม่ ก้าวไปสู่ทิศทางที่ควรจะเป็น ซึ่งถือเป็นการรีแบรนด์ ความเป็นล้านนา ครั้งใหญ่ ของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อตั้งเมืองมากว่า 715 ปี เน้นชูอัตลักษณ์ ล้านนา ให้ชัดเจน จากที่ 4-5 ปีที่ผ่านมา เชียงใหม่ ได้รับอิทธิพลจากโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ภาพความเป็นล้านนาจึงเลือนหายไป จุดประสงค์ที่ต้องเริ่มรีแบรนด์ครั้งนี้ เพราะจากการสำรวจ พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเชียงใหม่ ต้องการมาสัมผัสวิถีชีวิตแบบล้านนา
จึงเป็นเหตุผลให้เกิดเชียงใหม่โมเดลในครั้งนี้ โดยทั้ง 25 อำเภอ จะต้องร่วมกันทำงาน นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวอำเภอละ 1 แห่ง ทำความใจกับภาคประชาชน ท้องถิ่น การจัดการด้านผังเมือง เพราะ รายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 35% ของ จีดีพี จ.เชียงใหม่
วานนี้(23 พ.ย.54) ในงาน เชียงใหม่ แอนด์ นอร์ท ทัวริสซึ่ม ฟอรัม 2011 หรือ CTF จังหวัดเชียงใหม่ นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการ ตลาด ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า งานนี้จะเป็นเวทีให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี มีโอกาสได้พบและเจรจาธุรกิจกับผู้ซื้อ ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งงานนี้จะจัดทุกๆ 2 ปี
สำหรับปีนี้ ททท.ได้เชิญ ผู้ซื้อ(บายเออร์) จากทั่วโลกมาร่วมงาน 226 ราย และเชิญสื่อมวลชนจากต่างประเทศร่วมทำข่าวอีกราว 30 ราย กิจกรรมปีนี้ นอกจากชมแหล่งท่องเที่ยวและพบผู้ขายในเชียงใหม่ เสร็จแล้วทั้งคณะจะเดินทางไปจังหวัดภูเก็จ เพื่อพบปะผู้ขายเช่นกัน ส่วนสื่อมวลชนที่ร่วมเดินทางมา จะสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร เพื่อจะได้รับทราบข้อเท็จจริง ว่า กทม. โดยเฉพาะพื้นที่ชั้นใน ยังเดินทางเที่ยวได้ตามปรกติ สนามบินสุวรรณภูมิก็ใช้งานได้เป็นปรกติเช่นกัน
“เชียงใหม่ เป็นเดสติเนชั่นที่ ชาวยุโรป โดยเฉพาะ อมเริกา และฝรั่งเศส ชื่นชอบมาก เพราะเด่นเรื่องของวัฒนธรรมวิถีชีวิต จึงเป้ยจุดขายสำคัญที่ ททท.จะนำเสนอ แต่ปัญหาสำคัญ คือ ยังไม่ค่อยมีเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศมาเชียงใหม่ ประกอบกับ แบรนด์เชียงใหม่ ยังไม่แข็งแกร่งมากเนื่องจากผู้ประกอบการยังไม่ทำตลาดเชิงรุก คือไม่ออกไปทำตลาดในต่างประเทศ การจัดงาน CTF เหมือนเป็นการเดินทางมาอัพเดทสินค้าท่องเที่ยว ซึ่งปีนี้ เรานำเสนอ ไนท์ซาฟารี และ อควาเรียม รวมถึง การท่องเที่ยวแบบหผจญภัย บราซิลและแอฟริกาใต้”
****ต่างชาติเริ่มลดระดับการเตือน****
ทางด้านนายสรรเสริญ เงารังสี รองผู้ว่าการ ตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า กล่าวในงานเสวนาพิเศษ “สร้างล้านนาโมเดลภาคการท่องเที่ยวที่สัมผัสได้” ว่า นโยบาย การปรับภาพลักษณ์เมืองเชียงใหม่ ให้เป็น ที่สุดแห่งความสง่างามทางวัฒนธรรม (เชียงใหม่ เดอะ โมส สเปลนดิด ซิตี้ ออฟ คัลเจอร์) ทุกภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน ในเชียงใหม่ ต้องร่วมมือกันวางแผนยุทธศาสตร์และดำเนินการให้เป็นรูปธรรมภายใน 3-5 ปี ในการสร้างเอกลักษณ์ล้านนา เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ส่วนงบประมาณ ควรระดมมาจาก งบประจำปี แต่ละหน่วยงานรัฐ พร้อมให้อินเซนทีฟจูงใจ กับทุกภาคส่วนที่เข้าร่วมโครงการ
นายสรรเสริญ กล่าวถึง สถานการณ์ท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศ ว่า ขณะนี้กว่า 34 ประเทศที่ประกาศเตือน นักท่องเที่ยวอันเนื่องจากเหตุการณ์อุทกภัยในประเทศไทย เริ่มทยอยปรับลดระดับการเตือน ลงอย่างต่อเนื่อง คิดเป็น 70% ของที่ประกาศเตือนทั้หงมด ล่าสุด คาดว่าประเทศฮ่องกงจะยกเลิกการเตือน นัวนที่ 29 พ.ย.ศกนี้ ส่วนประเทศจีน เตรียมเข้าหารือกงศุลใหม่ประเทศจีนประจำประเทศไทย เพื่อขอหารือในข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศไทย เพื่อกงศุลจะได้นำไปรายงานต่อรัฐบาลจีนเผื่อจะยกเลิกประกาศเตือนนักท่องเที่ยว คาดภายในต้นเดือนธันวาคนศกนี้ ทั้งตลาด จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน จะเริมมีทริปการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาต่อเนื่อง โดยตลาดเอเชียก็จะเริ่มฟื้นตัวกลับเป็นปรกติ สำหรับจังหวัด เชียงใหม่ ตลาด ที่ ททท. จะนำไปโปรโมต เช่น จีน ในเมือง กวางโจว และ เฉินตู จากปัจจุบัน ตลาดหลักจากจีน คือเมืองคุนหมิง ส่วนเชี่ยงไฮ้ ต้องจัดชาร์เตอร์ไฟล์ทมาลง โดยจีน ชอบ อีโคทัวร์ ส่วนอินเดีย เน้นจับตลาดแต่งงาน ฮันนีมูลและอินเซนทีฟ
***ตลาดอินเดียขอเพิ่มร้านอาหาร*****
อย่างไรก็ตามจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศที่เข้าร่วมงาน CTF ครั้งนี้ พบว่า นายซุบาฮิม ซาราวจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีเอส ทราเวล แอนด์ ทัวร์ ไพรเวท จำกัด ประเทศอินเดีย กล่าวว่า เชียงใหม่ เป็นเมืองที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยกลุ่มเป้าหมายที่บริษัทจะขายทัวร์ เช่น ครอบครัว ฮันนีมูน อินเซนทีฟ และ สัมมนา โดยสิ่งที่เชียงใหม่ ต้องปรับ คือ ต้องการให้มีร้านอาหารอินเดียในเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น กิจกรรมท่องเที่ยวในเชียงใหม่ ที่ชาวอินเดียชื่นชอบ เช่น ไนท์ซาฟารี งานมหกรรมพืชสวนโลก ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวอินเดีย ที่เดินทางมาประเทศไทย 35% จะเดินทางเข้าเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ด้วย โดยมีวันพักในจังหวัดนี้ 2-3 คืน ใช้จ่าย 20,000 บาทต่อคน คิดเป็นค่าใช้จ่าย 1 ใน 3 ของทริปการเดินทาง อนาคตคาดเพิ่มสัดส่วนเป็น 40%
***ผู้ว่าฯเชียงใหม่ปรับ 1 อำเภอ1แหล่งท่องเที่ยว****
ทั้งนี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า แผน การสร้างภาพลักษณ์เชียงใหม่ให้เป็น เดสติเนชั่น แห่งวิถีชีวิต แห่งล้านนา ตามแผน“สร้างล้านนาโมเดลภาคการท่องเที่ยวที่สัมผัสได้” จะเริ่มดำเนินการภายใน 1 ปี นับจากนี้ เพื่อวางรากฐานให้เชียงใหม่ ก้าวไปสู่ทิศทางที่ควรจะเป็น ซึ่งถือเป็นการรีแบรนด์ ความเป็นล้านนา ครั้งใหญ่ ของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อตั้งเมืองมากว่า 715 ปี เน้นชูอัตลักษณ์ ล้านนา ให้ชัดเจน จากที่ 4-5 ปีที่ผ่านมา เชียงใหม่ ได้รับอิทธิพลจากโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ภาพความเป็นล้านนาจึงเลือนหายไป จุดประสงค์ที่ต้องเริ่มรีแบรนด์ครั้งนี้ เพราะจากการสำรวจ พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเชียงใหม่ ต้องการมาสัมผัสวิถีชีวิตแบบล้านนา
จึงเป็นเหตุผลให้เกิดเชียงใหม่โมเดลในครั้งนี้ โดยทั้ง 25 อำเภอ จะต้องร่วมกันทำงาน นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวอำเภอละ 1 แห่ง ทำความใจกับภาคประชาชน ท้องถิ่น การจัดการด้านผังเมือง เพราะ รายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 35% ของ จีดีพี จ.เชียงใหม่
