ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - จังหวัดเชียงใหม่เดินหน้าประชุมหารือแก้ไขปัญหาสถานบันเทิงสร้างความเดือดร้อน เผย หลายหน่วยงานเริ่มดำเนินการแล้วแต่ยังพบข้อติดขัด หวั่นปัญหาบานปลายทำชาวบ้านขัดแย้งผู้ประกอบการหยัก ผู้ว่าฯ ยันต้องเร่งแก้ปัญหาไม่ให้ลุกลาม ระบุมีร้านเหล้าได้ไม่ห้ามแต่ต้องไม่สร้างความเดือดร้อน-ละเมิดกฎหมาย ชี้ ร้านค้าต้องมีจิตสำนึกไม่หน้าไหว้หลักงหลอก ด้านชาวบ้านหากร้านไม่ก่อปัญหาก็ต้องผ่อนปรน ส่วนระยะยาวต้องทำเรื่องโซนนิ่งให้ชัดเจน
วันนี้ (8 พ.ย.) ที่ห้องประชุมศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จังหวัดเชียงใหม่ มีการประชุมคณะทำงานจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการ จังหวัดเชียงใหม่ ตามแผนป้องกันยาเสพติด ครั้งที่ 1/2554 และการประชุมเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากสถานบันเทิงและร้านอาหารที่ส่งเสียงดัง ตามข้อเรียกร้องของประชาชนขึ้น โดยมีหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธาน และมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
การประชุมดังกล่าว นอกจากจะมีการหารือถึงแนวทางการดำเนินงานด้านการจัดระเบียบสังคม เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้สอดคล้องกับแนวนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลแล้ว ยังมีการหารือกันถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในหลายชุมชนของจังหวัดเชียงใหม่ จากสถานบันเทิงที่ส่งเสียงดังและเปิดให้บริการเกินเวลา หลังจากที่ประชาชนจากหลายชุมชนในตัวเมืองเชียงใหม่ได้ร่วมกันเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา
ในที่ประชุมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและได้รับมอบหมายจากจังหวัดให้เข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานบันเทิง ประกอบด้วยอำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานสรรพสามิตจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ได้รายงานถึงการดำเนินการของแต่ละหน่วยงาน หลังจากที่ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพในการแก้ไขปัญหาสถานบริการในแต่ละพื้นที่ของตัวเมืองเชียงใหม่
จากการายงานข้อมูลการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ พบว่า แม้จะมีการเข้าพื้นที่เพื่อตรวจสอบ รวมทั้งมีการเพิ่มความเข้มงวดในเรื่องของการตรวจตราและการบังคับใช้ข้อกฎหมายต่างๆ ให้เข้มข้นขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังพบข้อจำกัดในการดำเนินการหลายประการ เช่น กรณีของร้านจำหน่ายสุราที่ดัดแปลงจากรถตู้ ซึ่งเปิดให้บริการบริเวณริมถนนชัยภูมิ ตรงข้ามตลาดสมเพชร เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพบว่าไม่มีใบอนุญาตประกอบการ แต่เจ้าของร้านยินดีเสียค่าปรับเนื่องจากเป็นจำนวนไม่มาก อีกทั้งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถบังคับให้ยุติการจำหน่ายได้ เนื่องจากไม่มีข้อกฎหมายรองรับ
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์ของมวลชนในพื้นที่ ทั้งฝั่งประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและฝั่งผู้ประกอบการ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าสถานบันเทิงหลายแห่งมีใบอนุญาตถูกต้อง ตำรวจสามารถทำได้เพียงการควบคุมให้ปิดให้บริการตรงตามเวลา และตรวจสอบหากมีการร้องเรียนเรื่องส่งเสียงดัง หรือก่อเหตุทะเลาะวิวาทเท่านั้น โดยตั้งแต่มีการร้องเรียนจากกลุ่มชุมชนก็ได้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจมีภาระหน้าที่รับผิดชอบหลายด้าน หากต้องดูแลแต่สถานบันเทิงก็จะทำให้งานด้านอื่นๆ บกพร่อง ขณะเดียวกันหากเข้มงวดมากเกินไปก็อาจทำให้ร้านที่ดำเนินการถูกต้องไม่พอใจ และเกิดปัญหามวลชนขึ้นได้ เพราะทางฝั่งผู้ประกอบการก็มีคนจำนวนมากที่เกี่ยวข้องอยู่ในระบบ ขณะที่กลุ่มผู้ได้รับความเดือดร้อนบางส่วนมีท่าทีค่อนข้างชัดเจนว่า ต้องการให้ย้ายสถานบริการทั้งหมดออกจากพื้นที่ ซึ่งในทางปฏิบัติยังไม่สามารถทำได้
ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กล่าวต่อที่ประชุม ว่า เรื่องของสถานบันเทิงในจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นเรื่องที่ปล่อยปละละเลยกันมานาน ที่ผ่านมาไม่เคยมีการบังคับว่าต้องปิดเปิดอย่างไร แต่ก็ควรจะมีความสำนึกว่าจะต้องทำให้เรียบร้อย ไม่ใช่กลายเป็นกระด้างกระเดื่องต่อกฎระเบียบ ที่ตนพบเห็นก็คือหลายร้านมีการส่งเสียงดัง ไม่ดูแลรักษาความสะอาด อีกทั้งยังมีพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอก เมื่อมีการตรวจตราก็ทำตามกฎหมาย แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจตราก็ละเมิดกฎหมายกัน
ความจริงแล้วผู้ประกอบการควรจะมีความเห็นอกเห็นใจต่อชุมชน ขณะที่ฝั่งชุมชนเองหากผู้ประกอบการดำเนินการดี ไม่สร้างความเดือดร้อนก็ควรจะผ่อนปรนให้ เพื่อที่จะทำให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ นอกจากนี้เรื่องของโซนนิ่งก็เป็นสิ่งที่ควรจะต้องคิดและดำเนินการต่อไปในอนาคต
ผู้ว่าราชการจังหวัดยังได้กล่าวต่อที่ประชุมด้วยว่า สถานบันเทิงนั้นหากจะมีก็มีได้ ไม่ว่าเลย แต่ต้องทำให้เหมาะสม ให้เป็นไปตามกฎหมาย เรื่องนี้ตนเองยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย จะให้ไปพบกับใคร พูดคุยหารือกับใครก็ได้ทั้งนั้น
ภายหลังการประชุม หม่อมหลวง ปนัดดา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจตราสถานบันเทิงต่างๆ นั้นยังคงต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะสังคมยังขาดความเข้าใจในเรื่องการดูแลสถานที่ของตน การที่มีคนมาเที่ยวมากกนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าการให้บริการนักท่องเที่ยวก็ต้องให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น การที่สถานบันเทิงถูกประชาชนร้องเรียนนั้นส่วนหนึ่งก็ต้องเห็นใจเขาด้วย เพราะเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งมีสิทธิที่จะร้องเรียนตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งอาจจะกลายเป็นความขัดแย้งในระยะยาวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงต้องพยายามหาทางที่จะคลี่คลายความขัดแย้งดังกล่าว ทำอย่างไรก็ได้ให้ทั้งประชาชนและผู้ประกอบการสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข ซึ่งสถานบันเทิงเองก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย มีความรับผิดชอบ ไม่เปิดเสียงดังหรือเปิดเกินเวลา จะทำอะไรก็ต้องคิดถึงประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ด้วย
ส่วนเรื่องของการจัดโซนนิงนั้น ก็เป็นสิ่งที่ควรจะต้องดำเนินการต่อไปในระยะยาว เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยอาจจะทำเหมือนอย่างเมืองลาสเวกัสที่มีการจัดให้สถานบันเทิงต่างๆ มาอยู่รวมกันและไม่กระทบต่อย่านพักอาศัย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ดูแลในเรื่องดังกล่าวก็ต้องปฏิบัติตนตามกรอบ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ หากพบว่ามีการทจริตหรือปล่อยปละละเลยก็จะต้องดำเนินการ ส่วนผู้ประกอบการเองก็ควรจะหลีกเลี่ยงไม่สนับสนุนพฤติกรรมดังกล่าวเช่นกัน
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากสถานบันเทิงและร้านอาหารที่ส่งเสียงดังตามข้อเรียกร้องของประชาชนจากการประชุมของจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไว้เป็น 2 แนวทาง ได้แก่ 1.การตรวจตรา บังคับใช้กฎหมาย โดยให้ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ สรรพสามิตพื้นที่เชียงใหม่ และเทศบาลนครเชียงใหม่ ร่วมกันบูรณาการดำเนินการ 2.มอบหมายเจ้าภาพรับผิดชอบในแต่ละย่าน โดยให้บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่และกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ เจ้าภาพในแต่ละย่านนั้น ประกอบด้วย ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพดูแลย่านลอยเคราะห์/ประตูท่าแพ เชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพดูแลย่านช้างม่อย สรรพสามิตพื้นที่เชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพดูแลย่านกาดคำเที่ยง/เจเจมาร์เก็ต และวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพดูแลย่านนิมมานเหมินท์