ASTVผู้จัดการรายวัน – โฆษณาสื่อหลักร่วงระนาวในเดือนต.ค. ทีวีติดลบ6.31% ส่งผลตัวเลขโฆษณาในเดือนต.ค. ทำได้ 8,665 ล้านบาท เติบโตลดลง 5.06% ส่งตลาดรวมมูลค่าโฆษณาสิ้นปีนี้โตเพียง 7-9% เชื่อโฆษณาฟื้นตัวในเดือน ก.พ. ปีหน้า
รายงานข่าวจาก บริษัท นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ประเทศไทย จำกัด แจ้งถึงมูลค่าตลาดงบโฆษณาเดือนตุลาคมปี 2554 ว่า มีมูลค่าที่ 8,665 ล้านบาท เติบโตลดลง 5.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ากลุ่มสื่อหลักทั้งหมดมีการใช้งบโฆษณาลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อนทั้งสิ้น โดยสื่อนิตยสาร เป็นสื่อที่มีการใช้งบลดลงมากที่สุด ติดลบที่ 25.14% หรือมีการใช้งบโฆษณาในสื่อนี้เพียง 405 ล้านบาท รองลงมาคือ สื่อหนังสือพิมพ์ ติดลบ 7.56% หรือใช้เพียง 1,235 ล้านบาท 3.สื่อโทรทัศน์ ติดลบที่ 6.31% หรือใช้เพียง 5,167 ล้านบาท และ4.สื่อวิทยุ ติดลบ 5.57% หรือใช้เพียง 542 ล้านบาท ส่วนในสื่อรองนั้น กลับพบว่า มีอัตราการเติบโตขึ้นทั้งหมด โดยสื่ออินเตอร์เน็ต เป็นสื่อที่มีการเติบโตสูงสุดที่ 44.83% หรือราว 42 ล้านบาท อันดับสอง คือ สื่ออินสโตร์
เติบโต 35.51% หรือราว 145 ล้านบาท และ3.สื่อทรานซิท เติบโต 16.92%
ส่งผลให้ภาพรวมมูลค่าตลาดงบโฆษณาตั้งแต่เดือนม.ค. –ต.ค. ที่ผ่านมา ทำได้ที่ 89,564 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8.81% โดยในสื่อหลักพบว่า สื่อโทรทัศน์เติบโตสูงสุดที่ 8.32% คิดเป็นมูลค่า 54,128 ล้านบาท 2.สื่อนิตยสาร เติบโต 3.49% คิดเป็น 4,780 ล้านบาท 3.สื่อหนังสือพิมพ์ เติบโต 1.43% คิดเป็น 12,170 ล้านบาท ละ4.สื่อวิทยุ เติบโต 0.93% คิดเป็นมูลค่า 5,013 ล้านบาท
นายเขมทัตต์ พลเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดโฆษณาเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวลงตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่เดือนต.ค.ติดลบ 5.06% นั้น มองว่าจะส่งผลไปจนถึงสิ้นปีนี้ หรือตลอดปี 2554 เชื่อว่ามูลค่ารวมของตลาดโฆษณาน่าจะเติบโตไม่ถึง 2 หลัก หรือน่าจะโตได้ราว 7-9% และพอถึงเดือนม.ค.ปี2555
สถานการณ์การใช้งบโฆษณาน่าจะเริ่มกลับมาทรงตัว และจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งตั้งแต่เดือนก.พ.เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัยด้วย เช่น การเมือง และนโยบายการแก้ปัญหาอุทกภัย เป็นต้น
โดยมองว่ากลุ่มสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นจะเป็นกลุ่มแรกที่หันมาใช้งบโฆษณา เพราะต้องการเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน เห็นได้จากมีการใช้งบโฆษณาในช่วงน้ำท่วมนี้ในลักษณะของการทำซีเอสอาร์ ส่วนกลุ่มสินค้าจากฝั่งยุโรปและอเมริกายังคงนิ่งอยู่ ส่วนสินค้าไทยหลายกลุ่มก็พร้อมกลับมาทำตลาดกันอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
รวมถึงสถาบันการเงินต่างๆ อีกทั้งภาครัฐพร้อมให้งบเพื่อการฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วม จึงเชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี2555 ได้
รายงานข่าวจาก บริษัท นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช ประเทศไทย จำกัด แจ้งถึงมูลค่าตลาดงบโฆษณาเดือนตุลาคมปี 2554 ว่า มีมูลค่าที่ 8,665 ล้านบาท เติบโตลดลง 5.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ากลุ่มสื่อหลักทั้งหมดมีการใช้งบโฆษณาลดลงจากช่วงเดียวกันในปีก่อนทั้งสิ้น โดยสื่อนิตยสาร เป็นสื่อที่มีการใช้งบลดลงมากที่สุด ติดลบที่ 25.14% หรือมีการใช้งบโฆษณาในสื่อนี้เพียง 405 ล้านบาท รองลงมาคือ สื่อหนังสือพิมพ์ ติดลบ 7.56% หรือใช้เพียง 1,235 ล้านบาท 3.สื่อโทรทัศน์ ติดลบที่ 6.31% หรือใช้เพียง 5,167 ล้านบาท และ4.สื่อวิทยุ ติดลบ 5.57% หรือใช้เพียง 542 ล้านบาท ส่วนในสื่อรองนั้น กลับพบว่า มีอัตราการเติบโตขึ้นทั้งหมด โดยสื่ออินเตอร์เน็ต เป็นสื่อที่มีการเติบโตสูงสุดที่ 44.83% หรือราว 42 ล้านบาท อันดับสอง คือ สื่ออินสโตร์
เติบโต 35.51% หรือราว 145 ล้านบาท และ3.สื่อทรานซิท เติบโต 16.92%
ส่งผลให้ภาพรวมมูลค่าตลาดงบโฆษณาตั้งแต่เดือนม.ค. –ต.ค. ที่ผ่านมา ทำได้ที่ 89,564 ล้านบาท เติบโตขึ้น 8.81% โดยในสื่อหลักพบว่า สื่อโทรทัศน์เติบโตสูงสุดที่ 8.32% คิดเป็นมูลค่า 54,128 ล้านบาท 2.สื่อนิตยสาร เติบโต 3.49% คิดเป็น 4,780 ล้านบาท 3.สื่อหนังสือพิมพ์ เติบโต 1.43% คิดเป็น 12,170 ล้านบาท ละ4.สื่อวิทยุ เติบโต 0.93% คิดเป็นมูลค่า 5,013 ล้านบาท
นายเขมทัตต์ พลเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดโฆษณาเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวลงตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่เดือนต.ค.ติดลบ 5.06% นั้น มองว่าจะส่งผลไปจนถึงสิ้นปีนี้ หรือตลอดปี 2554 เชื่อว่ามูลค่ารวมของตลาดโฆษณาน่าจะเติบโตไม่ถึง 2 หลัก หรือน่าจะโตได้ราว 7-9% และพอถึงเดือนม.ค.ปี2555
สถานการณ์การใช้งบโฆษณาน่าจะเริ่มกลับมาทรงตัว และจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งตั้งแต่เดือนก.พ.เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัยด้วย เช่น การเมือง และนโยบายการแก้ปัญหาอุทกภัย เป็นต้น
โดยมองว่ากลุ่มสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นจะเป็นกลุ่มแรกที่หันมาใช้งบโฆษณา เพราะต้องการเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน เห็นได้จากมีการใช้งบโฆษณาในช่วงน้ำท่วมนี้ในลักษณะของการทำซีเอสอาร์ ส่วนกลุ่มสินค้าจากฝั่งยุโรปและอเมริกายังคงนิ่งอยู่ ส่วนสินค้าไทยหลายกลุ่มก็พร้อมกลับมาทำตลาดกันอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
รวมถึงสถาบันการเงินต่างๆ อีกทั้งภาครัฐพร้อมให้งบเพื่อการฟื้นฟูประเทศหลังน้ำท่วม จึงเชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี2555 ได้
