ASTVผู้จัดการรายวัน – “เคเอฟซี-พิซซ่าฮัท-สเวนเซ่นส์” งัดแผนสำรอง หากน้ำท่วมสถนนนพระรามสองต้องเป็นอัมพาต ปรับแผนขนส่งสินค้าไปสาขาภาคใต้ เล็งขึ้นเครื่องบิน หรือ เรือ รถไฟ แทนแล้ว พร้อมตั้งคลังสินค้าชั่วคราวที่ภาคใต้
นายมิลินท์ พันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัม เรสเตอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารร้าน เคเอฟซีและพิซซ่า ฮัท ในไทย เปิดเผยว่า หากเกิดปัญหาน้ำท่วมถนนพระราม2 จะกระทบต่อการขนส่งอย่างมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่ใช้เดินทางไปยังภาคใต้ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯเองก็มีความกังวลอย่างมาก เนื่องจากหากน้ำท่วมจริงแล้วการรเดินทางจะยิ่งลำบากมากส่งผลกระทบต่อการส่งสินค้าและวัตถุดิบไปยังสาขาของเคเอฟซีและพิซซ่าฮัทในภาคใต้แน่นอน
“ตอนนี้เราค่อนข้างจะมีความกังวลว่าน้ำจะท่วมถนนพระราม 2 หรือไม่ เพราะบริษัทมีจำนวนสาขาของร้านเคเอฟซีและพิซซ่า ฮัทในจังหวัดภาคใต้เยอะพอสมควร ถ้าน้ำท่วมจริงๆ จนรถยนต์ขนาดใหญ่ไม่สามารถขนส่งสินค้าได้ เราก็คงต้องมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งไปในรูปแบบต่างๆ”นายมิลินท์กล่าว
โดยขณะนี้บริษัทฯได้ทำการสำรองแผนไว้ก่อนแล้ว ด้วยการเตรียมขนส่งสินค้าและวัตถุดิบทางเครื่องบิน เรือ หรือรถไฟแทนแล้ว เพื่อนำไปส่งให้กับสาขาในภาคใต้ทั้งหมด เพราะเมนูอาหารในร้านทั้งในส่วนของร้านเคเอฟซี และพิซซ่า ฮัทเป็นอาหารปรุงสด วัตถุดิบที่ใช้จะต้องมีการความสดใหม่และพร้อมปรุงตลอดเวลาและต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการจัดเก็บสินค้าโดยเฉพาะในส่วนของอาหารสด ซึ่งต้องเก็บที่อุณหภูมิติดลบที่ 18 องศาเซลเซียส เพื่อควบคุมคุณภาพของอาหารด้วย
อีกทั้งบริษัทฯยังมีแผนที่จะตั้งศูนย์กระจายสินค้าชั่วคราวที่ จ.สงขลา เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าและวัตถุดิบสาขาร้านอาหารในจังหวัดภาคใต้ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ทำการเช่าพื้นที่ เพื่อสร้างคลังสินค้าชั่วคราวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายวิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สเวนเซ่นส์(ไทย)ในเครือไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ผู้ให้บริการธุรกิจร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ กล่าวว่า บริษัทฯเตรียมปรับแผนในการขนส่งสินค้าไปยังสาขาที่ภาคใต้แล้ว หากเกิดปัญหาน้ำท่วมมถนนพระรามสอง โดยจะปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งไปยังถนนสายบางบัวทอง-สุพรรณบุรี หรือ ทางหลวงหมายเลข 340 และสาย 304 ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรีแทน ซึ่งขณะนี้ทางหน่วยงานภาครัฐกำลังกู้เส้นทางอยู่
แต่ทั้งนี้การเปลี่ยนไปใช้เส้นทางดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้นพอสมควร เพราะต้องอ้อมเป็นระยะทางเพิ่มขึ้นถึง 300 กิโลเมตร แต่เป็นเส้นทางหลักที่ยังขนส่งสินค้าไปยังภาคใต้ได้
รวมทั้งยังมีแผนสำรองอีกด้วยการเตรียมใช้การขนส่งผ่านทาง เรือ รถไฟ และเครื่องบินด้วย เพื่อความรวดเร็วในการกระจายสินค้า หรือแม้แต่การย้ายศูนย์กระจายสินค้าหรือไปตั้งศูนย์กระจายสินค้าชั่วคราวทางภาคใต้ แต่อย่างไรก็ตาม คงจะต้องมีการศึกษาข้อมูลความเป็นไปได้ก่อน เพราะจะเป็นวิธีสุดท้ายที่บริษัทจะดำเนินการ หากมีการปิดการจราจรถนนพระราม 2 จากปัญหาน้ำท่วม
นายมิลินท์ พันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยัม เรสเตอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้บริหารร้าน เคเอฟซีและพิซซ่า ฮัท ในไทย เปิดเผยว่า หากเกิดปัญหาน้ำท่วมถนนพระราม2 จะกระทบต่อการขนส่งอย่างมาก เนื่องจากเป็นเส้นทางหลักที่ใช้เดินทางไปยังภาคใต้ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯเองก็มีความกังวลอย่างมาก เนื่องจากหากน้ำท่วมจริงแล้วการรเดินทางจะยิ่งลำบากมากส่งผลกระทบต่อการส่งสินค้าและวัตถุดิบไปยังสาขาของเคเอฟซีและพิซซ่าฮัทในภาคใต้แน่นอน
“ตอนนี้เราค่อนข้างจะมีความกังวลว่าน้ำจะท่วมถนนพระราม 2 หรือไม่ เพราะบริษัทมีจำนวนสาขาของร้านเคเอฟซีและพิซซ่า ฮัทในจังหวัดภาคใต้เยอะพอสมควร ถ้าน้ำท่วมจริงๆ จนรถยนต์ขนาดใหญ่ไม่สามารถขนส่งสินค้าได้ เราก็คงต้องมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งไปในรูปแบบต่างๆ”นายมิลินท์กล่าว
โดยขณะนี้บริษัทฯได้ทำการสำรองแผนไว้ก่อนแล้ว ด้วยการเตรียมขนส่งสินค้าและวัตถุดิบทางเครื่องบิน เรือ หรือรถไฟแทนแล้ว เพื่อนำไปส่งให้กับสาขาในภาคใต้ทั้งหมด เพราะเมนูอาหารในร้านทั้งในส่วนของร้านเคเอฟซี และพิซซ่า ฮัทเป็นอาหารปรุงสด วัตถุดิบที่ใช้จะต้องมีการความสดใหม่และพร้อมปรุงตลอดเวลาและต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการจัดเก็บสินค้าโดยเฉพาะในส่วนของอาหารสด ซึ่งต้องเก็บที่อุณหภูมิติดลบที่ 18 องศาเซลเซียส เพื่อควบคุมคุณภาพของอาหารด้วย
อีกทั้งบริษัทฯยังมีแผนที่จะตั้งศูนย์กระจายสินค้าชั่วคราวที่ จ.สงขลา เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าและวัตถุดิบสาขาร้านอาหารในจังหวัดภาคใต้ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ทำการเช่าพื้นที่ เพื่อสร้างคลังสินค้าชั่วคราวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายวิทยา สินทราพรรณทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท สเวนเซ่นส์(ไทย)ในเครือไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ผู้ให้บริการธุรกิจร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ กล่าวว่า บริษัทฯเตรียมปรับแผนในการขนส่งสินค้าไปยังสาขาที่ภาคใต้แล้ว หากเกิดปัญหาน้ำท่วมมถนนพระรามสอง โดยจะปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งไปยังถนนสายบางบัวทอง-สุพรรณบุรี หรือ ทางหลวงหมายเลข 340 และสาย 304 ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรีแทน ซึ่งขณะนี้ทางหน่วยงานภาครัฐกำลังกู้เส้นทางอยู่
แต่ทั้งนี้การเปลี่ยนไปใช้เส้นทางดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้นพอสมควร เพราะต้องอ้อมเป็นระยะทางเพิ่มขึ้นถึง 300 กิโลเมตร แต่เป็นเส้นทางหลักที่ยังขนส่งสินค้าไปยังภาคใต้ได้
รวมทั้งยังมีแผนสำรองอีกด้วยการเตรียมใช้การขนส่งผ่านทาง เรือ รถไฟ และเครื่องบินด้วย เพื่อความรวดเร็วในการกระจายสินค้า หรือแม้แต่การย้ายศูนย์กระจายสินค้าหรือไปตั้งศูนย์กระจายสินค้าชั่วคราวทางภาคใต้ แต่อย่างไรก็ตาม คงจะต้องมีการศึกษาข้อมูลความเป็นไปได้ก่อน เพราะจะเป็นวิธีสุดท้ายที่บริษัทจะดำเนินการ หากมีการปิดการจราจรถนนพระราม 2 จากปัญหาน้ำท่วม