นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมาบริษัทได้รับออร์เดอร์ใหม่ที่อยู่นอกเหนือจากงานในมือ (Backlog) เพิ่มมากขึ้น ทั้งในส่วนของคอนกรีตผสมเสร็จและคอนกรีตสำเร็จรูป เนื่องจาก CCP เป็นผู้ผลิตคอนกรีตที่มีศักยภาพในการผลิตและขนส่ง ที่สามารถรองรับความต้องการใช้งานคอนกรีตของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องแม้จะอยู่ในสถานการณ์น้ำท่วม
"ความต้องการคอนกรีตรูปแบบต่างๆในตลาดมีค่อนข้างสูง ขณะที่กำลังการผลิตโดยรวมของผู้ผลิตรายต่างๆเริ่มชะลอตัวลงไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ออร์เดอร์ของคอนกรีตรูปแบบต่างๆที่บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง " นายชาคริต กล่าว
นอกจากนี้คาดว่าตั้งแต่ช่วงต้นปี 55 แนวโน้มธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ในเขตภาคตะวันออกจะมีการขยายตัวสูง เนื่องจากเป็นเขตที่มีศักยภาพทั้งในแง่ของการเดินทาง ขนส่ง การขยายตัวของเศรษฐกิจ และปลอดภัยจากน้ำท่วม ปัจจัยดังกล่าวจะมีผลให้ผู้ประกอบการ และ ผู้พัฒนาโครงการรประเภทต่างๆ เกิดความสนใจที่จะลงทุนในเขตนี้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทในการที่จะเข้ารับงานคอนกรีตประเภทต่างๆด้วยเช่นกัน
ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 54 บริษัทมีรายได้รวม 1,682.42 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,565.07 ล้านบาท จำนวน 117.34 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.50% และมีกำไรสุทธิ 25.93 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 8.91 ล้านบาท
ขณะที่ไตรมาส 3/54 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 576.65 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 550.63 ล้านบาท จำนวน 26.02 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.73% และมีกำไรสุทธิ 11.91 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.76 ล้านบาท จำนวน 7.14 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 150.26%
ทั้งนี้ ผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจาก ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทและบริษัทย่อยมีคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆเข้ามาเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีการบริหารจัดการต้นทุนด้านการผลิตและจำหน่ายที่ดี ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้นตามโดยอยู่ที่ประมาณ 13.89% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11.81%
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงาน แม้ว่ายอดขายจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแต่กำไรยังอยู่ในสถานะภาพที่ค่อนข้างดี คือ เฉพาะในไตรมาส 3 บริษัทฯ มีกำไรแล้วกว่า 25 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมืออยู่ที่ 2,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการก่อสร้างโครงการบางส่วนที่บริษัทเป็นผู้รับงานคอนกรีตอาจมีการล่าช้าไปบ้าง แต่เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทอย่างแน่นอน
"ความต้องการคอนกรีตรูปแบบต่างๆในตลาดมีค่อนข้างสูง ขณะที่กำลังการผลิตโดยรวมของผู้ผลิตรายต่างๆเริ่มชะลอตัวลงไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ออร์เดอร์ของคอนกรีตรูปแบบต่างๆที่บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง " นายชาคริต กล่าว
นอกจากนี้คาดว่าตั้งแต่ช่วงต้นปี 55 แนวโน้มธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ในเขตภาคตะวันออกจะมีการขยายตัวสูง เนื่องจากเป็นเขตที่มีศักยภาพทั้งในแง่ของการเดินทาง ขนส่ง การขยายตัวของเศรษฐกิจ และปลอดภัยจากน้ำท่วม ปัจจัยดังกล่าวจะมีผลให้ผู้ประกอบการ และ ผู้พัฒนาโครงการรประเภทต่างๆ เกิดความสนใจที่จะลงทุนในเขตนี้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทในการที่จะเข้ารับงานคอนกรีตประเภทต่างๆด้วยเช่นกัน
ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 54 บริษัทมีรายได้รวม 1,682.42 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,565.07 ล้านบาท จำนวน 117.34 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.50% และมีกำไรสุทธิ 25.93 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 8.91 ล้านบาท
ขณะที่ไตรมาส 3/54 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 576.65 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 550.63 ล้านบาท จำนวน 26.02 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.73% และมีกำไรสุทธิ 11.91 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.76 ล้านบาท จำนวน 7.14 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 150.26%
ทั้งนี้ ผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจาก ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทและบริษัทย่อยมีคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆเข้ามาเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีการบริหารจัดการต้นทุนด้านการผลิตและจำหน่ายที่ดี ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้นตามโดยอยู่ที่ประมาณ 13.89% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11.81%
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงาน แม้ว่ายอดขายจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมแต่กำไรยังอยู่ในสถานะภาพที่ค่อนข้างดี คือ เฉพาะในไตรมาส 3 บริษัทฯ มีกำไรแล้วกว่า 25 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมืออยู่ที่ 2,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตามการก่อสร้างโครงการบางส่วนที่บริษัทเป็นผู้รับงานคอนกรีตอาจมีการล่าช้าไปบ้าง แต่เชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทอย่างแน่นอน
